xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ฎีกาพลิกคดี "3หนา"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เมื่อวันนี้ 13 มิ.ย.56 ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ให้ยกฟ้อง ในคดีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ที่นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้อง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ชุดที่มี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธานกกต. ทั้งคณะ

นายถาวร ได้ยื่นฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 18 เม.ย.49 โดยฟ้อง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) , พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีต ประธาน กกต., นายปริญญา นาคฉัตรีย์, นายวีระชัย แนวบุญเนียร , พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ และ พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา อดีตเลขาธิการ กกต. ร่วมกันเป็นจำเลย ที่ 1-6 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว. พ.ศ. 2541

โดยคำฟ้องสรุปความว่า ระหว่างวันที่ 3-5 เม.ย. 49 จำเลยทั้งหมดได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ และใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ด้วยการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่รอบ 2 ใน 38 เขต 15 จังหวัด เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 49 โดยเปิดรับสมัครใหม่ ทั้งที่ไม่มีอำนาจ และอนุญาต ให้ผู้สมัครรายเดิมเวียนเทียนลงสมัครข้ามเขตได้ เพื่อช่วยให้ผู้สมัครพรรคไทยรักไทย มีคู่แข่ง จะได้เลี่ยงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ว่า ต้องได้คะแนน 20 % ขึ้นไป

การจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยเพิ่มเงื่อนไขในลักษณะเช่นนี้ ทำให้การเลือกตั้งใหม่ มิได้เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม พวกจำเลยเป็นบุคคลในองค์กรอิระตามรัฐธรรมนูญ ที่มีอำนาจมาก แต่กลับมากระทำความผิดเองโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เป็นการกระทำความผิดที่ร้ายแรง เป็นปฏิปักษ์และเป็นภัยต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 101, 108, 157 ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ

ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลได้ยกฟ้อง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา อดีตเลขาธิการ กกต. ส่วนนายนายวีระชัย แนวบุญเนียร เสียชีวิต

ต่อมาศาลชั้นต้น ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 49 ให้จำคุก พล.ต.อ.วาสนา , นายปริญญา และ นายวีระชัย จำเลยที่ 2-4 ไว้คนละ 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ส่วน พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ จำเลยที่ 5 นั้นได้ลาออกจาก กกต.ไปก่อน นายถาวร โจทก์ จึงถอนฟ้อง ต่อมาจำเลยที่ 2- 4 ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลย 2-3 จึงยื่นฎีกา และศาลฎีกาได้ ยกฟ้อง ด้วยเหตุผลว่า นายถาวร ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องคดี

ศาลฎีกาตรวจสำนวน ประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของ จำเลยที่ 2 และ 3 ว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่าการกระทำของกกต. จะเป็นความผิด ตามมาตรา 24 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต.นั้น จะต้องเป็นการกระทำต่อผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง แต่ข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความเพียงว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งที่ 6 และเป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่ได้ส่งผู้ใดเข้าสมัครรับเลือกตั้งเลย โดยโจทก์ไม่ใช่ผู้สมัคร ดังนั้นยังถือไม่ได้ว่า กกต.ได้กระทำการที่จะเป็นความผิดต่อโจทก์ ตามมาตรา 24 ที่บัญญัติว่า ห้ามไม่ให้กกต., กกต.ประจำจังหวัด, ผอ.การเลือกตั้งประจำจังหวัด และอนุกรรมการที่ กกต. แต่งตั้ง กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อเป็นคุณ หรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองใด ดังนั้นโจทก์ย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำผิดตาม มาตรา 24 ดังกล่าว

แม้โจทก์จะมีสิทธิคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตเลือกตั้ง ที่โจทก์มีสิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาตรา 147 (1 ) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. พ.ศ. 2541 มาตรา 94 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ มาตรา 114 บัญญัติ ว่า กรณีที่ปรากฏว่ามีการกระทำผิด ตามกฎหมายนี้ในเขตเลือกตั้งใด ให้ถือว่าผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองที่ส่งสมาชิกลงสมัครเลือกตั้งในเขตนั้น เป็นผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่กฎหมายดังกล่าวไม่ได้บัญญัติให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เช่นโจทก์เป็นผู้เสียหายเลย ขณะที่ผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ให้ถือว่าเป็นผู้เสียหายเฉพาะความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เท่านั้น อีกทั้งตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. ก็ไม่ได้มีบทบัญญัติให้ผู้สมัคร และพรรคการเมือง ถือเป็นผู้เสียหายตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนเป็นส่วนรวมเท่านั้น ไม่ได้บัญญัติเพื่อคุ้มครองโจทก์ ที่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งโดยตรงเป็นพิเศษ

ซึ่งหากถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายแล้ว ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเหมือนโจทก์ ที่มีอยู่จำนวนมากก็ย่อมเป็นผู้เสียหายได้เช่นกัน และถ้าต่างใช้สิทธิฟ้องร้อง ก็จะเกิดความไม่เป็นธรรมกับกกต. ซึ่งข้อเท็จจริงก็ได้ปรากฏมาแล้ว ในคดีที่ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กับพวกรวม 9 คน ยื่นฟ้อง จำเลยที่ 2-3 ว่า กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. มาตรา 24 ซึ่งคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ว่า นพ.นิรันดร์ กับพวก ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ซึ่งหากการกระทำของจำเลยที่ 2-3 เป็นความผิด ก็ต้องถือว่าเป็นการกระทำผิดต่อรัฐ ไม่ใช่กระทำผิดต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) และ มาตรา 28 (2)

ที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

เป็นอันปิดคดี "3หนา 5ห่วง" ที่ใช้เวลาถึง 7 ปีเต็ม


กำลังโหลดความคิดเห็น