xs
xsm
sm
md
lg

ยกฟ้องผู้จัดการ หมิ่นปฏิญญาฟินแลนด์-อุทธรณ์แก้ คุก 1 ปี “อ.ปราโมทย์” แต่รอลงอาญา

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรรพ นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์  (แฟ้มภาพ)
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ คดี “ไทยรักไทย-ทักษิณ” ฟ้องหมิ่นแพร่บทความ “ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์” ให้จำคุก “ปราโมทย์ นาครทรรพ” 1 ปี ปรับ 1 แสน โทษจำคุกรอลงอาญาไว้ 2 ปี ส่วน นสพ.ผู้จัดการ ให้ยกฟ้อง

วันที่ 5 เม.ย.ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อ.1747/2549 ที่พรรคไทยรักไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ, บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ ผู้บริหารแผน, นายขุนทอง ลอเสรีวานิช และนายปัญจภัทร อังคสุวรรณ ที่ 5 เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา, ดูหมิ่นด้วยการโฆษณา

คดีโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 17-25 พ.ค. 2549 จำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างวาระ โดยได้ร่วมกันตีพิมพ์และเผยแพร่โฆษณาบทความ “ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์ : แผนการเปลี่ยนแปลงการปกครองไทย ?” ของจำเลยที่ 1 ลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และเว็บไซต์ โดยใส่ร้ายโจทก์ที่ 1 และ 2 ให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความที่จำเลยที่ 1 เขียนบทความเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ รวม 5 ตอน ลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเผยแพร่ในเว็บไซต์

โดยจำเลยที่ 1 เขียนบทความทำนองว่าโจทก์มีนโยบายที่ต้องการทำลายระบบราชการไทย การสร้างระบบการเมืองพรรคเดียว และล้มล้างสถาบันเบื้องสูง และเบิกความยืนยันว่า แผนปฏิญญาฟินแลนด์มีอยู่จริง หากปล่อยให้โจทก์ทั้งสองดำเนินการจนครบขั้นตอนอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการปกครอง ซึ่งข้อมูลที่นำมาเขียนนั้นรับทราบมาจากนักวิชาการหลายคน แต่จำเลยที่ 1 กลับไม่นำบุคคลเหล่านั้นมาเป็นพยานเบิกความ และไม่นำสืบให้เห็นว่าโจทก์ทั้งสองได้กระทำการล้มล้างการปกครองแต่อย่างใด นอกจากนี้ท้ายบทความยังได้เรียกให้ประชาชนต่อต้านโจทก์ทั้งสองที่กำลังลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 2 เม.ย. 2549 นั้นไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามหลักวิชาการ ทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

ส่วนจำเลยที่ 4 เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน มีหน้าที่กลั่นกรองเนื้อหาก่อนตีพิมพ์ เชื่อว่าจำเลยที่ 4 มีส่วนรู้เห็นและทราบว่าบทความดังกล่าวมีเนื้อหาดูหมิ่นโจทก์ทั้งสอง

ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 4 กระทำผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และ 4 เป็นเวลา 1 ปี ปรับเงินคนละ 100,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 เป็นนักวิชาการ นักประชาธิปไตย และจำเลยที่ 4 เป็นนักหนังสือพิมพ์ เคยสร้างคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ ที่กระทำผิดเพราะต้องการปกป้องสถาบันที่เคารพ ประกอบกับ จำเลยที่ 1 และ 4 ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 เนื่องจากคดีไม่มีมูลว่ากระทำผิดตามฟ้อง นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

รายละเอียดคำพิพากษา

































































กำลังโหลดความคิดเห็น