พิจิตร - ชุดเฉพาะกิจตำรวจภาค 6 ยกทีมสืบสวนมือดีติดตามคดีโรงสีฉ้อโกงชาวนายักยอกทรัพย์ข้าวเปลือก-ข้าวสาร อ.ต.ก. 8,000 ตัน พบคนใน อ.ต.ก.อาจมีเอี่ยว เจอพิรุธตั้งแต่ปี 54-56 สั่งแปรรูป 15 ครั้งทำจริงแค่ 4 ครั้ง ล่าสุดได้เบาะแสข้าวที่ล่องหนถูกนำออกเร่ขายถูกแถวสุพรรณบุรี
พล.ต.ต.ศิรินทร์ ผดุงชีวิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมด้วยทีมสืบสวนสอบสวน ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับ พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรพิจิตร และตำรวจชุดเฉพาะกิจปราบปรามการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 56 ที่ผ่านมา ณ กองกำกับการตำรวจภูธรพิจิตร เพื่อติดตามคดีโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์ อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ฉ้อโกงชาวนาและยักยอกทรัพย์ข้าวเปลือก-ข้าวสารของ อ.ต.ก.ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลประจำปี 2554/55 และปี 2555/56
ซึ่งโรงสีดังกล่าวได้เปิดจุดรับซื้อข้าวที่หัวดง แล้วเอาข้าวเปลือกของชาวนาจำนวน 96 รายไปนานกว่า 4 เดือน แต่ไม่สามารถออกใบประทวนให้ชาวนาได้ ทำให้มีการประท้วงและเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศชาวบ้านต่างแห่มาแจ้งความ เมื่อมีการตรวจสอบจึงพบว่าข้าวเปลือก ข้าวสารของ อ.ต.ก.ที่เก็บไว้ในโรงสีแห่งนี้ก็หายไปอีก 4,000 ตัน รวมมูลค่าความเสียหายทั้ง 2 คดีกว่า 100 ล้านบาท
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้สั่งกำชับให้พนักงานสอบสวนอำนวยความสะดวกแก่ชาวนาที่เข้ามาแจ้งความทั้งที่สถานีตำรวจภูธรโพทะเล และสถานีตำรวจภูธรเมืองพิจิตรทุกกรณี รวมทั้งได้จัดชุดเฉพาะกิจที่เป็นมือสอบสวนจากภาค 6 ดำเนินการหาข้อมูลและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องจาก อ.ต.ก. โดยแยกว่าเป็นปริมาณข้าวสาร- ข้าวเปลือกเท่าไหร่ และเป็นข้าวที่รับซื้อนอกโครงการเท่าไหร่ รวมทั้งยังมีข้าวที่หลงเหลือปริมาณอีกมากน้อยแค่ไหน เพื่อนำหลักฐานมาประกอบสำนวนดำเนินคดี พร้อมทั้งต้องเร่งทำสรุปสำนวนในคดีนี้ให้ได้ภายใน 30 วัน เพื่อจะได้ออกหมายจับ และส่งอัยการสั่งฟ้องต่อไป รวมถึงจะต้องสาวให้ถึงตัวการ ตลอดจนสอบให้ได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก. และการค้าภายในหรือคนของกระทรวงพาณิชย์คนใดเกี่ยวข้องบ้าง
ทั้งนี้ แม้ว่าในการประชุมครั้งนี้จะไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าสังเกตการณ์ แต่ก็มีรายงานว่ากระบวนการยักยอกข้าวในโครงการจำนำข้าวครั้งนี้ หลังโรงสีรับจำนำข้าวเปลือกจากชาวนาในจังหวัดพิจิตรแล้ว ทางโรงสีแอลโกลด์แมนูแฟคเจอร์จะออกตั๋วชั่งน้ำหนักข้าว แล้วนำข้าวไปขายที่โรงสีใหญ่ในอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ในราคาตันละ 8,500 บาททันที โดยไม่มีการนำข้าวมาเก็บไว้ในโกดังของ อ.ต.ก. โดยดำเนินการในลักษณะนี้มานานถึง 2 ปี ตั้งแต่โครงการรับจำนำข้าวปี 2554/55 จนถึงโครงการปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังพบว่า อ.ต.ก.ได้สั่งให้โรงสีดังกล่าวแปรรูปข้าวทั้งหมด 15 ครั้ง แต่โรงสีส่งมอบข้าวเข้าคลังกลางเพียง 4 ครั้งเท่านั้น และเป็นที่น่าสังเกตว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.และคณะกรรมการข้าวระดับจังหวัดจะมีการตรวจปริมาณสต๊อกข้าวทุกเดือน ผลการตรวจกลับระบุว่าข้าวอยู่ครบตามจำนวนทุกครั้ง ทำให้เชื่อว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.รู้เห็นเป็นใจด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ในการออกใบประทวนทุกครั้ง ถ้าโรงสีที่ไม่มีเงินค้ำประกัน 50 เปอร์เซ็นต์จะต้องมีการสั่งแปรรูปข้าวก่อนจึงจะออกใบประทวนให้ชาวนา และเมื่อส่งมอบข้าวแล้วจะนำวงเงินค้ำประกันมาหมุนเวียนค้ำการแปรรูปข้าวในชุดใหม่ได้ แต่ที่ผ่านมามีการออกใบประทวนมาได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีการส่งมอบข้าวเข้าคลัง หรืออาจจะมีการออกใบประทวนลมหรือไม่อย่างไร
ล่าสุดมีรายงานเพิ่มเติมว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.ทั้งระดับผู้บริหารของจังหวัด และระดับผู้ปฏิบัติงานมาให้ปากคำ ซึ่งถ้าพบว่าพัวพันกับการทุจริตในครั้งนี้ก็จะถูกดำเนินคดีต่อไปอย่างแน่นอน
