พิจิตร - ตำรวจเดินหน้าสางคดีโรงสีฉาวพิจิตรโกงชาวนา-ยักยอกข้าว อ.ต.ก.พบข้าวหายเพิ่มอีก 4 พันตัน รวมยอดข้าวหายแล้ว 1.2 หมื่นตัน ด้าน “เสี่ยแกละ” เจ้าของท่าข้าวตัวแทนโรงสีฉาวชิงโผล่มอบตัว รับได้ค่านายหน้า “ไล่ของ” หรือหาข้าวส่งโรงสีตันละ 300 บาท ด้านชาวนาแจ้งความเพิ่มเป็น 74 รายแล้ว
วันนี้ (25 มิ.ย.) พล.ต.ต.ศิรินทร์ ผดุงชีวิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ยังคงเดินหน้าติดตามคดีโรงสี แอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 97/2 หมู่ 3 ตำบลท่าบัว อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ซึ่งมีนางสาวณัฐริกา บุญเกื้อ เป็นกรรมการผู้จัดการ และพวก ฉ้อโกงชาวนาจำนวน 96 ราย และยักยอกทรัพย์ข้าวเปลือก-ข้าวสารของ อ.ต.ก.จำนวน 8 พันตัน มูลค่าความเสียหายรวม 2 คดี 130 ล้านบาท ล่าสุดได้เชิญนางพวงเกสร วงษ์อนุพรกุล เจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.เข้าให้ปากคำ และตรวจสอบเอกสาร
เบื้องต้นพบว่ามีข้าวที่ออกใบประทวนให้แก่ชาวนาไปแล้วสูญหายเพิ่มเติมอีก 4 พันตัน จากเดิมที่สูญหายไปแล้ว 8 พันตัน รวมเป็น 12,000 ตัน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารยืนยันว่าเป็นข้าวในโครงการรับจำนำฤดูกาลผลิตปี พ.ศ.ใด
นอกจากนี้ยังพบว่า ข้าวสาร-ข้าวเปลือกที่เหลืออยู่ 400 ตันในโกดังของโรงสีดังกล่าว อ.ต.ก.ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ข้าวของ อ.ต.ก. ซึ่งคงต้องสอบสวนหารายละเอียดอีกครั้ง เพราะการสอบปากคำนางพวงเกสรซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก.พิจิตร ให้การวกวน และค่อนข้างเครียด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ไปเตรียมตัว เตรียมเอกสารมาให้พร้อมเพื่อตอบข้อซักถามของพนักงานสอบสวน ซึ่งจะได้นัดวันสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง ในเบื้องต้นยังไม่พบว่าเจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก.มีความผิดแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.เนวิน กาหลง หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร เปิดเผยว่า ชาวนาจาก ต.หัวดง ต.สายคำโห้ ต.ฆะมัง ทยอยเข้าแจ้งความตำรวจทำงานกันผลัดละ 6 คน ทั้งวันทั้งคืน 2 วันที่ผ่านมารับแจ้งความลงประจำวันจากชาวนาแล้ว 74 ราย จาก 96 ราย คาดว่าพรุ่งนี้คงสอบสวนเสร็จสิ้น ซึ่งทุกคนให้การว่านำข้าวไปส่งมอบแก่นายอำนาจ ดิษฐเสถียร หรือ “เสี่ยแกละ” อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/9 หมู่ 1 ตำบลหัวดง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เจ้าของท่าข้าวหัวดง ตำรวจจึงไปขออำนาจศาลจังหวัดพิจิตรออกหมายจับ แต่ “เสี่ยแกละ” ชิงเดินทางมาให้ปากคำ ตำรวจจึงแสดงหมายจับและควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
ต่อมา พ.ต.ท.ไชยา ขาวแม้นจันทร์ รอง ผกก.สภ.เมืองพิจิตร ได้รับตัวนายอำนาจ ดิษฐเสถียร หรือ “เสี่ยแกละ” มาทำการสอบสวน ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยอมรับว่าตนได้รับการแนะนำจากท่าข้าวสุนิตย์ ตะพานหิน ให้รู้จักกับนายมุนินทร์ จันทรา หรือ “เสี่ยหนุ่ม” อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 963/178 หมู่ที่ 60 ถนนรังสิต-นครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ที่เป็นเจ้าของโรงสีแอล-โกลด์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ตัวจริง เครือข่ายนักการเมืองใหญ่นครปฐม ซึ่งยื่นข้อเสนอให้ค่า “ไล่ของ” หรือนายหน้าตันละ 300 บาท
ในการหาข้าวส่งเข้าโรงสีในโครงการรับจำนำ ซึ่งตนได้ส่งข้าวไปแล้ว 3,204 ตัน รวม 147 ราย ได้ใบประทวนไปให้ชาวนา 48 ราย จึงทำให้เกิดความเชื่อถือ จากนั้นชาวนาก็บอกปากต่อปากแห่กันมาจำนำข้าวที่ท่าข้าวหัวดง ตนก็ได้อาศัยรถบรรทุกจากท่าข้าวสุนิตย์ ตะพานหิน ส่งรถสิบล้อมาบรรทุกข้าวไป โดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
คำให้การของ “เสี่ยแกละ” เป็นประโยชน์ต่อพนักงานสอบสวนเป็นอย่างมาก เพราะโยงใยไปอีกหลายคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เบื้องต้นยังไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก. หรือ กขจ. (กรรมการข้าวระดับจังหวัด) เกี่ยวพัน
ด้านญาติของ “เสี่ยแกละ” ได้พยายามยื่นขอประกันตัว ซึ่งตำรวจได้ตั้งวงเงินและหลักทรัพย์ค้ำประกันตัวผู้ต้องหาไว้ 1 ล้านบาท แต่จะต้องไปขอประกันชั้นศาลเนื่องจากเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน และเป็นคดีใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจ
ขณะที่นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าฯ พิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้คดีความอยู่ในมือของตำรวจแล้ว ซึ่งตนเองก็กำชับเรื่องการอำนวยความสะดวกและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ที่สำคัญต้องใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เกิดความสงบในบ้านเมือง
อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยเหลือชาวนาที่ตกเป็นเหยื่อ ขณะนี้ตนได้ให้เปิดบัญชีธนาคารใช้ชื่อว่า “บัญชีกองทุนช่วยเหลือชาวนาพิจิตรที่ถูกโกง” โดยได้ประสานงานและได้รับคำแนะนำจากผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งว่าจะช่วยระดมเงินบริจาค ตั้งเป้า 10 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปเยียวยาชาวนาให้มีค่าใช้จ่ายที่จะทำทุนในฤดูกาลนี้ แต่ถ้าได้รับการเยียวยาจากทางภาครัฐก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ขณะเดียวกันมีรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มชาวนาเกือบ 200 รายยังได้รวมตัวกันไปร้องต่อ น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร เลขาฯ รมต.พลังงาน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ถนนพิจิตร-สามง่าม อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่ง น.ส.สุณีย์ก็รับปากว่า จะเป็นสื่อกลางถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยหาเงินมาเยียวยาพี่น้องชาวนาที่ถูกโรงสีฉ้อโกง โดยอ้างโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลดังกล่าวนี้ต่อไป