xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สุวัตร อภัยภักดิ์ “คุณเอกยุทธเป็นคนที่นายใหญ่อยากให้ตายมากที่สุดคนหนึ่ง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุวัตร อภัยภักดิ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ถึงวันนี้ กรณีฆาตกรรม “นายเอกยุทธ อัญชันบุตร” นักธุรกิจชื่อดังที่ประกาศตนเป็นศัตรูกับระบอบทักษิณ ยังคงมีเงื่อนงำและมีข้อพิรุธแห่งคดีให้ติดตามไขปริศนา เนื่องเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถแสวงหาคำตอบให้เป็นที่กระจ่างชัดได้ ยิ่งเวลาของการสืบสวนสอบสวนทอดออกไปนานเท่าไหร่

ประชาชนก็ยิ่งฉงนสงสัยและตั้งคำถามในการทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเหตุใดจึงรีบเร่งและร้อนรนที่จะปิดคดีโดยเร็ว เสมือนหนึ่งต้องการบิดเบือนคดีเพื่อไม่ให้โยงไปถึงผู้ออกคำสั่งฆ่าที่ยืนทะมึนอยู่เบื้องหลัง

ด้วยเหตุดังกล่าว ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์จึงได้สัมภาษณ์พูดคุยกับนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายเอกยุทธเพื่อแสวงหาคำตอบของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังที่ถึงวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถชี้แจงจนหายสงสัยได้

เหตุใดจึงตั้งข้อสงสัย และขอให้ตำรวจสืบสวนใน 13 ปมตามที่ได้ส่งหนังสือไปถึง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.)

ข้อที่ 1 เรื่องมูลเหตุจูงใจ หากผู้ต้องหาประสงค์ต่อทรัพย์ เหตุใดจึงนำสร้อยคอทองคำ พระสมเด็จเกศไชโยเลี่ยมทอง ราคาองค์ละเหยียบสิบล้าน นาฬิกาโรเล็กซ์ ของมีค่าของผู้ตายทั้งหมดไปทิ้งน้ำ เราจึงเชื่อว่าคนร้ายประสงค์ ต่อชีวิตมากกว่าจะประสงค์ต่อทรัพย์ แต่ถูกจัดฉาก เบี่ยงประเด็น ให้เห็นว่าเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์ ทั้งๆ ที่การเสียชีวิตของคุณเอกยุทธมีความเป็นไปได้ในหลายแนวทาง ซึ่งผมในฐานะทนายได้ตั้งประเด็นเอาไว้ 4 ประเด็นหลักๆ ด้วยกันคือ 1.ชู้สาวหรือไม่ 2.เป็นการฆ่าชิงทรัพย์ 3.ขัดแย้งทางธุรกิจ 4.มีการวางแผนฆ่าทางการเมือง

ชั้นแรก เราเลือกที่ตัดประเด็นเรื่องธุรกิจไปเพราะไม่มีข้อน่าสงสัยในส่วนนี้ นอกจากนั้นเราก็ยังตั้งประเด็นที่ว่ามีการเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องตำรวจด้วยหรือไม่ เราก็โยงไปเกือบทุกประเด็นถ้าอันไหนไม่มีน้ำหนักเพียงพอเราก็ตัด ออก ส่วนที่น่าสงสัยมากที่สุดไม่พ้นเรื่องการเมือง เพราะคุณเอกยุทธเป็นไม้เบื่อไม่เมากับระบอบทักษิณมายาวนาน วิพากษ์วิจารณ์ ออกมาปูดเรื่องว.5โฟร์ซีซั่น หรือเรื่องมัลดีฟส์ที่พาดพิงไปถึงน้องสาว ซึ่งได้ทำการวิจารณ์มาตลอดในช่วงวันที่ 2-5 มิถุนายน จนมาถูกอุ้มในวันที่ 6 มิถุนายน

คุณเอกยุทธเป็นคนที่นายใหญ่อยากให้ตายมากที่สุดคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็ยังถูกทำร้ายร่างกายในประเด็น ว.5โฟร์ซีซั่น ประกอบกับที่ทางตำรวจได้จับนายสันติภาพ เพ็งด้วงหรือบอล คนขับรถ ทางตำรวจได้ให้โอกาสผมไปคุยกับนายบอล เขาก็ยอมรับว่านายเปี๊ยกเป็นคนว่าจ้างมา เนื่องจากนายบอลมีประวัติเสียพนันบอลไว้เยอะมากเป็นหลักล้านบาท และคือนายเปี๊ยกติดต่อจ้างเอากุญแจมือมาให้ เอาโทรศัพท์ที่นายบอลใช้ที่ร้านครัวกระแตมาให้ ประกอบกับขณะนั้นผมมีหลักฐานว่า นายบอลเคยเป็นลูกน้องผู้กองมนัส ซึ่งเป็นขาใหญ่ในวงการมาเฟียมาก่อน พอเรารู้ข้อมูลตรงนี้เราก็ตั้งคำถามว่ามีการให้นายบอลแฝงตัวมาหรือเปล่า 7 เดือนแล้วมาลงมือ เพราะผู้กองมนัสแต่ก่อนก็เคยเป็นลูกน้องเสธ.คนดัง แต่เสร็จแล้วก็มีผู้หลักผู้ใหญ่มาเคลียร์ว่า ผู้กองมนัส ไม่ได้ทำ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเสธ.คนดัง

คำถามที่ตามมาคือเกี่ยวข้องกับใคร เพราะการวางแผนครั้งนี้มันหมดจดเหลือเกิน เป็นในลักษณะวางแผนไป ทำลายหลักฐานไปด้วย แล้วคุณเอกยุทธก็ฉลาดพยายามส่งสัญญาณมาให้ที่บ้านอยู่เรื่อยๆ ในวันที่เกิดเหตุถูกอุ้ม อาทิ โทรศัพท์มาถามพี่สาวว่ากุญแจบ้านอยู่ที่ไหน ทั้งที่คุณเอกยุทธก็รู้อยู่แล้ว หรือจะแกล้งเขียนเช็คผิด เวลาทางบ้านโทร.ไปก็บอกว่าไม่สะดวกคุยกับผู้ใหญ่อยู่ แม้กระทั่งถอดแหวนเพชรที่รักมากบนรถ และส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะจะมีลูกน้องคนหนึ่งชอบขับรถตาม เอกยุทธก็เจาะจงเลยว่าต้องให้คนนี้เอาไปส่งเพราะรู้ว่าคนนี้มันชอบตาม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ญาติพี่น้องหรือทุกคนที่เอกยุทธได้ส่งสัญญาณดูเหมือนจะไม่รับรู้ถึงสัญญาณดังกล่าว

เรามุ่งหน้าไปที่น่าจะเป็นการประสงค์ต่อชีวิต เนื่องจากเอกยุทธมีศัตรูทางการเมืองและกว้างขวาง นอกจากนั้นที่สำคัญคือฝ่ายการเมืองอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยังออกมาชี้นำคดีในตอนแรก บอกว่าเป็นแค่ฆ่าชิงทรัพย์ธรรมดา รวมไปถึงผบ.ตร.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ก็บอกว่าแค่ชิงทรัพย์ธรรมดาไปในทางเดียวกัน แต่ในทางข่าวของผมเชื่อมั่นว่ามีการสั่งการมาจาก นายใหญ่ อย่าให้โยงไปเรื่องการเมืองเด็ดขาด

ทำไมถึงตั้งข้อสันนิษฐานว่าการอุ้มฆ่ามีผู้ก่อเหตุมากกว่า 2 คนขึ้นไป

ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนก็คือนายสันติภาพ เพ็งด้วงหรือบอล และนายสุทธิพงษ์ พิมพิสารหรือเบิ้ม ถ้าลงมือสมมุติไหนนายบอลจะขับรถ ไหนจะปีนจากข้างหน้า แล้วเรียกนายเบิ้มไปล็อกกุญแจมือเอกยุทธ คนเราตามปกติเวลาปีนมันจะไม่มั่นคง สมมุติมีคนร้ายแค่สองคนจริงๆ คนหนึ่งเอาปืนจ่อเอกยุทธ ซึ่งผู้ตายมีวิชาความรู้เรื่องปืน การแย่งปืนจากมือคนร้ายจึงสามารถกระทำได้ ฉะนั้นสองคนไม่น่าจะทำได้ เอกยุทธน่าจะสลัดหลุด มันน่าจะมีคนข้างหลังล็อกคอไว้ ขณะที่เอกยุทธคงไม่อยู่เฉยๆ พยายามจะหนีอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่นิสัยคนกลัว แต่พอมาถึงจุดที่คิดว่าตัวเองจะต้องตาย การประสงค์ต่อทรัพย์อย่างเดียวเอกยุทธจะต้องไม่ตาย ที่สำคัญได้ให้เงิน 5ล้านบาทไปแล้วด้วย และเอกยุทธไม่ได้มีแค่ 5ล้าน ซึ่งจะเอามากกว่านี้ก็ย่อมได้จะเอา 20 ล้านยังได้เลย ด้วยเหตุนี้คำให้การผู้ต้องหาที่บอกมาทั้งหลายจึงไม่มีมูลน่าเชื่อถือ

เรื่องให้ติดตามโทรศัพท์มือถือของนายสันติภาพระหว่างที่อยู่ร้านอาหารตามภาพวงจรปิด ตรวจสอบว่าคุยกับใครบ้าง

นายบอลอยู่ร้านครัวกระแต กล้องวงจรปิดมีภาพบันทึกว่ามีการโทรศัพท์ตลอดเวลา ทำไมตำรวจไม่ไปตามหาเบอร์โทรศัพท์เครื่องซึ่งสามารถโยงไปถึงผู้กระทำความผิดขบวนการได้ แต่ตำรวจเอาเบอร์นายบอลไปแค่สองเบอร์ ประเด็นคือมันมีเบอร์โทร.อีกเบอร์ที่ตำรวจไม่ได้มา ถ้าได้มาก็จะรู้ว่าบอลได้คุยกับใครอยู่ เมื่อรู้ว่าคุยกับนาย ก. เมื่อสาวถึงนายก. ก็จะรู้ได้ว่านายก.รับงานจากใคร ซึ่งตั้งแต่ตำรวจทำคดีมายังไม่เห็นจะพบว่าไปตรวจสอบตรงประเด็นนี้เลย ไม่ได้ตามหา จึงเป็นข้อผิดสังเกตมาก ตามวิสัยของการสืบสวนสอบสวน

เรื่องให้ติดตามนายเปี๊ยก ตามที่นายสันติภาพอ้างว่าเป็นผู้นำกุญแจมือและโทรศัพท์มาให้

เราถามนายบอลว่า นายเปี๊ยกคือใครแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ เราก็อยากรู้ว่านายเปี๊ยกโทร.หานายบอลใช้เบอร์อะไร นายบอลบอกว่าจำไม่ได้ ปกติใครโทร.หาเราเบอร์ก็จะขึ้น มันก็มีความคลุมเครือเกิดขึ้นว่านายเปี๊ยกมีอยู่จริงหรือไม่ หรือมีแล้วพยายามปกปิดไว้ ถ้าบอลทำงานกับทีมอุ้มฆ่า แล้วบอลอาจตั้งใจปกปิดเพื่อไม่ให้พาดพิงไปถึง

การตามหาฮาร์ดดิสก์กล้องวงจรที่หายไปและให้ผู้เชี่ยวชาญกู้คืนข้อมูลยังไม่คืบหน้า

อย่างออฟฟิศผมจะมีกล้องวงจรปิดทั้งหมด 26 ตัว ใครเข้าออกจะเห็นได้จากจอมอนิเตอร์ ลำพังคนอย่างนายบอลไม่น่าจะคิดได้ว่ามีฮาร์ดดิสก์ ที่ทำหน้าที่เก็บหลักฐานทุกซอกมุมของบ้านได้ มันน่าจะเป็นคนที่เรียนรู้การสืบสวนสอบสวนมา นอกจากนั้นแล้วกล้องวงจรปิดสามารถดูผ่านไอแพดหรืออินเตอร์เน็ตได้ สมมุติเอกยุทธอยู่ประเทศอังกฤษก็สามารถรู้ความเป็นไปของบ้านตัวเองได้ ฉะนั้นฮาร์ดดิสก์หายไปไหน ถ้าหายไปจริงหรือถูกทำลาย มันก็จะต้องมีบริษัทที่ให้บริการเซิฟเวอร์ของมัน เราก็ไปขอข้อมูลสำรองได้

คำให้การของผู้ต้องหายังมีความขัดแย้ง ตรงนี้มันมีตรงไหนผิดสังเกตบ้าง

นายบอลบอกว่าเมื่อฆ่าเอกยุทธแล้วนำศพมุ่งหน้าไปจังหวัดพัทลุง แต่เบิ้มบอกว่าได้แวะพักที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่เวลา 14.00-20.00น. จึงเดินทางต่อไปพัทลุง ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าบ้านที่ไปพักกันคือบ้านของใคร ผู้ต้องหาก็บอกว่าเป็นเพื่อนของนายบอล มีผัวเมียคู่หนึ่งและลูกเล็กอีก 2-3คน เวลาตั้งนมนานที่แวะไปบ้าน เอาเวลาไปทำอะไรกับฮาร์ดดิสก์หรือเปล่า หรือเอาสร้อยเอาสิ่งใดไปฝังทำลายหลักฐานหรือเปล่า ตำรวจยังไม่ได้ไปสืบประเด็นนี้

เรื่องหาหลักฐานกล้องวงจรปิดจุดที่นายเอกยุทธถูกฆ่าตาย และตามหาพยานที่นายเอกยุทธไปขอความช่วยเหลือ

สังเกตหรือไม่ว่านายบอลมีรูปร่างผอม แต่ว่าเอกยุทธจะเป็นคนล่ำสัน ข้อสังเกตจึงอยู่ที่ว่าหากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวจะไม่สามรถบีบคอได้ เพราะในมุมเอกยุทธที่คิดว่าตัวเองจะตายคงสู้สุดชีวิต ต้องขัดขืนแบบสุดชีวิต เราไม่เชื่อว่าลำพังนายบอลคนเดียวจะบีบคอฆ่านายเอกยุทธได้ในลักษณะตายแบบตาถลน ลิ้นจุกปาก มันน่าจะมีคนช่วยจับมือ เท้า ซึ่งคนบีบก็ต้องใช้กำลังเยอะกว่าจะตาย แล้วสภาพศพยังมีการถูกทำร้ายที่อัณฑะของนายเอกยุทธซึ่งจุดนี้ก็น่าคิดต่อไปได้เช่นกัน

ให้ตรวจสอบว่าใบหน้าของนายเอกยุทธถูกทำร้ายหรือไม่ สงสัยอะไรในจุดนี้

นายเบิ้มให้การต่อว่า ไปช่วยนายบอลขนศพเอกยุทธขึ้นรถโดยมีสภาพตาถลน ลิ้นจุกปาก เราก็อยากรู้ว่าหน้าตาเอกยุทธถูกทำร้ายหรือไม่ ตามปกติก็คงต้องจับมัดไพล่มือ เอาถุงพลาสติกคลุม ซึ่งคาดว่าต้องมีคนหลายคนช่วยกันทำแบบนั้น ถ้าบีบหลังก็ต้องไปถูกับพื้นถนน ศีรษะมีแผลอะไรบ้าง ใบหน้าถูกชกหรือไม่ กระทืบหน้าท้องมีหรือไม่ นี่คือหลักนิติเวชวิทยา ซึ่งที่ฟังและดูมาหลายอย่างยังไม่ปักใจเชื่อ จึงอยากให้ไปสืบสวนต่อ

บุคคลใดนำกระเป๋าใส่เอกสารของนายเอกยุทธไป

โดยปกติเอกยุทธจะชอบถือกระเป๋าหลุยส์ วิตตอง ใบเล็กๆ ใส่เงินสดเป็นแสน โทรศัพท์ ไอแพด เพราะต้องใช้เช็กหุ้นทั้งวัน คำถามคือโทรศัพท์ ไอแพดหายไปไหน และกระเป๋าดังกล่าวตำรวจไม่ได้มาซึ่งผิดปกติ หลักฐานสำคัญแบบนี้ทำไมไม่ไปหาไม่สืบสวน ส่วนนายบอลก็สารภาพว่าเอาไป แต่ดันไม่รู้เอาไปไหน มาถึงขณะนี้ก็ไม่ยอมบอก

ประเด็นเรื่องลูกอัณฑะของนายเอกยุทธถูกทำร้าย สงสัยอะไร เกี่ยวกับประเด็นที่โพสต์ น้ำแตกที่มัลดีฟส์อะไรด้วยหรือไม่

จากศพของนายเอกยุทธจะเห็นว่าลูกอัณฑะของเอกยุทธถูกทำร้ายด้วย ซึ่งมันต้องมีความเกี่ยวข้องกับที่ไปโพสต์เรื่องน้ำแตกที่มัลดีฟส์ ซึ่งก็เป็นประเด็น หนึ่งที่ตำรวจต้องคลี่คลายในจุดนี้ด้วย

ประเด็นพบผู้ต้องสงสัยบริเวณปากซอยประดิพัทธ์ 17 สงสัยอะไร

วันเกิดเหตุมีผู้ชายอยู่กลุ่มหนึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นทีมฆ่า แล้วตรงข้ามปากซอยมันมีร้านแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอยู่ ซึ่งมีกล้องวงจรปิดอยู่ด้วย จึงอยากให้ตำรวจเข้าไปขอดูว่ามีใครอยู่ตรงบริเวณนั้นในวันเกิดเหตุบ้างหรือไม่

ขอให้ตำรวจตรวจสอบรถโฟล์คตู้ของกลางอีกครั้ง เพื่อหาลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอของบุคคลอื่น

ข้อนี้เป็นข้อสำคัญเลยที่ต้องตรวจสอบว่าในรถตอนเกิดเหตุมีลายนิ้วมือของใครหรือลายนิ้วมือแฝงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นใครรัดคอ ใครปีนไปตรงจุดไหน มันจะต้องทิ้งร่องรอยลายนิ้วมือหรือดีเอ็นเอของคนทุกคนในนั้นไว้อยู่ รวมไปถึงน้ำลาย เหงื่อ เลือด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นหลักฐานให้คลี่คลายคดีได้ อาทิ หากมีมากกว่า 3-4 ตัวอย่างก็จะพบคำตอบที่ชัดเจน แต่ทางตรวจก็เร่งเอารถของกลางไปทำแผนขับไปที่นั้นที่นี้ตามที่ต่างๆ ในการทำแผนฆ่า ซึ่งก็อาจทำให้หลักฐาน ร่องรอยต่างๆ หายไปได้

ให้หาเสื้อผ้าของนายเอกยุทธ

เสื้อผ้าการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันมันจะต้องมีหลักฐานดีเอ็นเอ เลือดของผู้กระทำผิดติดอยู่ จะได้รู้ว่าใครอยู่ในเหตุการณ์อุ้มฆ่าบ้าง คำถามคือเสื้อผ้าเอกยุทธหายไปไหน นายบอลให้การว่าเอาไปเผา ต่อมาบอกเอาไปฉีกเป็นชิ้นๆ แล้วโปรยระหว่างทางที่ขับรถไปด้วย ซึ่งจุดนี้ก็คิดว่าผิดสังเกตและนายบอลอาจจะดูหนังมากเกินไป ซึ่งถ้าจะทิ้งเสื้อผ้าก็ทิ้งไปเลยทีเดียว ประกอบกับการที่ได้ไปหาหลักฐานก็พบว่าเสื้อของนายบอลเองเจ้าตัวก็ยังตัดสินใจทิ้ง ขัดกันกับที่บอกว่าฉีกเสื้อเอกยุทธ

ดูเหมือนจะไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหา

ประมวลคำให้การของนายบอลแล้วเราก็มานั่งทบทวนว่านายบอลจะคิดแผนการต่างๆได้หมดหรือ ยกตัวอย่างเอาฮาร์ดดิสก์ไปทำลายหลักฐานต่างๆได้ขนาดนี้ ไอ้เบิ้มบอกว่าไอ้บอลชอบดูหนังสืบสวนสอบสวน ซึ่งถ้าดูแค่หนังคงไม่มีความสามารถขนาดนี้ ถ้าทำได้ขนาดนี้น่าจะเป็นทนายหรือตำรวจ ที่มีความรู้ไม่น้อย

วันแรกที่จับนายบอลได้ มีการออกมาแถลงว่า เอกยุทธเอาเงิน 5 ล้านบาทหนีไปพม่า พอเราทราบแบบนี้เลยบุกไปกองบัญชาการตำรวจนครบาลเลย เราก็คิดว่าชักจะไปกันใหญ่แล้ว ถ้าเอกยุทธจะไปพม่าจริงจะไปลัดเลาะที่พัทลุงทำไม เราไม่เชื่อพอบุกไป บช.น.เราก็เจอบอลอยู่กับตำรวจพอตำรวจเห็นเราก็พานายบอลเดินหนี จนไปขวางไว้ที่ลานจอดรถแต่ก็ไม่ทันพาบอลหนีไปจนได้ จากนั้นเราก็ไปขอพบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จน ผบช.น.บอกว่าจะร่วมสอบสวนกับเขาหรือไม่ เราจึงตัดสินใจเริ่มสอบสวนกับทีมตำรวจไปด้วย พอเราร่วมสอบสวนด้วยบอลจึงได้รับสารภาพ ตอนแรกบอกเอาปืนยิงเราก็ถามว่ายิงที่ไหน ถ้าเป็นปืนออโตเมติกต้องมีการสลัดปลอก ต้องไปหาปลอกมีตกหล่นอยู่แน่ ถ้ายิงที่หัวเลือดต้องกระเด็นตรงไหน ปืนใครก็ตอบไม่ได้ บอกบีบคอเราก็ไม่เชื่อ ตัวต่อตัวต้องเกิดการต่อสู้ นี่เป็นหลักธรรมดาของอาชญาวิทยา

คิดว่าผู้ร่วมก่อเหตุฆ่ามีจำนวนกี่คน

อย่างน้อยต้อง 4 คนขึ้นไป คือถ้า 4 ต่อ 1 มันเอาอยู่แน่นอน ถ้า 2คน จะเอาไม่อยู่ไหนจะมีภาระเรื่องรถ เรื่องคุมคน จะวุ่นไปหมด ไหนจะจอดรถ ไหนจะวิ่งตามเอกยุทธ ส่วนเบิ้มคงไม่นั่งนิ่งเป็นไม้ประดับต้องไปวิ่งตาม เพราะคนเราต้องขับรถไหนจะหาที่จอด กว่าจะไปวิ่งตามอีก มันต้องใช้เวลากว่าจะวิ่งตามไปหาเอกยุทธที่ขอให้รถบรรทุกช่วย คำให้การแค่ 2 คน ยังมองว่าไม่มีเหตุผลรองรับที่มากพอ

ประเด็นเรื่องปมธุรกิจดูเหมือนว่าจะถูกตัดไปเลย

คนอย่างเอกยุทธมีเงินไม่ใช่น้อย ประกอบกับว่าเรื่องแชร์ชาร์เตอร์มันนานมาแล้วกว่า 20 ปี ใครจะไปตามแค้นได้ขนาดนี้ และเอกยุทธก็รับกรรมไปแล้วต้องหนีระหกระเหินอยู่นาน 20 ปี คนไทยไม่ใช่มีนิสัยแบบนั้นที่ต้องตามล้างแค้นแบบ 10 ปีไม่สาย จึงไม่น่าเข้าเค้าประเด็นเรื่องธุรกิจ เรื่องเงินทอง

สงสัยเรื่องคนมีสีกลุ่มไหนหรือไม่ และเป็นกลุ่มไหนที่น่าจะอยู่เบื้องหลัง

ในความเห็นของผม คนที่ลงมือและประมวลดูรูปการณ์ทั้งหมดเบื้องต้นของคดีนี้ไม่มีใครทำได้ดีเท่าตำรวจ ซึ่งตำรวจเชี่ยวชาญเรื่องการสืบสวนสอบสวน รวมไปถึงกลุ่มทหารที่มีประสบการณ์ น่าจะมีส่วนมากเลยทีเดียว ถ้าเอาคำบอกว่านายบอลที่บอกว่าชอบดูหนังแต่หากไม่เคยลงมือทำเอง มันจะไม่ละเอียดแบบนี้ ทั้งการหายของฮาร์ดดิสก์ กล้องวงจรปิด ไอแพด ยกตัวอย่างหากถอดซิมโทรศัพท์ออกมันจะมีอีมี่ของโทรศัพท์ของแบบนี้สามารถเช็กได้ ไม่ใช่เกินความสามารถของตำรวจ มันต้องไปหาให้ได้ว่าโทรศัพท์หายไปไหน จุดสุดท้ายที่มีสัญญาณ นอกจากนั้นจีพีเอสที่มีในรถหรูทุกคันจะต้องมี ถ้าเป็นประเทศสหรัฐอเมริการถหายวันเดียวสืบได้เลยว่าอยู่ไหน แม้กระทั่งบัตรเครดิตว่าไปรูดตรงไหน มันมีระบบที่เชื่อมกันทั้งหมด ได้ผลเด็ดขาดดีมาก

ผลชันสูตรเบื้องต้นมาถึงตรงนี้พอจะมองภาพออกแค่ไหน

คนที่จะคิดได้ว่าศพทำไมต้องจับแก้ผ้าก็คือเสื้อมันบ่งบอก หรือเพื่ออำพรางศพ เพราะทำให้ญาติจำไม่ได้ คือทั้งมีการทำลายศพ ทำลายหลักฐาน ทำไปพร้อมกันในเวลาเดียว มันจะต้องเป็นมือพระกาฬเรื่องสืบสวนสอบสวน ไม่น่าจะใช่โจรกระจอกอายุ 24 ปี

คิดว่ามีการวางแผนมานานแค่ไหน

ตอนแรกคิดว่าวางแผนมาตั้งแต่ก่อนแฝงตัวเข้ามาและยังเคยเป็นลูกน้องผู้กองมนัสมาก่อน ได้มาทำงานกับเอกยุทธเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ครบเวลา 7 เดือน ตอนหลังมีผู้ใหญ่โทรมาเคลียร์กับเราว่าผู้กองมนัสไม่น่าจะเกี่ยวข้อง

คดีตอนนี้มีกองปราบปรามมาช่วยดูคดีเชิงลึกคิดว่าจะส่งผลต่อคดีในทิศทางใด

ตอนแรกน้องสาวเอกยุทธไปแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง เรามองว่าถ้าอยู่ใน บช.น.เราก็ไม่ค่อยไว้ใจเพราะเอกยุทธมีคดีฟ้องร้องกับ บช.น.อยู่ อีกทั้งทางกองปราบมีอิสระในตัวสูงกว่า เราจึงได้ไปแจ้งกองปราบอีกครั้งหนึ่ง ทาง บช.น.เราก็เชื่อใจได้ส่วนหนึ่งแต่ก็ติดที่ว่า ร.ต.อ.เฉลิมออกมากำกับบทอยู่เรื่อยๆ ด้านกองปราบเองจะสืบสวนในเชิงลึก ไปเริ่มตั้งแต่สืบว่านายสันติภาพเข้ามาเมื่อไหร่ ยังไง เข้ามาแฝงตัวหรือไม่ เป็นเรื่องจำเป็น และนายสันติภาพติดต่อกับใครบ้างเพื่อให้เห็นตุ๊กตาตัวอื่นในรูปคดีว่ามีใครบ้าง

ปกติแล้วนายเอกยุทธจะมีทีมบอดี้การ์ด วันเกิดเหตุทำไมหายตัวไป

ดวงคนจะเสียชีวิต คงคิดว่าวันนั้นแค่ไปกินข้าวกับเพื่อน อีกเรื่องที่สำคัญคือเอกยุทธกำลังจะเอานายสันติภาพออกจากงาน เพราะมีปัญหาขาดงาน ติดหนี้พนัน เอกยุทธจึงเริ่มเอาคนขับใหม่มาทำงานแล้วด้วย คาดว่านายสันติภาพจึงต้องชิงลงมือในช่วงเวลานี้ ไม่งั้นอาจจะไม่มีโอกาส

ปฏิกิริยาของญาตินายเอกยุทธเป็นอย่างไรบ้าง

กลัวมาก โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ทั้งพี่สาว น้องสาว และภรรยา ฝ่ายหญิงถึงกับบอกเราว่าให้หยุดทำคดีนี้ไปเลย ส่วนฝั่งผู้ชายอยากได้คำตอบของคดีนี้ซึ่งก็มีพี่ชายและลูกชายขอให้ทำต่อ เลยมีการประชุมกันจนสุดท้ายบอกว่าแล้วแต่เราเลย เราก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อ ถึงแม้จะรู้ว่าอันตรายอาจเกิดกับตัวเราเอง ญาติฝ่ายหญิงกลัวทีมฆ่ามาฆ่าเขา เพราะคิดว่าคนอยู่เบื้องหลังไม่ใช่กลุ่มคนธรรมดา

ได้พูดคุยกับหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ บ้างหรือไม่

ไม่ได้คุยโดยตรงมีการประสานกันเท่านั้น แต่ก็ติดที่ว่าท่านได้ถูกโยกย้ายจาก ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ท่านก็ให้สัมภาษณ์แล้วว่าคงไม่เข้ามาทำคดี เพราะถ้าท่านเข้ามาจะตรวจละเอียดกว่านี้เยอะมาก เรื่องโยกย้ายท่านมีจุดประสงค์ทางการเมืองแน่นอน ท่านเป็นคนตรงรัฐบาลนี้ไม่อยากให้อยู่หรอก เขาไม่อยากมาให้นั่งอยู่ตรงนี้ ซึ่งมันจะมีผลไปถึงการคลี่คลายคดี รัฐบาลนี้คนดีอยู่ไม่ได้หรอก พยายามที่จะคุมแบบเบ็ดเสร็จทั้งตำรวจ ทหาร ราชทัณฑ์ ต่อไปนี้จะสั่งใครก็ได้ อย่างที่รู้ทักษิณคือนายกฯตัวจริง

เกรงกลัวต่อการทำคดีนี้หรือไม่

ถามว่ากลัวหรือไม่ก็ต้องตอบว่ากลัว แต่ไม่ประมาท ตอนทำคดีให้พันธมิตรฯ ถูกขู่ฆ่ามาตลอด ถูกจ้างให้เลิกว่าความให้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกติดสินบนแต่เราก็ไม่ทำ เราถือว่าอาชีพของเราต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ถ้ามันจะต้องตายมันก็ต้องตาย ถ้าเราไม่ทำหน้าที่ของเรายอมตายเสียดีกว่า จึงต้องระวังตัวอยู่ตลอด เทียบกับคุณสนธิเขาเป็นเพื่อนเรา เพื่อนลุกขึ้นมาช่วยชาติเรานิ่งเฉยไม่ช่วยก็ไม่รู้จะเป็นเพื่อนกันทำไม แต่อย่างเอกยุทธไม่ใช่เพื่อน ถ้าจะเลิกทำคดีก็เลิกง่ายๆ ได้ ซึ่งเป็นคดีแรกและคดีสุดท้าย ถ้าถามความผูกพันก็คงไม่มี แต่มันเป็นหน้าที่ของเราต้องทำเต็มที่


กำลังโหลดความคิดเห็น