xs
xsm
sm
md
lg

ตามหาคำตอบ ทำไมคนล้างพิษตับจำนวนมากถึงได้มีสุขภาพที่ดีขึ้น !? (ตอนที่ 1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

ภายหลังจากที่มีผู้ที่เข้าอบรมหลักสูตรล้างพิษตับได้มีสุขภาพที่ดีขึ้นเป็นจำนวนมากแล้ว ตามมาด้วยผลการสำรวจเลือดและอัลตร้าซาวด์ในผู้ที่เข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการ 108 คน ของกลุ่มบุญคณา จังหวัดขอนแก่น ระหว่างเดือนเมษายน - พฤษภาคม พ.ศ.2556 พบว่าผู้ที่มีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็น เม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ, เม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophils สูงผิดปกติ, เกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ หลังเข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการพบว่า "ส่วนใหญ่"กลับมาเป็นปกติ ส่วนคนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีพบว่าหลังรับเข้าการอบรมเชิงปฏิบัติการส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดมีอาการดีขึ้น โดยเกือบครึ่งหนึ่งนิ่วในถุงน้ำดีหายไปทั้งหมด ส่วนที่เหลือที่มีอาการดีขึ้นก็พบว่านิ่วมีจำนวนน้อยลงหรือเล็กลง และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีนิ่วไม่เปลี่ยนแปลง (ซึ่งผลสำรวจเฉพาะประเด็นในเรื่องนิ่วในถุงน้ำดีหายไปหรือลดน้อยหรือลดขนาดลงไปนั้น มีสถิติที่ใกล้เคียงกับการสำรวจในต่างประเทศ)

สาระสำคัญของการล้างพิษตับนั้นที่มีผลต่อสุขภาพผู้ที่เข้าหลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการน่าจะอยู่ใน 4 หัวข้อ สำคัญคือ

1. อดอาหาร หรือ ลดปริมาณแคลอรี่ให้น้อยลงโดยปราศจากการย่อยกากอาหารในระยะเวลาที่กำหนด

2.ทำความสะอาดล้างลำไส้ ดึงสิ่งที่ตกค้างและหมักหมมออกมาให้มากด้วยการขับถ่ายให้มากกว่าปกติ

3.ดื่มน้ำมันมะกอกและน้ำมะนาวเพื่อ "ล่อ" ให้ "น้ำดี" ออกมาช่วยย่อยน้ำมันมะกอกมากๆ พร้อมกับนำสิ่งตกค้างในถุงน้ำดีและตับออกมาให้มาก แล้วขับ "น้ำดี" และสิ่งที่ออกมาจากตับและถุงน้ำดีออกจากร่างกายด้วยการขับถ่ายให้มากและเร็วกว่าปกติ

4.ความคิดเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลทำให้พฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในการดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น ภายหลังจากที่ได้รับความรู้และข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น

เริ่มต้นจากนิตยสาร American Journal of Clinical Nutrition ฉบับที่ 11 ประจำเดือนตุลาคม พ.ศ. 2505 ของนายแพทย์ Norman Ende ภาควิชาพยาธิวิทยา มหาวิทยาลัย แวนเดอร์บิลท์ เมืองแนชวิลล์ มลรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการอดอาหารติดต่อกันเกิน 72 ชั่วโมง แต่เป็นการศึกษาที่สรุปเอาไว้ว่าระหว่างการอดอาหารคอเลสเตอรอล (ไขมันชนิดเลว)และไตรกลีเซอไรด์ในเส้นเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น (ยกเว้นคนที่เป็นโรคหลอดเลือดแข็งตัว) หมายความว่าระหว่างการอดอาหารร่างกายเราจะดึงไขมันที่อยู่ในระดับเซลล์ออกมาใช้เพื่อผลิตเป็นพลังงานโดยลำเลียงผ่านหลอดเลือดในร่างกายเรา และเมื่อเราเลิกอดอาหารระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ก็จะทยอยลดลงไปตามลำดับ และตามสภาพร่างกายของแต่ละคน
ภาพที่ 1 กราฟค่าเฉลี่ย การเพิ่มขึ้นของระดับคอสเตอรอลระหว่าง 3 วันในช่วงเวลาอดอาหาร (การสำรวจโดยนายแพทย์ Norman Ende ภาควิชาพยาธิวิทยา มหาวิทยาลัย แวนเดอร์บิลท์  เมืองแนชวิลล์ มลรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา)
ดังนั้นคนที่ออกจากหลักสูตรล้างพิษใหม่ๆ หากไปตรวจเลือดโดยทันที หรือห่างจากนั้นไม่กี่วัน บางคนหรือหลายคนอาจจะพบว่าไขมันในเส้นเลือดสูงขึ้นทั้งๆที่ไม่ได้รับประทานอาหารอะไรเลย แต่ ศูนย์ล้างพิษตับ ของกลุ่มบุญคณา จังหวัดขอนแก่น ได้เจาะเลือดตรวจกลุ่มตัวอย่างพบว่าเมื่อผ่านไป 30 วันหลังเข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยทั่วไปพบว่าไขมันในเส้นเลือดจะลดลงกลับมาเป็นปกติ

ความจริงเรื่องไขมันในเส้นเลือดในระหว่างและหลังการอดอาหารยังมีเรื่องสำคัญและตัวแปรอยู่อีกหลายเรื่อง เช่น การอดแบบไหน นานเท่าไหร่ และสารอาหารแค่ไหนจึงจะเหมาะกับคนไทย, การเลือกรับประทานอาหารหลังการอดอาหาร, การอดอาหารที่นานเกินไปจนเกิดภาวะธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำแฝง, ฯลฯ ซึ่งจะกล่าวในเรื่องเหล่านี้ในโอกาสต่อไป

เช่นเดียวกับการดื่มน้ำมันมะกอก 150 ซีซี ผสมกับน้ำมะนาว 150 ซีซี นั้นก็เพื่อใช้น้ำมันมะกอกซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (ซึ่งเป็นไขมันชนิดดี) มาล่อให้ตับและถุงน้ำดีขับ "น้ำดี" ให้ออกมาผ่านท่อน้ำดีมากๆเพื่อมาช่วยย่อยน้ำมันมะกอก โดยเอนไซม์ไลเปสที่ถูกผลิตออกมาจากตับอ่อนจะทำหน้าที่ย่อยลิพิดในน้ำมันมะกอกให้แตกตัวกลายเป็นกรดไขมันเพื่อให้สามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้

แต่เมื่อเราทานดีเกลือ (แมกนีเซียมซัลเฟต)ไปล่วงหน้า 2 ชั่วโมง ก่อนที่ดื่มน้ำมันมะกอกผสมกับน้ำมะนาว ทำให้การดูดกลับของลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ที่จะดูดน้ำดีกลับทำได้น้อยลงกว่าปกติ การดำเนินการดังกล่าวจึงเท่ากับเป็นการ "ขับน้ำดี"ออกให้มากกว่าปกตินั่นเอง

ก็มักจะเกิดคำถามมาว่าการขับน้ำดีออกให้มากมันดีตรงไหน !?

ก็ต้องมาดูองค์ประกอบของ "น้ำดี" ให้ชัดว่าคืออะไร ซึ่งก็คือ 1. คอเลสเตอรอลในเลือดและเซลล์ตับที่สะสมเอาไว้ 2. เกลือน้ำดี ซึ่งก็คือ Sodium Glycocholate และ Sodium Taurocholate ซึ่งก็ผลิตมาจากคอเลสเตอรอลอีกเหมือนกัน 3. รงควัตถุ (Bilie Pigment)ซึ่งผลิตมาจากเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุแล้ว ซึ่งส่งมาจากม้าม 4. ฟอสโฟลิพิด (Phospholipids) ซึ่งก็เป็นไขมันพวกเลซิติน ช่วยสลายนิ่วที่เกิดจากคอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีและป้องกันไม่ให้เกิดนิ่ว 5. ไบคาร์บอเนต ไออน 6. น้ำ

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า องค์ประกอบของ "น้ำดี" ที่สำคัญก็คือไขมัน "คอเลสเตอรอล" ที่มาจาก "ตับ" และ "ถุงน้ำดี" นั่นเอง ดังนั้นเมื่อดูองค์ประกอบในเชิง "ไขมัน" แล้ว การขับ "น้ำดี" ออกให้มากจึงน่าจะเกิดประโยชน์อย่างน้อย 3 ประการที่น่าจะทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้น กล่าวคือ

1.เป็นการลดไขมันออกจากตับให้ลดลงโดยการขับน้ำดีออกให้มาก ซึ่งก็เป็นหลักการที่สอดคล้องกับการอดอาหารในการอบรมเชิงปฏิบัติการในการล้างพิษตับครั้งนี้

2.อาจทำให้ "ตะกอนหรือสิ่งที่ตกค้าง" ในตับและถุงน้ำดี หรือสารละลายที่อยู่ในรูปของไขมันออกมาได้ด้วย ในระหว่างการขับน้ำดีออกมาจำนวนมากกว่าปกติ ซึ่งในบางกรณีอาจรวมถึงนิ่วในถุงน้ำดีขนาดเล็กออกมาได้ด้วย

3.การที่ "น้ำดี" ออกมามากๆในระหว่างการอดอาหารและดื่มแต่น้ำผลไม้อาจทำให้คุณภาพน้ำดีในตับเปลี่ยนไป เมื่อตับขับน้ำดีออกมามากๆไปยังถุงน้ำดีอาจทำให้นิ่วคอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีถูกละลายให้มีขนาดเล็กลงได้ จึงเกิดเหตุการณ์ที่ ศูนย์ล้างพิษบุญคณา จังหวัดขอนแก่น ตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์พบว่า มีอยู่กรณีหนึ่งมีนิ่วในถุงน้ำดีซึ่งมีขนาด 3.7 เซนติเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าท่อน้ำดีมากนั้น ก็สามารถหายไปได้หลังการเสร็จสิ้นกระบวนการล้างพิษตับ

การอดอาหารที่มีการใช้พลังงานจากไขมันสะสมในร่างกายเราในระหว่างการ อดอาหาร ตลอดจนการขับน้ำดีออกมากๆ แม้จะพอเข้าใจได้ว่าเป็นการลดไขมันสะสมในร่างกาย แต่หลายคนอาจสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรด้วยกับคำว่า "ล้างพิษ" ด้วย

มีผู้รู้ท่านหนึ่งได้กรุณาชี้แนะผมให้อ่านงานวิจัยค้นคว้าที่มีชื่อว่า "Factors Affecting the Storage and Excretion of Toxic Lipophilic Xenobiotics" โดย Ronal J. Jandacek และ Practick Tso จากภาควิชาพยาธิวิทยา มหาวิทยาลัยแห่งซินซิเนติ เมืองซินซิเนติ มลรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์เมื่อ ปี พ.ศ. 2544 ซึ่งมีเรื่องที่น่าสนใจอยู่มากทีเดียว

เพราะสิ่งที่งานค้นคว้าและวิจัยชิ้นนี้ให้ความสนใจก็คือ Lipophilic toxin ก็คือ สารพิษที่ละลายในไขมัน ได้แก่ ยาฆ่าแมลง สารพิษจากเตาเผาขยะอุตสาหกรรม หรือสารพิษจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนประกอบของหม้อแปลงไฟฟ้า ฯลฯ สารพิษพวกนี้สามารถละลายอยู่ในรูปของไขมันที่อยู่ในร่างกายเราได้ทั้งสิ้น
ภาพที่ 2 ชื่อสารพิษและโครงสร้างทางเคมีของสารพิษที่ตกค้างได้อย่างยาวนานในสิ่งมีชีวิตซึ่งถูกบรรจุอยู่ในสนธิสัญญาขององค์การสหประชาชาติ
งานค้นคว้าและวิจัยชิ้นนี้ พบว่า สารพิษที่ละลายในไขมันนี้ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกับประชากรโลกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเป็นสารก่อมะเร็ง และมีผลต่อระบบฮอร์โมนและต่อมไร้ท่อของมนุษย์ จากการวิเคราะห์ในเนื้อเยื่อและน้ำนมมนุษย์ก็จะพบว่าสารพิษที่ละลายในไขมันเหล่านี้ได้เข้าสู่ร่างกายเราจากการห่วงโซ่อาหาร และส่วนใหญ่จะถูกสะสมในรูปของเนื้อเยื่อไขมัน (Adipose tissue)

และงานวิจัยชินนี้ได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เส้นทางปกติในการขับสารพิษเหล่านี้คือ การขับถ่ายในรูปของ "น้ำดี" !!!

ดังนั้น ผลของผู้ที่เข้าอบรมเชิงปฏิบัติการในหลักสูตรล้างพิษตับ เพียงแค่เห็นไขมันออกมาจากการขับถ่ายหลังการดื่มน้ำมันมะกอก หรือเพียงแค่เห็น "น้ำดี" ออกมาเป็นสีเขียวที่ออกมาจากการขับถ่าย นอกจากจะทำให้เป็นการลดไขมันจากตับแล้ว ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ร่างกายอาจจะขับสารพิษออกจากร่างกายได้เหมือนกัน



กำลังโหลดความคิดเห็น