xs
xsm
sm
md
lg

“คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 24 พ.ค. 2556 (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปานเทพ - เพราะฉะนั้นแล้วพอตับฟื้นตัว โอ้โห หน้าที่ตับมีเยอะแยะเลยนะครับ ภูมิต้านทาน เผาผลาญพลังงาน สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เยอะมาก 500 กว่าอย่าง ย่อยอาหาร แม้กระทั่งแบ่งสารพิษของดี ของเลว ทุกอย่างเป็นกลไกที่ต่ำ สามารถทำงานได้ ถ้าฟื้นตัวทุกอย่างก็จะดีขึ้น หลักการเป็นอย่างนี้นะครับ ถ้าผมจะเปรียบเทียบก็คืออย่างนี้ครับ นี่ผมเอาเครื่องมือมาให้ดูก็คือว่า สมมติว่านี่คือตับอยู่ข้างบน ตับและถุงน้ำดีอยู่ด้านบน ด้านล่างเป็นลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ และในนี้จะมีไขมัน และคอเลสเตอรอลเตรียมผลิตเป็นน้ำดี มีองค์ประกอบทั้งไขมันชั้นเลว เม็ดเลือดแดงที่ตายแล้วรวมกับวัตถุ น้ำ และเกลือน้ำดี สิ่งเหล่านี้มันจะไม่ออกมาเลย ถ้ายังไม่ถึงเวลา แต่มันจะออกมาเมื่อมีน้ำมันตกมาถึงลำไส้เล็กคือด้านล่าง มันจะเริ่มหลั่งน้ำดีออกมากระตุ้น แล้วลำไส้ใหญ่ลำไส้เล็กก็จะถ่ายออกมา

ทีนี้ก็จะมีคนถามบอกว่า เอ๊ะ ถ้าสมมติว่า สภาพแบบนี้ อย่างนี้เรากินไขมันเยอะๆ ก็ดีสิ กินเนื้อสัตว์เยอะๆ จะได้ไปล่อมันออกมา ก็ต้องคิดอย่างนี้ใช่ไหมครับ แต่ว่าลืมคิดอีกข้อหนึ่ง คืออันนี้ครับคือ ตามแผนที่ที่เราเห็นตามรูปนี้ คือลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก ต่างมีเส้นเลือดดำดูดกลับไปด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ลืมอันนี้ อุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งคือไซฟ่อนอันนี้ ก็เหมือนเป็นเส้นเลือดที่คอยดูดกลับไปอีก เก็บที่ตับ ดังนั้นหมายความว่าอย่างไรครับ หมายความว่าถ้าเรากินอาหารชั้นเลว แล้วเอาไขมันชั้นเลวไปย่อย แล้วเราก็กินไขมันชั้นเลวอีก เราก็ได้ของเลวๆ นี้ไปเก็บที่ตับอีก เพิ่มขึ้นๆ เป็นไขมันพอกตับ ด้วยเหตุผลนี้หลักสูตรล้างพิษ นี้ต้องกินดีเกลือตอน 6 โมงเย็น และ 2 ทุ่ม เพื่อทำให้ลำไส้ไม่ดูดกลับ หรือมีสภาพปิดผนัง หรือปิดให้มากที่สุด หรือปิดให้เท่าที่จะทำได้ ตามที่เราจะกินดีเหลือได้ ผลก็คือแทนที่มันจะดูดกลับไปส่วนใหญ่ มันจะถ่ายออกจำนวนหนึ่ง บางส่วนก็จะดูดกลับ โอเคนะครับ แต่โจทย์สำคัญก็คือว่า อันนี้เป็นไขมันชั้นเลวทอดซ้ำ ด้านซ้ายนี้สีน้ำตาล อันนี้เป็นน้ำมันมะกอก เพียวเอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้น ที่เอาไว้ดื่มกับน้ำมะนาว ตอนคืนล้างพิษตับ และน้ำมันมะกอกสำคัญอย่างไร น้ำมันนี้เป็นไขมันชั้นเลวอุดตัน ตามกระแสเลือดทำให้หลอดเลือดสูง เป็นโรคหัวใจเยอะแยะเลยนะครับ นี้คือไขมันชั้นเลว อันนี้เป็นไขมันชั้นดี มันจะไปช่วยป้องกันไม่ให้เกิด ไขมันชั้นเลวอุดตันตามผนังเลือด

ดังนั้นไขมันที่เกิดขึ้นจากน้ำมันมะกอก จึงเป็นน้ำมันประเภทไม่อื่มตัว เชิงเดี่ยว และสามารถดูดซึมและสลายได้ดีมากและช่วยเพิ่มปริมณเอชดีแอลคือไขมันชั้นดี ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลชั้นเลวในตามผนังเลือดด้วย ดังนั้นในทางเมดิเตอร์เรเนียนจึงดื่มน้ำมันมะกอกเป็นยาปฏิชีวนะ ยาอายุวัฒนะ ดื่มทุกวันเลยนะครับ เป็นน้ำสลัดถือว่า เป็นน้ำมันที่เป็นยารักษาโรคได้อีกหลายโรคครับ นี้เป็นความฉลาด แหลมคม ที่เขาใช้น้ำมันมะกอกมาล่อน้ำดี ผมจะเปรียบว่าน้ำมันมะกอกและน้ำมะนาวเป็นสีเหลือง อย่างนี้นะครับ ที่นี้ขั้นตอนของผมเนี้ย ผมจะเปรียบเทียบให้ดูว่า สมมุติว่าน้ำมันมะกอกและน้ำมะนาวที่เราดื่มไป เป็นไขมันชั้นดี เอชดีแอล มีประโยชน์ต่อร่างกาย ตอนนี้ในตับเรามีแต่น้ำดีที่มีคุณภาพเลวมาจากคอเลสเตอรอลชั้นเลวสีแดง เราเปรียบของเลวๆ เป็นสีแดง เราเปรียบของดีเป็นสีเหลือง เราอุปมา-อุปมัยแบบนี้นะ

จินดารัตน์ - อันนี้ถูกต้องแล้วค่ะ

ปานเทพ - ที่นี้ ผมจะยกตัวอย่างว่าสมมุติเกิดเหตุการณ์ที่คุณแอนจะเทน้ำมันมะกอกเข้าไปผ่านกระเพาะอาหาร และมาตกถึงลำไส้เล็กเมื่อไร ผมจะเริ่มเทน้ำดีของเลวไปช่วยย่อยทันที และบางส่วนผมจะดูดกลับด้วยเส้นเลือดนี้เข้าไปด้วยนะครับ เราจะมาดูว่าปฏิกิริยาจะเป็นอย่างไร ดีไหมครับ คุณแอนมาช่วยผมนิดหนึ่งครับ คุณแอนเทไปนะครับ ส่วนผมจะเทน้ำดีออกมานะครับ จำไว้นะครับว่าถุงน้ำดี ตอนนี้นั้นตับมีสีแดงอยู่ ด้านล่างนั้นจะเป็นน้ำมันมะกอก แล้วก็น้ำมะนาว เทเลยครับ ครับพอเทปั๊บ น้ำดีจะเริ่มทำงานมันหลั่งออกมาครับ พอแล้วครับ จากนั้นเสร็จมันก็จะเกิดกระบวนการดูดกลับ ดูดกลับนะครับ เห็นไหมครับ มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณแอนคือ ไขมันชั้นเลวค่อยๆ ออกไป ไขมันที่มันอาจจะไม่ใช่ดีที่สุด เพราะว่าเป็นน้ำมันมะกอกบวกกับไขมันชั้นเลวเลื่อนมาเก็บที่ตับอีกครั้งหนึ่ง เห็นไหมครับ มันอยู่ที่ว่าเราขับถ่ายได้มากกว่า หรือว่าดูดกลับไปได้มากกว่า แต่ในที่สุดสีแดงข้างบนจะกลายเป็นสีส้มๆ

จินดารัตน์ - ซึ่งผสม

กาญจนา - ดีขึ้นใช่ไหมคะ

ปานเทพ - แน่นอนดีขึ้น เพราะว่าเราลดปริมาณไขมันชั้นเลวลง คุณภาพน้ำดีก็จะดีขึ้น และแน่นอนครับในขณะที่เราดูดแบบนี้นะครับ เราจะเห็นว่าในตามเส้นของไซฟ่อนคือว่าเหมือนเป็นเส้นเลือดนะครับ อันนี้แหล่ะ เราจะเห็น อาจมีคอเลสเตอรอลอยู่ในเส้นเลือดเพิ่มขึ้นด้วยก็ได้ อันนี้แหล่ะครับ

กาญจนา - อันนี้คือเหตุผลที่อาจารย์บอกเมื่อสักครู่ว่าทำไม

ปานเทพ - ว่าทำไมคอเลสเตอรอลถึงเพิ่มสูงขึ้นในเลือด เพราะเหตุผลแบบนี้ สำหรับในช่วงแรก จนกระทั่งมันเก็บในตับหมดมันจะไม่มีปัญหา ดังนั้นนี้คือกระบวนการเปรียบเสมือนการ เปลี่ยนคุณภาพน้ำดีใหม่นะครับ ทีนี้คำถามที่มีความสำคัญต่อมาก็คือว่า มันเป็นการเล่นกลหรือเปล่า ที่มีคนมักจะตรวจสอบ

จินดารัตน์ - ที่มีคนมาบอกว่า สบู่หรืออะไร มันนั่นหรือเปล่า หรือมีน้ำมันมะกอกไปทำปฏิกิริยา อะไร

ปานเทพ - ใช่ๆ ผมทดลองมาหมดแล้ว ผมจะขออนุญาตให้ดูว่า ข้อแรกเลยเขามักจะบอกว่าน้ำดีจะทำปฏิกิริยากับน้ำมันมะกอกนะครับ แล้วก็ทำให้เกิดก้อนสบู่ ผมเลยขออนุญาตว่า เชื่อไหมครับว่าอาจารย์แก่นฟ้า แสนเมือง ซึ่งเป็นคนริเริ่มหลักสูตรนี้ เป็นคนที่ทำสบู่ก้อนเก่งที่สุด เพราะว่าเป็นคนที่สอนหลักสูตรการทำสบู่ก้อน สบู่ก้อนทำอย่างไรรู้ไหมครับคุณแอน เขาเอาด่างเข้มข้น ด่างนะครับคือพีเอชประมาณ 13-14 ผสมกับมัน แล้วมันได้ตามสัดส่วน ด่างนิดเดียวนะครับทำให้เกิดเป็นสบู่ก้อนได้ ผมก็เริ่มทำสบู่ก้อนทันที เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นครับ โอเคนี้ เขาบอกทฤษฎีแรกก่อนว่า สงสัยว่ามันจะเกิดจากน้ำดี ไอ้ก้อนเขียวๆที่เราเห็นนะครับ ซึ่งผมจะขอเลือกให้ดูนี้แหล่ะครับ โอเค ก้อนเขียวๆ อย่างนี้

จินดารัตน์ - ออกมาจากการดื่มน้ำมันมะกอก

ปานเทพ - นี้แหล่ะครับ เขาอ้างว่ามันคงจะเป็นก้อนสบู่ อย่างนี้อ่ะครับ เป็นต้นนะครับ ที่นี้ผมจะมาดูว่า ก้อนสบู่เกิดขึ้นอย่างไร ข้อแรกก็คือ นี้ครับผมทำสบู่จริงๆ ผมเอาโซเดียมไฮดรอกไซด์ พีเอช 13 นะครับผสมกับน้ำมันมะกอก 150 ซีซี ซึ่งเป็นปริมาณที่เราดื่มๆ กัน ได้ก้อนสบู่แข็งจริงๆ เห็นไหมครับ เป็นสบู่น้ำมันมะกอก คนก็บอกอ้าวแล้วอย่างไร

จินดารัตน์ - ก็ใช่ไม่ใช่เหรอ

ปานเทพ - ใช่ไม่ใช่เหรอ คำตอบคือ น้ำดีมีพีเอชของโซเดียม ไม่ใช่โซเดียมไฮดรอกไซด์ แต่เป็นด่างอยู่แค่ 7 กว่าๆ ถึง 8.8 7.5-8.8

กาญจนา - อันนี้ต้อง 13 เป็นด่างสูงมาก

ปานเทพ - ต้องเป็นด่างสูงมาก แล้วก็ถ้าเป็นด่างเพียงแค่พีเอชประมาณ 9.0 ซึ่งใกล้เคียงน้ำดี น้ำดีประมาณ 7.5-7.8 เราจะค้นพบว่ามันไม่เกิด ทำให้เกิดสบู่เลย ยกตัวอย่างเช่น นี้ครับ อันนี้เป็นโซเดียม น้ำมันมะกอกบวกกับน้ำมะนาว บวกกับโซเดียมไฮดรอกไซด์ ที่มาทำสบู่ครับ แต่ว่าเจือจางเหลือพีเอช 9.0 ไม่เกิดก้อนสบู่

จินดารัตน์ - ไม่เกิดก้อน

ปานเทพ - ไม่เกิดก้อน อย่างนี้ครับ แล้วก็เขย่าก็หายไป และแยกชั้นมาใหม่ ไม่เกิดก้อนสบู่แล้วนะหนึ่งนะครับ สองคือว่าถ้าผมเอาน้ำมันมะกอก 150 ซีซีบวกกับเฉพาะน้ำมันมะกอกเฉยๆ ไม่มีน้ำมะนาวด้วยนะครับ ผสมกับน้ำดีเฉยๆ จากเดิมที่เคยทำสบู่ได้ ถ้ามีพีเอช 9 คือเจือจางเหลือพีเอช 9.0 คือใกล้น้ำดี มันยิ่งไม่เกิดก้อนสบู่ได้ไปอีก นี้เห็นชัดเลยเทียบกันกับน้ำมันมะกอกเหมือนกัน เอาละ ผมโต้ประเด็นนี้เขาจะบอกว่า มันน่าจะมาจากมะนาวมั้ง เพราะมะนาวมีโพแทสเซียม

กาญจนา - น่าจะมาด้วย

ปานเทพ - น้ำมะนาวจะมีโพแทสเซียม ผมบอกว่า ผมจะไปทำสบู่ให้ดูว่า โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์เป็นอย่างไร ที่ทำจากสบู่โซเดียมไฮดรอกไซด์ ผมเอาน้ำมันมะกอก 150 ซีซีผสมกับโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ เข้มข้นนะครับ 14 กรัม หมายความว่าน้ำมันมะกอก 100% ผสมกับโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ 14% ครับ

จินดารัตน์ - ที่มีอยู่มากในมะนาวเนี้ยอ่ะคะ

ปานเทพ - เข้าอ้างว่ามีอยู่มากในมะนาว มันจะได้สบู่ก้อนส่วนหนึ่ง และเหลือน้ำมันมะกอกส่วนหนึ่งแปลว่า ขนาด 14% มันยังทำสบู่ได้ไม่ครบเลย ได้แค่ส่วนเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงน้ำมะนาว ผมค้นพบว่ามีโพแทสเซียมเพียงแค่ใน 100 กรัมแค่ 0.102 กรัมเท่านั้น ไม่ใช่ 14% ทีนี้มันมีแค่ 0.102 กรัม มันจะเกิดเป็นไปได้ไหม

จินดารัตน์ - มันจะเป็นได้อย่างไร

ปานเทพ - ผมก็เลยให้ดูนะครับ ปรากฏว่า น้ำมันมะกอก 100 ซีซีผสมกับโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ 0.102 กรัม ซึ่งสัดส่วนที่เราดื่มคือ น้ำมันมะกอกครึ่งหนึ่งกับน้ำมะนาวครึ่งหนึ่ง ผมเอาน้ำมันครึ่งหนึ่งน้ำมันมะกอก 100 ซีซี น้ำมะนาวที่มีโพแทสเซียมได้แค่ 0.102 กรัม ไม่สามารถเกิดเป็นสบู่ก้อนได้เป็นแค่คราบแค่เนี้ยอ่ะครับ แล้วเขย่าก็หายไปนะครับ ไม่เป็นก้อนนะครับ เพราะฉะนั้นสบู่ก้อนก็เกิดไม่ได้เพราะมะนาวอีก ไปแล้วสอง

จินดารัตน์ - แล้วเขาอ้างว่าอะไรอีกอ่ะ

ปานเทพ - เขาบอก เขาเริ่มไม่อ้างนะว่า

จินดารัตน์ - เริ่มหายไปพักหนึ่ง

ปานเทพ - เขาบอกว่า มันไม่เหมือนกับปฏิกิริยาข้างในร่างกาย คุณปานเทพเอามาวัดแบบนี้ มันเป็นปฏิกิริยาข้างนอก ก็เขาเรียกสบู่อ่า เขาจะโจมตี เขาบอกเป็นปฏิกิริยาสบู่ ผมเลยรบกวนให้พี่กอบรบกวนให้ทำ 2 อย่าง 1.ช่วยวัดค่าพีเอชในก้อนเขียวๆ เหล่านี้ให้หน่อย

จินดารัตน์ - ที่เขาเห็นว่าเป็นสบู่

ปานเทพ - ที่เขาเห็นว่าเป็นสบู่ เพราะว่าถ้าเป็นสบู่มันน่าจะออกมาประมาณสัก 10-12

จินดารัตน์ - ค่าความเป็นด่างจะสูง

ปานเทพ - มันวัดได้ 7-8 ไม่ถึง 8 พีเอช เป็นด่างน้อยมาก

กาญจนา - จริงๆแล้วสบู่ มันต้องมีฟองด้วยใช่ไหมคะ

ปานเทพ - 2.คือที่เกาะไปฟอก ไม่เกิดฟอง

จินดารัตน์ - เอาไปฟอกจริงๆเหรอ

ปานเทพ - เอาไปฟอกจริงๆ ฟอกใส่มือ

จินดารัตน์ - ใส่หยดน้ำลงไปก็ไม่มีฟอง

ปานเทพ - เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ใช่สบู่ ทีนี้พอมันไม่ใช่สบู่เนี้ย ก็มีคำถามถัดมาว่า แล้วคนมันหายป่วยได้อย่างไร ผมก็เลยอยากจะชวนท่านผู้ชมฟังคุณหมอ 2 คุณหมอ คุณหมอคนหนึ่งท่านเป็นคนที่ออกรายการค้นค้นตน คุณหมอคณิน

กาญจนา - คุณหมอคณิน ไตรพิพิธสิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโฮลิสติกส์ เมดิคอล เซ็นเตอร์

ปานเทพ - คุณหมอคณิน อธิบายดีมากๆ ว่า กลไกของไขมันสำคัญขนาดไหนในวงการล้างพิษ ไปลองฟังคุณหมอก่อนนะครับว่าคุณหมอพูดในรายการคนค้นตน ว่าอย่างไร เชิญเลยครับ

*********VTR***********

จินดารัตน์ - นี้คือคุณหมอคณิน ไตรพิพิธสิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโฮลิสติกส์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ พูดชัดเลยนะคะ

ปานเทพ - ครับพูดชัดว่าอนุมูลอิสระ ครอบด้วยไขมัน แล้วพอขบวนการล้างพิษตับ การล่อด้วยองค์ประกอบ แล้วดึงไขมันที่มันหุ้มอนุมูลอิสระมาด้วย คนจึงหายป่วยได้ ทีนี้มีคุณหมออีกคนหนึ่ง เป็นคุณหมอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดตับโดยตรง ท่านเป็นรองศาสตราจารย์ นายแพทย์อนัน ศรีพนัสกุล ซึ่งอยู่ที่คณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่านเป็นหมอผ่าตัดตับมากที่สุด ลำดับต้นๆ ของประเทศนะครับ

จินดารัตน์ - คือผ่านมือมาเยอะแล้ว

ปานเทพ - คือผ่านมือมาเยอะแล้วครับ ท่านก็พูดเรื่องการล้างพิษตับไว้ น่าสนใจมากในรายการ ไปลองฟังดูไหมครับ เชิญครับ

***************VTR******************

จินดารัตน์ - คุณหมอยังไปทำเลยนะคะ

ปานเทพ - คือคุณหมอเนี้ยเขาไปทำ คือว่าคือการทำการสำรวจ และก็ผมคิดว่าคือได้มีโอกาสประชุมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข คุณหมอแพทย์แผนปัจจุบัน และคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านการล้างพิษ และแพทย์ทางเลือกอื่นๆ เมื่อประมาณสักเดือนที่แล้ว ผมไปที่ราชธานีอโศก แล้วมีการประชุมกันเรื่องโครงการยืดอายุขัย และก็มีการคุยเรื่องนี้ว่า งานวิจัยเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งบังเอิญคุณหมออนัน ท่านได้มีโอกาสตรวจในฐานะที่มีศูนย์ล้างพิษที่ขอนแก่นด้วย ชื่อศูนย์ล้างพิษบุญคณา ซึ่งจัดโดยคุณณิชาภา พงศานรากุล คุณหมออนันเองก็ไปช่วยไปตรวจสอบ การตรวจสอบครั้งนี้ทำให้เรามีข้อมูลมาว่า เพิ่งได้ข้อมูลสัปดาห์นี้ว่าท่านทำไป 4 รุ่นละ เพื่อไปสำรวจทั้งก่อน-หลัง เกิดอะไรขึ้น และหลังจากไปสำรวจประมาณ 4 ครั้ง ได้จำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 108 คน ถือว่าเยอะนะครับ เป็นร้อยละ ทำให้เราได้เห็นหลายโรคมากขึ้นว่า จำนวน 108 คน เราเห็นโรคอะไรบ้าง มีปรากฎการณ์ดีขึ้น ถ้าคนปกติแล้วจะดีขึ้น เราถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ถ้าคนมีปัญหาปกติจากการตรวจจากการแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว เขามีดัชนีอะไรที่

จินดารัตน์ - เขาป่วยมาแล้ว

ปานเทพ - มันดีขึ้น เท่าที่เจอนะครับ ไม่ได้หมายความว่าโรคอื่นไม่หายนะครับ โรคอื่นเรายังไม่เจอถ้าเจอก็จะรู้ข้อเท็จจริงขึ้น เอาเฉพาะผลการตรวจ หรือ 4 รุ่นที่ผ่านมา 108 คน คุณหมออนันไปตรวจแล้วได้ค้นพบคนที่มีความผิดปกติแล้วกลับมาเป็นปกติดังต่อไปนี้นะครับ 1.เม็ดเลือดขาวชนิด อีโอซิโนฟิล ซึ่งสร้างจากไขกระดูกสามารถเคลื่อนไปยังเนื้อเยื่อที่อักเสบ โดยปกติจะมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อพยาธิ ต่อการติดเชื้อพยาธิ การแพ้ หรือการอักเสบ โดยภาวะถ้าสูงเกินกว่าปกติ อาจจะเกิดได้หลายสาเหตุนะครับ เช่น ร่างกายเกิดอาการแพ้ การติดเชื้อพยาธิร่างเลยตอบสนองเกิดโรคผิวหนังบางชนิด เม็ดเลือดขาวชนิดนี้มีหน้าที่ขจัดฮีสตามีนในเลือดซึ่งฮีสตามีน มักจะหลั่งออกมาเมื่อร่างกายได้รับสารที่แพ้เข้าไป ในคนที่เป็นภูมิแพ้ หรือเมื่อพยาธิเดินผ่านเข้าไปในเนื้อเยื่อ ทำให้มีฮีสตามีน ออกมามากในบริเวณเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย ก็เกิดอาการแพ้ผื่นทางผิวหนังนะครับ อะไรเกิดขึ้นมากมาย ค่าปกติอยู่ประมาณที่ 1-5% ถ้าสูงเกณฑ์ปกติหมายความว่า อาจจะเกิดพยาธิมากเกินไปหรือเกิดอาการภูมิแพ้มากไป สูงไปไม่ดี อยู่ระหว่าง 1-5 นะครับ ผลปรากฎว่าใน 108 ราย มีคนเกินกว่าปกติ 19 ราย ก็ถือว่าเป็นดีชนีที่พอจะวัดได้ ใน 19 รายสูงกว่าเกณฑ์ปกติเมื่อเข้าหลักสูตรแล้วจากจำนวน 19 ราย มาอยู่ในระดับปกติ 18 ราย มี 1 รายเท่านั้นที่ยังเท่าเดิม

จินดารัตน์ - เยอะมากเลยนะคะ

ปานเทพ - ถือว่าเป็นสถิติ เป็นที่น่าพอใจมากนะครับ 19 คนมีปัญหาเรื่องนี้ มีอาการแพ้ หรืออาจมีพยาธิ พยาธิอาจจะหลุดไปก็ได้ หรืออาการภูมิแพ้อาจจะดีขึ้นก็ได้ ทั้ง 2 อย่างนี้ยังไม่รู้ผล แต่รู้ว่าดัชนีความชี้วัดนี้มีความสำคัญมาก ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนด้วยว่า มีคนอาการดีขึ้นจาก 18 จาก 19 ราย เท่าเดิม 1 รายนะครับ 2.คือจำนวนเม็ดเลือกขาว คุณแอนเห็นภาพตอนต้นรายการนะครับว่า เม็ดเลือดขาววิ่งไล่จับแบคทีเรีย ถ้ามันมีไม่มากพอร่างกายอ่อนแอเกินไป ถ้ามีมากเกินไปอาจจะเกิดภาวะที่เรียกว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาวก็ได้

เพราะฉะนั้นเขาจะมีเกณฑ์ปกติที่วัด ซึ่งส่วนนี้เขาบอกว่า เม็ดเลือดขาวมีหน้าที่สำคัญคือ ต่อต้านการติดเชื้อ และกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ถ้าจำนวนเม็ดเลือดขาว สมมุติกว่าปกติอาจเกิดการติดเชื้ออักเสบ คือต้องมีมากๆนะครับก็ได้ หรือถ้าต่ำเกินไปก็ไม่ดี อ่อนแอเกินไปนะครับอาจจะเกิดการติดเชื้อได้ง่ายเช่นเดียวกัน ช่วงระหว่างปกติคือ 4,000-12,000 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตรนะครับ ในปริมาณที่เราเห็นอยู่ตอนนี้นะครับ ผลปรากฏว่าใน 108 รายมีคนต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ 8 ราย ไม่มีสูงเกินปกติมี 8 รายคือต่ำกว่าเกณฑ์คือต่ำกว่า 4,000 บางราย 3,000 เศษๆ แต่เมือเข้าคอร์สแล้วปรากฏแล้วว่า 8 รายกลับมาเป็นปกติ 7 ราย อีก 1 รายเท่าเดิม โอเคนะครับ 3.จำนวนเกล็ดเลือดอันนี้ก็สำคัญนะครับ จำนวนเกล็ดเลือดเป็นกรณีถ้ามีมากก็ทำให้เลือดแข็งได้เช่นเดียวกัน เลือดออกก็แห้งเลยนะครับ ถ้ามีเกล็ดเลือดต่ำก็เลือดไหลออกได้ง่าย บางทีไหลเองไม่มีแผลก็ไหลออกได้นะครับ

เพราะฉะนั้นเกณฑ์ปกติก็มาวัดกันที่ประมาณ 1.5-4.5 แสนเซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ปรากฏว่า 108 ราย มี 9 รายมีเกล็ดเลือดต่ำหว่าปกติ 9 รายนะครับ ใน 9 รายปรากฏว่าหลังจากเข้าหลักสูตรแล้ว 6 รายมีเกล็ดเลือดดีขึ้นเป็นปกติ 6 รายนะครับ 2 รายมีเกล็ดเลือดสูงขึ้นแต่ยังต่ำกว่าปกติอยู่อีก 1 รายลดลงเล็กน้อย และอันสุดท้ายก็คือว่า นิ่วถุงน้ำดี ซึ่งภาพที่ให้เห็นคุณหมอหยิบยกมานี้แค่ 1 ตัวอย่าง จริงๆ แล้วเราค้นพบตัวเลขที่น่าสนใจเรื่องนิ่วถุงน้ำดีกันต่อคือว่า พบนิ่วในถุงน้ำดีจากจำนวน 108 ราย มีทั้งสิ้น 15 รายมีนิ่วในถุงน้ำดี หลังเข้าคอร์สปรากฏว่า หายไปเลย นิ่วหายไปเลยนะครับ 7 ราย จาก 15 ราย เกือบครึ่งหนึ่ง โดยเฉพาะเม็ดเล็กๆ แต่อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตจากการสำรวจครั้งนี้พบว่าใน 7 รายที่หายไปนี้ปรากฏว่ามีนิ่วขนาด 3.7 เซนติเมตรหายไป 1 ราย

กาญจนา - คือใหญ่มากนะคะ 3.7 เซนติเมตร

ปานเทพ - 3.7 เซนติเมตรนี้เท่านี้นะครับ คำถามก็คือมันหายไปได้อย่างไร ถ้าดูท่อน้ำดีมันเล็กนิดเดียว ผมเชื่อว่ามันน่าจะเกิดการละลายออก มันเหมือนกับอย่างนี้ครับ พูดให้จบก่อนค่อยมาอธิบายต่อนะครับ 3.7 เซนติเมตรหายไป 1 ราย นิ่วมีขนาดเล็กลง หรือลดลง 5 ราย ก็แปลว่า 7+12 ดีขึ้น 12 รายแล้วนะครับ 12 รายจาก 15 รายนะครับ และในจำนวนนี้ที่บอกว่ามีจำนวนขนาดเล็กลง หรือว่าจำนวนน้อยลง มีนิ่วขนาด 2.2 เซนติเมตร ลดลงเหลือเพียงแค่ 1.2 เซนติเมตร คือลดลง 1 เซนติเมตร และมีจำนวน 3 ราย มีจำนวนนิ่ว และขนาดเท่าเดิม อันนี้ว่าไม่ทราบมีอัลตร้าซาวด์ให้ดูไหมครับ เผื่อทางทีมงานจะขึ้นได้ทัน

อันนี้จะเห็นได้ชัดเจน อันนี้เป็นภาพที่ 1 นะครับคือนิ่วถุงน้ำดีก่อนล้างพิษมีขนาด 1.9 เซนติเมตร ภาพที่ 2 เลยนะครับ หลังจากนั้นลดลงไปเหลือ 1.2 เซนติเมตร รายที่ 2 คือนิ่วถุงน้ำดีขนาด 2.2 เซนติเมตรคือรายนี้แหล่ะครับ หลังจากล้างพิษแล้วเหลือเพียง 1.6 เซนติเมตร อีกรายหนึ่งคือนิ่วถุงน้ำดีก่อนล้างพิษมีจำนวน 8 เม็ด นับเลยนะครับ จุดๆ ที่นับ 8 เม็ด หลังล้างพิษเหลือแค่ 2-3 เม็ดเล็กๆ เท่านั้น และภาพสุดท้ายคือนิ่วก่อนล้างพิษตับ เห็นจำนวนชัดเจนนะครับ แต่หลังจากล้างพิษเหลือแค่ 2-3 เม็ดเท่านั้น และภาพสุดท้ายคือ นิ่วก่อนล้างพิษตับ เห็นจำนวนชัดเจนนะครับ แต่หลังจากล้างพิษคือหายไปทั้งหมดก็มี อันนี้เป็นข้อพิสูจน์นะครับว่า มันไม่ใช่เรื่องอุปทาน หรือว่ายาหลอกที่เราสมมุติกันขึ้นมา แต่มันเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นได้จริงๆ คุณหมอพูดถูกครับว่าคือว่า นิ่วมันมีองค์ประกอบไปด้วยทั้งกรดเกลือ เกลือน้ำดี ในครับมีคอเลสเตอรอล มีน้ำ มีเลซิติน มีเม็ดเลือดแดงผสม มีหลายอย่างผสม เอามาช่วยย่อยน้ำมัน สิ่งพวกนี้หลักก็คอเลสเตอรอล เวลามันเข้าไปถึงถุงน้ำดี มันเกิดนิ่วได้ก็คือการเกิดตะกอนต่อคอเลสเตอรอล

จินดารัตน์ - คอเลสเตอรอลสูงเกินไปนะคะ

ปานเทพ - หรือมีหนาแน่นเกินไป ดังนั้นถ้าน้ำดีถูกเจือจาง ด้วยการขับมาเป็นจำนวนมาก และลดความเข้มข้นลงก็มีโอกาสที่จะละลาย และหลุดออกมาได้ อย่าไปนับว่าไขมันในตับ ซึ่งมันเกาะอะไรไว้ก็ไม่รู้ ละลายออกมาเป็นน้ำดีออกมามาก มันเอาอะไรออกมาได้ด้วย ผมคิดว่าตรงนี้เป็นวิทยาศาสตร์ที่เราน่าจะมาแชร์ประสบการณ์กัน ก่อนที่เราจะพูดกันต่อ ผมขออนุญาตนิดเดียว เพื่อทำให้เกิดความตระหนัก และเข้าใจนะครับ หลายคนไม่อยากอดอาหาร ระหว่างล้างพิษ หิว

จินดารัตน์ - ทรมานเหลือเกิน

กาญจนา - รู้สึกหิว มันก็อยาก

ปานเทพ - ทรมานเหลือเกิน มันก็อยากใช่ไหมครับ ผมจะหยิบยกข้อมูลที่น่าสนใจ อันนี้เป็นข้อมูลจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ที่สหรัฐอเมริกานะครับ ค้นพบมาทดลองกับหนู และค้นพบข้อมูลที่น่าสนใจ ระหว่างหนูที่อดอาหารกับหนูที่ไม่อดอาหารนะครับ ไม่ทราบว่าภาพพร้อมไหมครับ ถ้าภาพพร้อมแล้วมาดูกันนะครับ คือกราฟนี้ ถ้าเราจะเห็นนะครับคือ กราฟสีเขียวๆ คือแกนนี้คือจำนวนเปอร์เซ็นที่มีชีวิตอยู่ เขาเลี้ยงเป็นฝูง คือตั้งแต่ 100% จนถึงหมดฝูงคือ 0 คือตายหมด เลี้ยงไปนี้ครับ ด้านแกนนอนคือจำนวนเดือนที่เขามีชีวิตอยู่ปรากฏว่าสีเขียวคือกราฟที่หนู ได้ดำรงชีวิตโดยไม่อดอาหารเลย ทั้งฝูงตายหมดเมื่ออายุประมาณ 36 เดือน ต่อมาถ้าให้หนูอีกฝูงหนึ่งครับ ลดอาหารจำนวนแคลอรี 25% มันมีชีวิตอายุยืนได้ 42 เดือน ตายหมดฝุงเมื่ออายุ 42 เดือน ต่อมาสีชมพูลดอาหารไป 55% คือ ประมาณเกือบครึ่งหนึ่งอ่ะครับ ปรากฏว่ามันตายหมดฝูงเมื่ออายุประมาณ 52 เดือน แล้วก็ถ้าอดไป 15% อัตราการตายถือว่ามีอายุขัยยืนขึ้นเป็นประมาณสัก 55 เดือน

กาญจนา - พวกที่อดคือ ตายช้าสุด

ปานเทพ - ผมถึงบอกไงว่า อดน้อย กินน้อยตายยาก กินมากตายง่าย นะครับอันนี้เป็นการทดสอบที่ผมคิดว่ามีความน่าสนใจ อันนี้เป็นการทดสอบเมื่อปี 2477 โดย Mary Crowell and Clive Maccay มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ อันนี้น่าสนใจนะครับ 36 เดือน 42 เดือน 52 เดือน และ 56 เดือนในท้ายที่สุด ส่วนในกรณีหนึ่งเป็นการทดสอบ 23 ปี คุณแอน คุณจุ๊ เราโชคดีที่รอผลการวิจัยที่ใช้เวลาถึง 23 ปี คือเขาเอาลิงวอก มาเลี้ยงกัน 2 ฝูง ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมืองแมดิสัน ของสหรัฐอเมริกา เลี้ยงมา 23 ปี ตั้งแต่ 4 ขวบ และเลี้ยง 2 ฝูง ฝูงหนึ่งไม่อดอาหารเลย อีกฝูงหนึ่งอดอาหาร 30% ถ้าเทียบเราอด 3 มื้อคืออดมื้อเดียว ถ้าเทียบกับหนูเมื่อกี้อายุยืนสุดคือ กินมื้อเดียวต่อวัน ถ้าเทียบกับคนทั่วไปนะครับ มีในพระไตรปิฏกกินมื้อเดียวสบายป่วยน้อย แต่เราไม่เคยรู้ว่ามีงานวิจัยแบบนี้รองรับ ในการออกมาอีก 2,000 กว่าปีต่อมา ปรากฏว่าจากเลี้ยงไปแล้ว ผมมีภาพนี้ให้ดู กล้องพร้อมนะครับ ภาพนี้เป็นภาพลิงวอกเมื่ออายุ 23 ปีผ่านไป ทั้ง 2 ตัวอายุ 27 ปี อีก 6 เดือน อายุเท่ากัน คุณแอนเห็นอะไรบ้างครับ ลิงทางซ้ายมือคือ ลิงที่ไม่อดอาหารเลย ลิงทางขวามืคือลิงที่อดอาหาร 30% สิ่งที่เราเห็นคือแววตาของมันคือ ลิงตัวนี้หนุ่มกว่าลิงอีกฝั่งหนึ่ง ทั้งแววตา ฟัน พลังชีวิต ขนที่มีอ่อนโรยแรง ขนลำตัว ลักษณะการยืน ขาที่แข็งแรง หางมัน ปรากฏว่าเขามาค้นพบว่าลิงทั้งฝูงอายุ 27.6 ปี ส่วนใหญ่คืออายุเฉลี่ย อายุขัยที่ตายของทั้งฝูงนี้ ในขณะลิงฝูงนี้อายุเฉลี่ย 31 ปี แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือว่า เขาค้นพบว่าโรคที่เกิดตามอายุขัย เช่น วัยนี้เป็นโรคนั้น วัยนี้เป็นโรคนี้ ปรากฏว่า ลิงที่อดอาหารมีเปอร์เซ็นการมีชีวิตอยู่เหนือกว่าลิงอีกฝั่งหนึ่ง 3 เท่าตัว ในวัยเดียวกัน

เพราะฉะนั้นแล้วการอดอาหารถึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง อันที่ 2 ไม่มีคนใส่ใจในเรื่องของการล้างลำไส้เล็กระหว่างการล้างพิษ ผมอยากจะบอกว่าอันตรายนะครับ เพราะว่าบางคนไม่อดอาหารเลย จำภาพคุณหมอฮิโรมิ ชินย่า ได้ไหมครับ ที่ส่องกล้องในลำไส้ ถ้าทบทวนกันนิดนึง ผมตั้งคำถามว่าเราจะล้างลำไส้ให้สะอาดภายในไม่กี่วันได้หมดหรอกหรือ ถ้าภาพในลำไส้ที่เราเห็นต่อไปนี้มันเป็นภาพลำไส้ที่เขรอะไปด้วยทั้งเส้นเลือดโป่ง ทั้งเรื่องการตกค้าง ทั้งกากอาหาร ทั้งหมูกมันต่างๆ ไม่ทราบกล้องทางทีมงานพร้อมไหมครับ อย่างนี้เนี่ยฮะ ถามว่าจะใช้เวลาเท่าไรครับถึงจะให้มันหมด ดีท็อกซ์จะกวาดมันหมดไหมสภาพอย่างนี้ อาจกวาดบางอย่างหมดที่เป็นคราบเหลืองๆ เมื่อกี้อ่ะครับ หรือคนที่กินเนื้อสัตว์มากๆ อย่างนี้ครับคุณแอน

จินดารัตน์ - น่ากลัวมาก

ปานเทพ - น่ากลัวใช่ไหมครับ อย่างนี้คือคนที่กินเนื้อสัตว์ 4 ครั้ง ต่อสัปดาห์ มันหมดไหมครับ มันไม่หมด ต่อให้ล้างพิษหมดถ้ามีพฤติกรรมแบบเดิม อันนี้เป็นมะเร็งนะครับ มะเร็งขั้นต้น มันไม่สามารถเปลี่ยนลำไส้ได้ แล้วมันสำคัญตรงไหนรู้ไหมครับคุณแอน คุณแอนเห็นตามซอกพวกนี้ไหมครับ

จินดารัตน์ - ค่ะ

ปานเทพ - สมมุติพิษออกมาจากตับ ซึ่งมันมีไขมันที่มันเหนียว และมีพิษตกค้างจากสารเคมีจากที่เราสะสมในตับออกมา และมันไม่สามารถออกจากลำไส้ได้มันจะเกิดอะไรขึ้นรู้ไหมครับ

จินดารัตน์ - ค่ะ

ปานเทพ - ลำไส้เหล่านี้มันก็ทำให้พิษที่ตกค้างในลำไส้ดูดกลับตามพนังเส้นเลือด

จินดารัตน์ - กลับไปใช้ใหม่

ปานเทพ - กลับไปปะทุตามผิวหนัง มันอาจไม่เก็บไปที่ตับก่อนนะครับ ระหว่างการเดินทางไปที่ตับมันอาจปะทุตามเส้นเลือดฝอย ไปตามผิวหนังเกิดอาการปวดหัวที่เขาเรียกว่า ซ่านพิษ เพราะเหตุผลนี้ หนึ่งจากการล้างพิษหรืออาจเกิดจาก ที่ 2 ระหว่างการอดอาหารก็เกิดซ่านพิษได้เช่นกัน เพราะไขมันมันไปหุ้มสิ่งที่เป็นปัญหาอาจไม่อยู่ในตับอย่างเดียว อาจอยู่ข้างนอกร่างกายพอไขมันเริ่มละลายระหว่างการอดอาหารก็จะเกิดอาการซ่านพิษได้ด้วยเช่นเดียวกัน นี้คนเป็นมะเร็งเห็นไหมครับ และนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมต้องใช้น้ำด่างในการล้างลำไส้ เพราะว่า คนเนี่ย คนเมื่อกี้คนเดียวกัน เมื่อล้างลำไส้ด้วยการดื่มน้ำด่าง ดื่มอย่างเดียว 3 เดือน สภาพลำไส้เขาสะอาดขึ้นเป็นอย่างนี้ ถ้าเทียบ 2 ภาพนี้ เห็นชัดนะครับ นี้แหละครับ หลักสูตรล้างลำไส้ ล้างพิษตับถึงต้องให้ความสำคัญกับการล้างลำไส้ด้วย ไม่งั้นการซ่านพิษจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต คำถามคือ ทำไมต้องเป็นน้ำด่างในการล้างลำไส้

ในการสวนล้าง คุณแอนเคยเห็นบททดสอบเรื่องเอาน้ำ PS11 กับน้ำธรรมดากับไขมันไหมครับ มันเป็นอย่างไร เราไปดูอีกครั้งนะครับถ้าทีมงานพร้อม เราจะค้นพบว่า น้ำธรรมดาถ้าใส่น้ำมันมันจะแยกชั้น แต่ถ้าเป็นน้ำด่างที่ทำจากเครื่องที่มีค่าประจุลบสูงแรงตึงผิวมันจะต่าง มันสามารถซึมเข้าไปในน้ำมันจนกระทั่งสามารถทำให้ไขมันกับน้ำเป็นเนื้อเดียวกัน และดูดออกมาได้ อันนี้เป็นน้ำมันจากพืช หลังจากนั้นเขาก็เอาน้ำธรรมดาไปเทดู เปรียบเทียบดูนะครับ นี้คือน้ำธรรมดาแล้วเทไปข้างหนึ่ง คุณแอนครับธรรมชาติน้ำกับน้ำมันต้องอยู่แยกชั้นกันใช่ไหมครับ แต่ในขณะที่เป็นน้ำด่างที่เขามีเครื่องวัดมิเตอร์ข้างหลัง คือ PS11 ในการวัดอยู่ตอนนี้ เขาจะเอาน้ำนี้มาใช้มันจะเป็นอย่างไร เอาละครับเขาก็จะเอาน้ำด่างนี้วัดแล้วเอาเครื่องวัดออก PS11 มันเป็นอย่างนี้ครับคุณแอน

กาญจนา - ผสมกันไปเลย

ปานเทพ - ใช่ นี้เป็นเหตุผลว่า เรามีวิวัฒนาการเรื่องน้ำมันมะกอกช่วยล่อน้ำดีออกจากตับในการล้างตับได้จริง โดยที่ไม่ต้องใช้กาแฟแต่เดิมในการสวนล้าง ในขณะที่กระบวนการนี้ก็สามารถดึงไขมันได้อย่างยอดเยี่ยมจากกระบวนการที่ทำจากเครื่อง หรือเครื่องน้ำด่างเรา จริงๆ PS11 นี้แรงไป เขาไม่ให้ใช้ ใช้ซักประมาณ 10 ก็พอ เครื่องทำน้ำด่างของ ASTV สามารถทำได้ภาพถัดไปที่เราจะเห็นต่อไปนี้ก็เป็นภาพที่ผมทำเองทดลอง แล้วเคยทดลองในรายการแล้วว่า เครื่องทำน้ำด่างเนี่ยก็เหมือนกันคือ สามารถทำให้แรงตึงผิวระหว่างไขมันกับน้ำมันสามารถดูดซึมเข้าหากันได้ หรือสามารถแทรกซึมเข้าหากันได้ และมีประสิทธิภาพทำให้เราสามารถที่จะดึงออกมาได้ด้วยเช่นเดียวกับภาพที่ผมเคยให้ดูก่อนหน้านี้ เดี๋ยวให้ดูนะครับ ภาพนี้เป็นแบบนี้ อันนี้ก็จะเห็นนะครับคืออันนี้จะเห็นได้ว่า เป็นไขมันแยกชั้นกับน้ำชัดเจน อันนี้น้ำด่างเห็นไหมครับ อันนี้ก็จะเห็นชัดเจนได้ว่าเราสามารถใช้น้ำด่างมาเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เกิดกระบวนการล้างพิษได้ด้วยภูมิปัญญาที่ผสมผสานหลายอย่างมาก พอมาถึงล้างตับก็เช่นเดียวกันคือว่า บางคนไม่เชื่อเรื่องการล้างตับ ซึ่งวันนี้เรามีผลทดสอบทางแลป ทางแพทย์ ผลทดสอบการเก็บสถิติ การแสดงให้ดูถึงกลไกว่าทำไม คนถึงหายจากโรคได้ เพราะว่าตับพอฟื้นตัวปั๊ปร่างกายก็ฟื้นตัว ภูมิต้านทานก็จะสูงขึ้น เหลือสุดท้ายการกินคือ คนออกจากหลักสูตรล้างพิษแล้ว บางคนไม่ควบคุมการกินกลับมาเหมือนเดิน

จินดารัตน์ - กินเหมือนเดิม

ปานเทพ - ครับ มีคำกล่าวว่า การกินที่สำคัญนะครับ ร่างกายเรา มนุษย์เราจะมีเอนไซม์คือ ใช้สำหรับการย่อย เช่น น้ำลายมีเอนไซม์อะไมเลสย่อยแป้งเป็นน้ำตาล กระเพาะมีลำไส้โปรติเอสย่อยโปรตีนเป็นกรดอะมิโน เช่นเดียวกันน้ำดี และตับอ่อนก็มีเอนไซม์ไลเปสมาย่อยลิพิดคือ ไขมัน อย่างเช่นน้ำมันมะกอกทำให้เป็นกรดไขมันดูดซึมเข้าตามกระแสเลือดได้ เชื่อไหมครับเอนไซม์ในร่างกายเราใช้แล้วหมดไปถ้าไม่เติมเข้าไป และเอนไซม์ถ้าเราใช้แล้วหมดไปแล้วไม่เพิ่มด้วยการกิน เมื่ออายุมากขึ้นแทบทุกคน ท่านผู้ด้วยจะรู้สึกไหมครับว่า เมื่อรู้สึกอายุเยอะมากขึ้นกระบวนการย่อย และการขับถ่ายแย่ลง โดยเฉลี่ยเลยนะครับ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วเราคงไม่แย่ขนาดนี้ มันแย่ลง 20 ปี ยิ่งเห็นชัดลองนึกกลับทวนไปดูว่า เราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า แล้วผมจะพูดให้ฟังว่าทำยังไงถึงจะรอดจากสิ่งเหล่านี้ได้

2.คือว่าเมื่อระบบการย่อย และการขับถ่ายแย่ลงจากกระบวนการกินเคมีฆ่าจุลินทรีย์ที่ดี กินอาหารแย่ๆ และก็ใช้แล้วหมดไป เปลืองไปเรื่อยๆ ร่างกายจะเริ่มนำสิ่งหนึ่งที่เขาเรียกว่า เมตาบอลิคเอนไซม์คือ เอนไซม์ที่ทำซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำหน้าที่เผาผลาญอาหาร สะสมเป็นพลังงาน ฟื้นฟูร่างกาย และเป็นฮอร์โมนเจริญเติบโต คือ ไม่ให้เราเป็นโรค มันจะเอาเมตาบอลิคเอนไซม์ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลโรคภัยไข้เจ็บเรา มาช่วยย่อยอาหาร พอเริ่มช่วยย่อยอาหารปั้บ ร่างกายเราจะเริ่มเป็นโรค เพราะภูมิต้านทานต่ำลงไปเรื่อยๆ หลักการง่ายๆ ถามว่าแล้วเราจะเพิ่มปริมาณเอนไซม์ได้อย่างไร คำตอบคือได้จากการกิน

จินดารัตน์ - เราจะรู้ได้ไง อันนี้มีเอนไซม์ไหม กินได้อย่างไร คุณหมอสมศักดิ์ วรคามิน อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอดีตอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เขียนในหนังสือว่าจริงๆ ถ้ามนุษย์มีเอนไซม์มากเพียงพอเราอาจจะมีชีวิตยืนยาวได้ถึง 120 ปี และจะมีเพิ่มได้อย่างไร คำตอบนะครับคือ ได้จากการกิน มีทั้งในพืช และในสัตว์ แต่ต้องไม่ผ่านกระบวนการความร้อนเกิน 40 องศาเซลเซียส คุณแอนนึกดูว่าเนื้อสัตว์มีกี่ประเภท เรากินไม่ผ่าน 40 องศาเซลเซียสบ้างมีไหม

กาญจนา - ไม่มีค่ะ ไม่สุกด้วยซ้ำ

ปานเทพ - ปลาดิบ เราก็ต้องไปเสี่ยงกับปรสิต และพยาธิ เพราะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้วย แบบที่สองคือไม่กินเนื้อสัตว์ กินพืช และไม่ผัดไม่ทอด เป็นเรื่องเป็นราว คือกินผักสด ผลไม้สด ต้องล้างให้สะอาด เราจะได้ปริมาณเอนไซม์จาการกิน เข้าไปชดเชยเพราะในผัก ผลไม้ พืช มีเอนไซม์ที่เราสามารถกินได้ โดยไม่ต้องผ่านความร้อนจริงๆ มนุษย์เราฉลาดนะครับผลิตความร้อนมา ผลิตไฟมา เพื่อกินอาหารที่มันกินไม่ได้มาให้กินได้ แต่เราไม่เคยรู้ว่าเอนไซม์ที่มาช่วยเติมในร่างกายเหล่านั้นสูญเสียไปด้วย

จินดารัตน์ - บางคนกินผักไม่ได้เลย ผลไม้ไม่ได้เลย

ปานเทพ - เหลืออย่างเดียวถ้าจะไม่ได้จากสิ่งเหล่านี้ ก็จะได้จากน้ำหมัก ทำให้คนบางคนรวยไปเลยนะครับ เพราะว่ามีคนหายป่วยจากโรคนั้นโรคนี้ด้วยการใช้น้ำหมัก ซึ่งอโศกเขาเก่งเรื่องน้ำหมักมาก แต่อย่างที่บอกก่อนต้นรายการว่าน้ำหมัก ประเทศที่พัฒนาแล้วเขาจะคัดพันธุ์จุลินทรีย์เป็นระบบผิดให้มันเจริญเติบโตในผลไม้ หลากหลายชนิด ให้จุลินทรีย์ที่ดีในการเจริญเติบโต เพื่อไปสร้างผลิตเอนไซม์ คือไม่ได้ใช้จากผักจากพืชอย่างเดียว ใช้จุลินทรีย์เพื่อผลิตเอนไซม์ด้วย และเอาผักผลไม้ที่หลากหลาย เพื่อทำให้เกิดความหลากหลายของเอนไซม์มากที่สุด เป็นน้ำหมักแล้วดื่มเข้าไป
ปัญหาคือแล้วที่หมักอยู่ในประเทศไทยมีคนไหนได้มาตรฐาน มีของดีแน่ล่ะ แต่มีของเสียบ้างหรือเปล่า มีอะไรตกค้างไหม มีเชื้อราไหม มีสารพิษ มีเชื้อโรคที่มันเป็นภัยต่อร่างกายไหม เราจะรู้ได้อย่างไร ผมเห็นว่า ก่อนจะจะให้คำตอบคุณผู้ชมอย่างนั้น ผมส่งทดสอบทางวิทยาศาสตร์ก่อนทั้งหมดเลย เมื่อมีความรู้แล้วถึงจะบอกท่านผู้ชมว่าอันไหนดีที่สุด มั่นใจที่สุด แล้วผมคิดว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้คนไทยทำได้ คือใช้ระบบ และวิวัฒนาการจากการที่ผมทำอยู่ตอนนี้ เพื่อต่อยอดให้คนไทยสามารถมีสุขภาพที่ดี และสามารถส่งออกได้ในต่างประเทศด้วย

จินดารัตน์ - ตอนนี้บางคนเขาก็หันไปซื้อน้ำเอนไซม์ต่างประเทศดื่ม เพราะอันนั้นเป็นการคัดแยกเรียบร้อยแล้ว

ปานเทพ - เขาเป็นไบโอเทคโนโลยีที่สามารถ ทำให้เกิดกระบวนการ ทีนี้ผมอยากจะฝากคุณผู้ชมนิดหนึ่งที่อยากจะล้างพิษตับคือ ฟังแล้วดีไปหมดเลย มันมีข้อควรระวังว่าสำหรับคนที่ทำใหม่ๆ ผมยังไม่แนะนำให้ทำด้วยตัวเอง โดยเฉพาะคนที่ไม่แข็งแรง บางคนแข็งแรงยังต้องมีคนช่วยดูแลเพราะว่า มันมีปัญหาที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ

เพราะฉะนั้นข้อแรกต้องไม่ประมาท ข้อที่ 2.ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์ว่า ผมเห็นว่า คนที่ไปล้างพิษควรจะลดอาหารเนื้อสัตว์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อน 1 สัปดาห์ก่อนเข้าหลักสูตร อันนี้เรื่องจริงนะครับ ไม่งั้นลำไส้ที่ไม่สะอาดอย่างไรก็ไม่สะอาดเพียงพอมันจะเกิดอาการซ่านพิษประทุทางผิวหนังก็ได้

จินดารัตน์ - ถ้าเป็นไปได้ระหว่างงดเนื้อสัตว์ 1 อาทิตย์ ดื่มน้ำดอกบัวหรือยาขับเมือกมันควบคู่ไปได้ ล้างลำไส้ยิ่งดีเลย ให้สะอาด เพราะว่า เรารู้ว่าถ้าสิ่งของตกค้างในลำไส้เป็นปัญหาอีกกับเราอีกแน่นอน แล้วมันก็จะไม่มีประสิทธิภาพ ประการถัดมาก็คือว่า ผมคิดว่าคนล้างพิษตับ ควรจะงดนมวัว มาก่อนหน้า 1 เดือน หรือ 2 เดือนเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะถ้ากินนมควบคู่กับการกดภูมิ เพราะในระหว่างการล้างพิษจะมีพิษตกค้างออกมา หรือแม้กระทั่งยาออกมาได้ แต่ว่ามันเกิดการปะทุตามผิวหนัง ซึ่งก็ต้องระมัดระวังด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุผลนี้เราก็เลยต้องระวังเพิ่มขึ้นเพราะว่า ทุกวันนี้มีคนเปิดหลักสูตรกันเยอะ ทำเพราะจิตกุศลบ้างซึ่งก็ไม่ผิด ทำได้ แต่ว่าผมก็เริ่มเป็นห่วงว่าจะมีคนไม่เข้าใจจริงๆ ก็ทำให้สัปดาห์ที่แล้ว ผม อาจารย์แก่นฟ้า อาจารย์ขวัญดิน พี่กอบ และอีกหลายคนที่ชาวอโศกไปประชุมกันที่ร้านมังสวิรัติแห่งหนึ่ง และคิดว่าสงสัยเราต้องกำหนดมาตรฐานว่า หลักสูตรที่ควรต้องเป็นไปขั้นตอนทุกอย่างถูกต้องครบถ้วน และระมัดระวังดีเพียงพอแล้วหรือยัง ควรจะต้องมีกระบวนการอบรม ฝึกอบรมคนที่จะไป หรืออยากมีประสบการณ์ในการทำเอง ความเข้าใจในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันในทุกๆ ด้าน ในทุกมิติ ผู้เปิดศูนย์ต้องได้มาตรฐาน มีความรู้เพียงพอ บางคนไม่มีแม้กระทั่งเครื่องวัดความดันโลหิตสูงเลย จะรู้ได้อย่างไรว่าล้างพิษแล้วมีผลต่อการกระตุ้นความดันหรือไม่ กินดีเกลือได้ไหม จะไปรู้ได้อย่างไร มันต้องมีองค์ประกอบที่ควรจะมีมาตรฐาน ซึ่งขอใช้เวลาอีกสักพัก ว่าใครอยากจะเปิดศูนย์ ใครอยากจะมีองค์ความรู้ เป็นผู้เชียวชาญ หรืออยากจะผ่านการฝึกอบรมเราอาจจะต้องจัดมาตรฐานขึ้นมา แล้วจัดหลักสูตรให้คนมีความรู้มากขึ้น เพราะเราไม่อยากปิดกั้นอยู่เฉพาะคนไม่กี่คน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพคนไทย ใครได้ประโยชน์ช่วยคนในคอรบครัวก็คุ้มแล้ว คุณแอนได้มีประสบการณ์ในการดื่มน้ำเอนไซม์ด้วย เป็นอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างนะครับ จากเดิมยาแอนตี้ไบโอติกคือ ฆ่าเชื้อ แต่น้ำเอนไซม์ที่เลี้ยงจุลินทรีย์ทรีย์คือ ดื่มสิ่งที่มีชีวิตกลับเข้าไปมันตรงกันข้ามกันเลย

จินดารัตน์ - ลูกคนเล็กแอนแพ้นมวัว เขาจะมีอาการผื่นขึ้น แล้วอุจจาระจะเเข็งเป็นก้อนๆ เขาเรียกขี้แพะค่ะ พอเอาน้ำจุลินทรีย์มาให้เขาดื่มผ่านไปสักอาทิตย์กว่า เขาเริ่มถ่ายง่ายขึ้น เขาบอกพี่เองว่า คุณแม่หนูถ่ายง่าย ไม่เจ็บ แล้วที่สำคัญผื่นเขาหาย เป็นเพราะระบบย่อยเขาไม่ดีด้วย ลำไส้เขาอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง แอนก็เลย มาดื่มเองตอนล้างพิษตับ ประโยชน์คือสะดวก ไม่ต้องคั้นน้ำผลไม้ ไม่หิว ไม่เพลีย ไม่มีแก๊ส ไม่ท้องอืด บางคนปวดท้องมากๆ ท้องอืดลมเยอะ เขาจะปวดท้องเวียนหัว แต่พอดื่มน้ำเอนไซม์แล้วมันง่ายขึ้นมากๆ เราทำงานได้โดยไม่หิว ไม่เพลีย

ปานเทพ - ก่อนจะปิดเบรกนี้ผมอยากให้ดูภาพนี้ ใช้น้ำมันมะกอกล่อน้ำดีพระพุทธเจ้าบอกว่า น้ำดีเป็นปัญหาต่อโรคลม มูกเมือกเป็นปัญหา นี่เป็นภาพหมอชีวกโกมารภัจจ์ เป็นหมอของพระเจ้าพิมพิสาร ในพระไตรปิฎกเขียนเอาไว้ ว่าเคยไปรักษาโรคผอมเหลือง ผมดูอาการแล้ว ไม่ว่าอ่อนเพลียในช่วงบ่ายกินอะไรไม่ได้ มันคืออาการตับอักเสบ ปรากฏว่าหมอชีวกโกมารภัจจ์ ได้ใช้วิธีการรักษาโดยการให้กับพระเจ้าปัชโชตราชาด้วยการถวายเนยใส ให้ดื่ม คือการใช้ไขมันล่อน้ำดีออกมาให้ย่อยแล้วขับถ่ายให้มากที่สุด ปรากฏว่าระเจ้าปัชโชตราชาโกรธมาก เพราะไม่ชอบดื่มเนยใส ก็ตามล่า หมอชีวกโกมารภัจจ์ ในที่สุดตัวเองก็หายได้จากโรคผอมเหลือง ไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับ มันมีมานับเป็นพันปีแล้วในศาสตร์นี้

จินดารัตน์ - เดี๋ยวอีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่ อาจารย์ปานเทพพูด คือเรื่องการดื่มนมเดี๋ยวจะพักก่อน ช่วงหน้าช่วงคำถามมีคนถามเรื่องนี้มาด้วย นมไม่ดีต่อมนุษย์อย่างไร สักครู่ค่ะ

ช่วงที่ 3

จินดารัตน์ - กลับมาสู่ช่วงสุดท้ายแล้วนะคะ มาสู่ช่วงคำถาม เอาเรื่องนมก่อนเลยนะคะอาจารย์ปานเทพ นมเนี่ยคนสงสัยว่าทำไม กินกันมาจนสิบยี่สิบปีละอยู่ๆ จะมาบอกว่าดื่มนมไม่ดี

ปานเทพ - ข้อแรกนะครับ ผมจะให้ดูลำไส้นิดเดียว ลำไส้ของคนที่เป็นปกติกับดื่นนมวัวว่าต่างกันแค่ไหน ผมเริ่มต้นจากภาพนี้ก่อนนะครับ นี่คืนลำไส้ของคนที่สะอาดที่สุดในอุดมคติ ถ้าหลายคนดื่มน้ำด่างต่อเนื่องกันก็จะเป็นแบบนี้ คือลำไส้สะอาดเห็นเส้นเลือด ไม่มีไขมันไม่มีมูกมัน สภาพต่างที่เราดูเมื่อซักครู่ แต่คนที่ดื่มนมวัว ดร.ฮิโรชิ ชินย่า ซึ่งสำรวจการส่องกล้องในลำไส้ของคนที่ดื่มนมวัว จริงๆ เขาสำรวจมา 400,000 ราย แต่ว่าคนที่ดื่มนมวัวเค้าค้นพบว่าเป็นแบบนี้ คือคนดื่มนมวัวอายุคนนี้เขาอายุ 21 ปี สภาพลำไส้เค้าจะมีคราบเหมือนกับเป็นชีสเหนียวเขรอะเลย แล้วก็เวลาล้างพิษ หรือมีสิ่งตกค้างมันยากที่จะหลุดออก

จินดารัตน์ - นี่ไม่เป็นเส้นเลือดเลยนะคะ

ปานเทพ - ไม่เห็นเลยคุณแอน และบางส่วนก็อักเสบด้วยแต่เรามองไม่เป็น มันจะมีชีส มีเลือดออกแล้วมีขาวๆ เต็มไปหมดเลย

กาญจนา - เคลือบเอาไว้หมดเลย

ปานเทพ - เพราะฉะนั้นมันเหมือนกับมีฟิลม์เคลือบหนามาก และที่สำคัญคือว่า ลักษณะแบบนี้ ถ้าล้างพิษตับ และลำไส้ไม่สะอาดจริง สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือสิ่งที่ล้างออกมาจากตับมันจะค้างอยู่ในลำไส้ และทำให้ลำไส้ดูดกลับเข้าเส้นเลือดตับ และระหว่างเดินทางถึงตับอาจจะไปถึงเส้นเลือดอื่นๆ ตามร่างกายเกิดการปะทุผิวหนังเกิดขึ้นได้ง่ายมาก โดยเฉพาะถ้าตับไม่ดี เพราะฉะนั้นผมคิดว่า ผมควรจะบอกให้ท่านผู้ชมเตรียมตัวว่า สำหรับคนที่จะล้างพิษจะต้องมีความระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะคนที่จัดหลักสูตร อันนี้เป็นภาพนี้น้องคนนี้เป็นน้องที่มาหาผม เพื่อและตัดสินใจที่จะไม่ใช้แพทย์แผนปัจจุบันในการรักษา และก็หลังล้างพิษตับ และปรากฏว่า มีประวัติดื่มนมวัวมาก

จินดารัตน์ - ดื่มต่างน้ำ

ปานเทพ - ดื่มนมวัว กินยาแพ้ แก้แพ้เป็นประจำมีตุ่มขึ้นตามมือบ้างก่อนหน้านี้นะครับ แล้วกินยากดภูมิเอาไว้ และที่สำคัญคือว่าเค้ามีการสูบยาแก้หอบคือ ใช้ยาเป็นตัวหลักในที่สุดหลังล้างพิษเค้าก็มีอาการขึ้นปะทุทางใบหน้า แล้วค่อยๆ เปลี่ยนใบหน้าไปเรื่อยๆ ตามภาพที่เห็นนะครับ จากปากแล้วก็ขึ้นหน้า เห่อขึ้นเต็มเลยครับ แล้วก็ใช้เวลาซัก 3 หลังจากผ่านไป 8 วัน ก็เริ่มอาการดีขึ้น จนกระทั่งวันที่ 18 พฤษภาคม ใบหน้าเป็นปกติแล้ว ผมก็เลยคิดว่าอยากจะแชร์ประสบการณ์ คิดว่าท่านผู้ชมที่ระมัดระวังในเรื่องนี้จะต้องมีความระมัดระวังด้วย นี่เป็นสิ่งที่อยากจะบอกว่าชาวอโศกเค้าค้นพบมาหลาย 10 ปี แม้ไม่มีการล้างพิษเลย อาการแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นได้ถ้าถึงจุดหนึ่งที่มันปะทุออกมา และมีประวัติการดื่มนมวัวเป็นจำนวนมาก และใช้ยากดภูมิมาตลอดพอเริ่มหยุดยาก็ไปเลย

จินดารัตน์ - ค่ะ

ปานเทพ - เพราะฉะนั้นแล้ว ผมก็เลยคิดว่าผมจะข้ออนุญาตเผยแพร่สูตรละกัน ที่ทำให้คนๆ นี้หาย และปรากฏว่ามีหลายคนก็มาหาผมก็มีอาการเดียวกันคือ มีประวัติดื่มนมวัวมาเหมือนกัน มีอาการแบบเดียวกันเนี่ยหลายคนแล้ว

จินดารัตน์ - คือไม่ได้ขึ้นที่หน้าตาอย่างเดียว

ปานเทพ - ขา ลำตัว คันมากอย่างงี้เป็นต้นนะครับ ทำยังไง ขออนุญาตเริ่มแรกจากข้อแรกเลยคือ ต้องเริ่มจากการควบคุมอาหารอย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงการรักษาตัวนะครับใน คือการทานน้ำนมธัญพืชหงอก ถั่วขาวถั่วเขียวลูกเดือยข้าวกล้อง แช่น้ำ 1 คืน แล้วปั่นรวมกับใบเตย อันนี้สูตรหมอเขียวเลย

2.คือว่าส่วนใหญ่คนเหล่านี้วัดค่าปัสสาวะจะได้ความเป็นกรดสูงให้ดื่มน้ำด่างเบอร์ 3 เลย เช่น อย่างน้องคนนี้วัดค่าปัสสาวะได้ PS 5.10 เป็นกรดเกินจึงให้ดื่มน้ำด่างที่ทำจากเครื่องเบอร์ 3 ดื่มให้มาก และอาบด้วยน้ำด่างเบอร์ 3 ด้วยนะครับ

3. คือใช้เอนไซม์ผงที่เราคัดเลือกมาคือเราได้ภูมิปัญญาจากไต้หวันก็คือ ช่วยย่อยสลายให้เค้ากินไปคือ ย่อยสลายโปรตีนที่ตกค้าง

จินดารัตน์ - อยู่ในลำไส้อ่ะนะคะ

ปานเทพ - ครับ และรวมถึงไขมัน แล้วให้ทาน ช่วง 3 วันแรกให้ทานวันละ 3 ซอง ต่อมาทานวันละ 2 ซอง 4.คือใช้น้ำเอนไซม์ชนิดที่คัดพันธุ์จุลินทรีย์แล้ว เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายมีแบคทีเรีย แบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อร่างกายรวมถึงแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า แลคติคแอซิดแบคทีเรีย
ซึ่งนอกจากจะเป็นโปรไบโอติกที่ช่วยย่อยสิ่งตกค้างแล้วยังช่วยกำจัดแบคทีเรียก่อโรคในลำไส้ด้วย ใช้ดื่ม 1 ส่วน และก็ละลายน้ำ 5 ส่วน ดื่ม 2 ครั้งเช้าเย็น คุณสนธิก็ดื่มอยู่หรือดื่มมากกว่านั้นคือใช้แทนการอดอาหาร ซึ่งจะสดชื่นมากช่วงการอดอาหาร

จินดารัตน์ - เหมือนที่แอนทำ

ปานเทพ - เหมือนกับที่คุณแอนทำ แล้วก็ทาที่หน้า 1 ครั้งมันจะช่วยๆ ย่อยน้ำเหลือง สิ่งตกค้างย่อยไปด้วย และค่อยๆ สดใสกลับคืนมา เนื้อที่ตายแล้วย่อยแล้วที่ไต้หวันถึงขณะคนไฟไหม้เขาใช้เอนไซม์ทาไม่เหลือแผลเป็นเลย

จินดารัตน์ - ค่ะ งั้นแสดงว่าถ้าโดนไฟลวกโดนอะไร นำมาทาไปไหมคะ

ปานเทพ - ด้วย ได้ครับ 3. ก็คือเราให้เค้าทานจุลินทรีย์ในแคปซูล ซึ่งเป็นอาหารเสริมที่ประกอบด้วยแบคทีเรียที่คัดพันธุ์แล้วหลายชนิด ตระกูลพวกแลคโตบาซิลัสนะครับ แล้วทานต่อเนื่อง ต่อมาคือใช้ทางธรรมชาติบำบัด สิ่งที่เราทำก็คือไม่กินยากดภูมิ ไม่กินสเตอรอยด์ และใช้แพทย์แผนไทยผสมผสานกดจุดพบว่า ลำไส้เขาล็อกไม่เคลื่อนตัวเป็นปัญหา คุณหมอปานก็ช่วยกดจุดให้ แล้วก็ใช้ยาหม้อสูตรหมอปานข้ออนุญาตเป็นการเผยแพร่ได้นะครับ เป็นยาที่เค้าใช้เป็นยาน้ำ และขับพิษออก ได้แก่ 1.ใบมะขาม 2.ใบมะดัน 3.ใบชะมวง 4.แก่นลั่นทม 5. ปูนหิน 6.กุ่มทั้งสอง กุ่มบก กุ่มน้ำ 7.ชุมเห็ดทั้งสอง ไทยและเทศ 8.เถาส้มเสร็งเคร็ง 9.หัวกระถืด 10.หัวไพล่ 11.หัวกระชาย 12. หัวขมิ้นอ้อย 13.ผลเคล็ดเค้า 14.จุกหอม 15.จุกกระเทียม 16.ยาดำ ยางของว่านหางจระเข้ 17. ฝักราชพฤกษ์ 18. สารส้ม 19. มหาหิงค์ 20. ดินประสิว ยาทั้งหมดนี้เอาสิ่งละ 2 บาทแล้วใช้มะนาวกรูด 9 ลูกผ่าครึ่ง มะเฟืองเปรียว 14 ลูก หั่นเป็นชิ้น ต้มกินวันล่ะ 1 ครั้ง ก่อนนอนหลังอาหารครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อยใส่ท่วมยา ต้มกินไปจนจืด แม้ว่าฟังแล้วจำยากแต่ผลเชื่อว่า ยังมีคนถอดเทปมา ท่านผู้ชมสามารถไปดูได้ที่การถอดคำในเว็บไซต์ผู้จัดการนะครับ แล้วบอกว่ามันคืออะไรฟังแล้วไม่เคยได้ยินเลย

จินดารัตน์ - เรียกยากค่ะ

ปานเทพ - ไม่ต้องคิดไรมากเลยเอาสูตรยาไปยาแพทย์แผนไทยให้เค้าจัดให้ จัดแล้วเราก็มาต้มเอง ทีนี้เค้าก็บอกว่าที่น่าสนใจคือว่า พอเค้าเริ่มถ่ายจากการยาขับถ่ายออกมาได้ เราค้นพบเลยว่าวันที่เขาอาการดีขึ้นหลังจาก 7 วันนี้ คือวันที่มีสิ่งในลำใส้เป็นหมูกเหมือกขาวๆ และพร้อมกับเป็นหัวสิ่งตกค้างเหมือนการล้างพิษตับออกมาด้วย พอออกมาแล้วก็เริ่มฟื้น ฟื้นเร็วมากแล้วก็ในที่สุดไม่กี่วันถัดมาหน้าเค้าก็เริ่มใสเป็นดังเดิม เรียนให้ทราบว่า

เพราะฉะนั้นนมวัวเป็นสิ่งที่ต้องมีความระมัดระวังนะครับ และจะต้องดูด้วยว่าร่างกายเราเหมาะหรือเปล่า ย้อนกับไปในประเทศไทย เราไม่ได้ดื่มนมวัวนะครับ เราเพิ่มดื่มนมวัวมาเมื่อมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์จากอเมริกา บริจาคหางนมให้คนไทยดื่ม บริจาคเลย แจก คนไทยดื่มแล้วปรากฎว่า ท้องเสียครั้งใหญ่เลย คนไทยไม่นิยมดื่มนม หลังจากนั้นด้วยการฟังโฆษณาประชาสัมพันธ์ฝั่งทุนใหญ่ ทำให้เราหลงเข้าใจว่า การดื่มนมวัวมีแคลเซียม ทั้งที่

กาญจนา - ดี จะทำให้เด็กแข็งแรง เจริญเติบโต ตัวสูง

ปานเทพ - เราจะเจริญเติบโต ตัวสูง ทั้งๆ ที่แคลเซียมไม่จำเป็นต้องมาจากนมวัวเลย ได้มาจากธัญพืช และพืชหลายชนิดมากนะครับ ดังนั้นเนี่ย เราตกอยู่ในทุนของอาหาร และยาข้ามชาติมาในช่วงรุ่นอายุเรานี่แหละจนไม่สามารถที่จะถอดตัวได้

จินดารัตน์ - คงเป็นอาการใกล้เคียงกันเนอะ มีคนถามมา อาจารย์ขาเค้าล้างพิษตับเดือนละครั้ง 7 ครั้งแล้ว

เพิ่งสังเกตุว่า มือเหลือง ตาเหลือง หน้าเหลือง แต่ไม่เพลีย ไม่ปวดท้อง อาการเหลืองเนี่ยหลายสัปดาห์หลังจากกินน้ำมันมะกอก นี่จวนจะได้เวลาล้างครั้งที่ 8 แล้ว ยังเหลืองอยู่เลย ก่อนที่จะรู้จักการล้างพิษตับไม่เคยมีอาการนี้ เกิดจากอะไรอันตรายหรือเปล่า

ปานเทพ - เออ เป็นส่วนหนึ่งครับ เช่น กระบวนการขับถ่ายไม่ดีพอ ออกมาไม่ได้มาก และทำให้น้ำดีดูดกลับไปตามผนังเส้นเลือดดำตาม เช่น ผนังลำไส้เล็กหรือลำไส้ใหญ่ และทำให้เกิดอาการเหลืองกว่าปกตินิดหน่อยนะครับ ถ้าเค้ามีดูดกลับไปมากมันจะค่อยๆ หายไปเองเพราะมันจะไปเก็บในตับในท้ายที่สุด แต่ในระหว่างทางอาจจะมีเหลือเป็นไปได้ แต่ถ้าจะให้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ลำไส้ต้องสะอาด

จินดารัตน์ - อ่อ ลองดูถ้าจะล้างครั้งที่ 8 เอาให้ลำไส้ต้องสะอาดก่อนนะคะ

ปานเทพ - ใช่ครับ ต้องยอมอดอาหารตามวินัยจริงๆ ดีท็อกซ์ก่อนล่วงหน้า สวนล้างก่อนล่วงหน้า กินยาชำระล้างเมือกมันก่อนล่วงหน้า อดอาหาร อดเนื้อสัตว์มาก่อน 7 วัน ยิ่งดี

จินดารัตน์ - หรือกินผัก

ปานเทพ - แล้วล้างลำไส้ก่อนล่วงหน้า จะได้ผลดีมากกว่า

กาญจนา - มีคำถามนะคะบอกว่า ซื้อน้ำด่างของสีมาอโศก ค่า PS 12 และเอามาผสมน้ำจากตู้หยอดเหรียญแต่ว่าน้ำนี้ต้มก่อนแล้วนะคะ พอมาผสมกันกลายเป็นว่าแยกเป็นชั้นตกตะกอนขาว อยากรู้ว่าเกิดจากอะไรค่ะ แล้วก็ไม่กล้าดื่มด้วย

ปานเทพ - ที่จริงน้ำทุกชนิดที่เป็นน้ำด่างมีแคลเซียมตามธรรมชาติ และมีแร่ธาตุผลทำให้เกิดเป็นฝุ่นขาวๆ เกิดขึ้นตามธรรมชาติทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นจากเครื่องหรือทำจากหัวเชื้อที่ได้จากการเผาก็ตาม น้ำด่างเนี่ยนะครับปกติเขาจะค่าประจุลบอยู่หมายถึงว่ามันไม่เสถียร เขาต้องการให้เราดื่มเร็วที่สุด เพื่อไปจ่ายให้อนุมูลอิสระหยุดทำงาน อนุมูลอิสระนี้คือ มันสูญเสียค่าประจุลบไปหนึ่งตัว พอเราจ่ายค่าประจุที่เกิดไปเนี่ยเขาก็จะหยุดทำงานอนุมูลอิสระ แต่เรามาตั้งทิ้งไว้ หรือไปทำปฏิกิริยากับอย่างอื่นผลคือ จะทำให้เขาจะไปเกิดปฏิกิริยาอย่างอื่น เช่น เกิดมีอากาศแล้วน้ำด่างไปทำปฏิกิริยากับคาร์บอนไดออกไซด์ จะเป็นแคลเซียมคาร์บอเนตจะทำให้เป็นผงแคลเซียมตกตะกอนลงมาได้ ที่จริงเราไม่ใช้วัตถุประสงค์ เพื่อให้เขาทำปฏิกิริยากับอากาศ เราต้องการดื่มเข้าไป มีคำถามว่าแล้วจะเกิดเป็นนิ่วไหม คำตอบคืออย่างนี้ครับ ว่าร่างกายเรากินแคลเซียมทุกชนิด และเราต้องการแคลเซียมที่มันไม่ตกตะกอนเพราะเรามีปริมาณน้ำมากพอ เหมือนนิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากคอเลสเตอรอลนะครับ ถ้าเรามีคอเลสเตอรอลน้อยกว่าปกติมันก็ไม่เกิดนิ่วในถุงน้ำดีถูกไหมครับ เพราะว่าสัดส่วนของคอเลสเตอรอลก็ดี อย่างที่คุณหมอพูดให้ฟังมันต้องมีองค์ประกอบที่สมดุลกัน เพราะฉะนั้นคนที่ดื่มน้ำมาก จะไม่ค่อยประสบปัญหากับเรื่องนิ่ว

จินดารัตน์ - ค่ะ เขาบอกว่า มีเพื่อนฝากถามมาว่า ดีท็อกซ์สามารถกินเฉยๆ เพื่อล้างลำไส้โดยที่ไม่ต้องเข้าคอร์สได้หรือไม่ และจำเป็นหรือไม่ว่ากินแล้วต้องทำดีท็อกซ์

ปานเทพ - แล้วแต่คนนะครับ ผมคิดว่า ส่วนใหญ่กินดีท็อกซ์แล้วมักจะเจออาการซ่านพิษได้ด้วยนะครับ เพาะฉะนั้นต้องดูอาการของแต่ละคนว่ามีอาการหรือเปล่า ถ้าไม่อาการก็มีสิทธิที่จะกินได้ แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าบางคนไม่ออกก็ต้องมีการสวนล้างด้วยเช่นกัน แต่ขณะเดียวกันต้องเข้าใจด้วยครับว่า เวลาเรากวาดออกเนี่ยมันดีนะครับดีท็อกซ์ เพราะว่ามันเป็นการกวาดตะกรัน มันดูดออกมาได้ แต่ว่ามันจะดูดสิ่งดีและไม่ดีไปด้วยในคราวเดียวกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราสกปรกมากดีท็อกซ์จะเหมาะมาก มันจะช่วยล้างลำไส้ให้สะอาด

จินดารัตน์ - ถ้าทำครั้งแรกๆ เนี่ยนะคะ

ปานเทพ - เพราะมันจะช่วยตะกรันลากออกมาให้หมด แต่ก็ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า การล้างลำไส้ถ้าเกิดล้างแบบกวาดออกมันก็มีทั้งของดี และของไม่ดีในคราวเดียวกัน เพราะฉะนั้นไม่แปลกใจเลยหลักสูตรล้างพิษของชาวอโศกถึงเอาน้ำหนักผสมด้วย เพราะเขารู้ว่าเขาเลี้ยงจุลินทรีย์ และก็เติมเข้าไปในร่างกายแทนนะครับ

กาญจนา - ยังมีเรื่องเครื่องทำน้ำด่างนะคะ มีพ่อแม่พี่น้องขอข้อมูลว่า ได้เครื่องทำน้ำด่างของ ASTV มาประมาณ 1 เดือนแล้วนะคะ มีปัญหาแคลเซียมที่มองเห็นที่ก้นขวดพยายามล้างคลีนนิ่งปกติแล้วก็ใช้ปุ่มเอซิด 2 สิบนาที แต่ว่าไม่ดีขึ้น โทรถามเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่หาย แต่ว่าจะน้อยลงไป อันนี้เขาขอรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยค่ะอาจารย์

ปานเทพ - อย่างที่ผมบอกนะครับ วิธีนะครับ ให้มันสามารถหลุดออกมาได้มัน จะทำให้ไอ้พวกที่จะเกิดฝ้าหรือฝุ่นจากแคลเซียมมันก็จะลดลงนะครับ ข้อที่ 2 คือว่า การล้างมันไม่ใช่เรื่องยากเลยนะครับ ถ้าเรามีวินัยในการที่ใช้ผสมกับการล้างเครื่องบางนะครับ มันจะทำให้การใช้ไม่เกิดปัญหา และไม่เกิดตะกอน

จินดารัตน์ - เห็นที่ช็อปบอกว่า ให้ล้างบ่อยๆ หน่อย

ปานเทพ - ใช่ ก็จะแก้ปัญหาได้

จินดารัตน์ - และมันอยู่ที่คุณภาพน้ำแต่ละพื้นที่ด้วย

ปานเทพ - อันนี้สำคัญ เพราะว่าคุณภาพน้ำถ้ามันกระด้างมากๆ เป็นปัญหา เพราะฉะนั้นแล้วถ้ามีปัญหา เช่น ในต่างจังหวัดเป็นน้ำบาดาลบ้างนะครับ เป็นน้ำที่มีความกระด้างสูงมากอย่างน้อยต้องมีกรองเบื้องต้นก่อน

จินดารัตน์ - 1 ชั้นก่อน

ปานเทพ - 1ชั้นก่อน

จินดารัตน์ - กรองแบบธรรมดา

ปานเทพ - ใช่ครับ

จินดารัตน์ - หัวเชื้อน้ำด่างที่ขายใน ASTV SHOP มีค่า ORP เท่าไร เมื่อผสมกับน้ำเปล่าแล้ว

ปานเทพ - ไม่ ผมผสมแล้วครับ แล้วพิสูจน์มาแล้วที่รายการนี้คือ ไม่ได้ประจุลบมันได้ประจุบวกอ่อนๆ นะครับ แต่ก็ดีกว่าน้ำดื่มทั่วไป

จินดารัตน์ - ได้ความเป็นด่างแล้ว

ปานเทพ - แต่ไม่ได้ด้านอนุมูลอิสระคือ ได้ความเป็นด่าง อย่างน้อยก็ยังดีครับได้ความเป็นด่าง

จินดารัตน์ - ล้างลำไส้ได้ดื่มบ่อยๆ

ปานเทพ - ครับ เพียงแต่ว่า มันไม่ได้ต้านอนุมูลอิสระเท่ากับทำจากเครื่อง แต่ถ้าอยากได้ประจุลบทำได้นะครับ

จินดารัตน์ - ทำได้ไงค่ะ

ปานเทพ - ก็ทำหัวเชื้อจากขี้เถ้าที่มาจากหัวเชื้อนี้แล้วก็เอาน้ำปูนใสผสม อย่างนี้เกิดเป็นประจุลบด้วย อันนี้เป็นเทคนิคจากอาจารย์แก่นฟ้านะครับ เผื่อคนที่ไม่มีเงินที่จะไปซื้อเครื่องก็สามารถจะมาเลือกทางนี้ได้

จินดารัตน์ - น้ำด่างจากเครื่องเด็กดื่มได้ไหม

ปานเทพ - ได้ครับ

จินดารัตน์ - ให้เริ่มจากหนึ่งก่อน

ปานเทพ - ให้เริ่มจากเบอร์หนึ่งครับ

กาญจนา - ส่วนวิธีการทำดีท็อกซ์โดยน้ำด่างเนี่ยนะคะ อยากทราบว่า จะให้ค่า PS อยู่ที่เท่าไร

ปานเทพ - เบอร์สามนะครับ ถ้าทำจากเครื่อง ถ้าทำจากหัวเชื้อก็ประมาณซักสิบคือ ต้องวัดก่อน แล้วก็ให้เป็นน้ำอุ่น

จินดารัตน์ - จะทำดีท็อกซ์โดยใช้น้ำด่าง อ้าวอันนี้ถามไปแล้วนะคะ รบกวนถามเรื่องน้ำจากเครื่องทำน้ำด่างนิดนึง ช่วงแรกๆ เหมือนน้ำจะไม่ค่อยขุ่นดื่นได้ทันที แต่ช่วงนี้น้ำค่อนข้างขุ่มมาก ขุ่นหลังจากรองเสร็จซักพักหนึ่งเลยดูไม่น่าดื่มจะดื่มหลังตกตะกอนแล้วนะคะ ปกติจะล้างเครื่องทุก 2-3 วัน ไม่แน่ใจเกี่ยวกับโฟเลตของน้ำมันจะเกี่ยวกันไหม ช่วงนี้จะเปิดอยู่ที่ 2.2 ลิตรต่อนาที

ปานเทพ - 2.2 ลิตร เนี่ยดีมากแล้วครับ แล้วก็สิ่งที่ทำมีอยู่ 2 ส่วน ก็คือว่า การดื่มน้ำถ้าตกตะกอนก็แปลว่า ตั้งใจให้เขาไปทำปฏิกิริยากับอากาศนะครับ แต่ถ้าเราดื่มเร็วกว่ามันก็จะไม่เกิดปัญหาเหล่านั้น มันก็จะไปจ่ายให้อนุมูลอิสระแทน แต่ทีนี้ในช่วงหลังๆ เนี่ย คนมักจะไปกดคลีนนิ่งนะครับ ซึ่งผมคิดว่า การกดที่ดีสุดคือ การกดน้ำกรดใช้บางมันก็จะล้างส่วนที่ตกค้างที่มาผลิตเป็นน้ำด่างให้มีแคลเซียมเกาะตามท่อน้อยลง มันก็จะลดปัญหาเหล่านี้ได้ครับ

จินดารัตน์ - ก็คือ กดเอชิดเลยนะคะ ที่เป็นกรดให้ออกมาทางท่อที่เราดื่ม

ปานเทพ - เบอร์ 2 เลย

จินดารัตน์ - เสร็จแล้วก็ทิ้งน้ำนั้นไป

ปานเทพ - ทิ้งน้ำไปซักพักหนึ่ง

จินดารัตน์ - ทำอย่างนี้บ่อยหน่อย เพราะมันจะไปเกาะตามท่อ

ปานเทพ - ใช่ครับ ถูกต้องครับ

กาญจนา - ยังมีถามมาอีกนิดนึงนะคะ บอกอยากให้อาจารย์คิดค้นวิธีล้างพิษตับนอกจากดื่มน้ำมันมะกอกหน่อย เพราะเขาค่อนข้างจะดื่มยาก และอาเจียนทุกครั้งที่ไปล้างพิษค่ะ

ปานเทพ - คืออยากจะบอกว่า วิธีการต้องประเมินแต่ละคน ที่คนส่วนใหญ่ดื่มแล้วอาเจียนมีอยู่ 2 เหตุผล หรือ 3 เหตุผล 1เกิดแก๊สระหว่างการดื่มน้ำผลไม้มากเนี่ยนะครับ เพระว่ามันไมผ่านขบวนการเคี้ยว ไม่ได้ผ่านเอนไซม์ชั้นต้นจากเคี้ยว มันไปหมักในกระเพาะ เหมือนกับขบวนการหมักน้ำผลไม้ที่เกิดแก๊สได้ธรรมดาจากการดื่มเอนไซม์ที่ผ่านขบวนการนี้หมดแล้วนะครับ ประการที่ 2 คือว่า การที่เขามีอาการอาเจียน เพราะเขาดื่มมากเกินไปที่เขาตั้งเกณฑ์ 150 ซี.ซี. น้ำมันมะกอก ผสมกับน้ำมะนาว 150 ซี.ซี. มันเป็นเกณฑ์ที่ชาวเยอรมันกำหนด

จินดารัตน์ - หรือฝรั่งตัวใหญ่ๆ

ปานเทพ - คือฝรั่งที่ตัวใหญ่ อย่างผมเนี่ยไม่เคยดื่มเลย ผมทดลองตั้งแต่ 150 ซี.ซี. น้ำมันมะกอก ผสมมะนาว 150 ซี.ซี. อาเจียนผมลดลงมา 125 ซี.ซี. กับน้ำมะนาว 125 ซี.ซี. ก็อาเจียน ผมมาลดเหลือ 100 กับ 100 พอดีสบายตัวทุกครั้ง

จินดารัตน์ - ใช่ แอนก็ 100 กับ 100

ปานเทพ - คุณแอนก็ 100 กับ 100

จินดารัตน์ - 150 กับ 150 ไม่ไหว

ปานเทพ - เพราะฉะนั้นปรับตามสภาพร่างกายของแต่ละคน แต่ละคนไม่เหมือนคน และก็ข้อ 3 ที่เกิดอาการผมเข้าใจว่า ส่วนหนึ่งบางทีมันเกิดอาการลมตีขึ้นจากภาวะกล้ามเนื้อท้องแข็งมากนะครับ แล้วก็เกิดกระบวนการที่ต้องมีการนวดท้อง และก็ทำให้เกิดกระบวนการล็อกตามแพทย์แผนไทย มันล็อกเส้น และเกิดความไม่สบายตัว ผมว่าทางนี้ก็ช่วยแก้ได้ 2-3 ทางนี้นะครับ

จินดารัตน์ - โดยวิธีการกดก็ดูจากหนังสือก็ได้นะคะ

ปานเทพ - ดูหนังสือก็ได้นะครับ

จินดารัตน์ - ว่า กดไล่ลมทำยังไง ถ้าเกิดลดน้ำมันมะกอกน้อยกว่า 100 เหลือซัก 75

ปานเทพ - แล้วแต่คนครับ ได้

จินดารัตน์ - ได้นะคะ

ปานเทพ - บางกรณีคนป่วยมากๆ ไม่มีกำลังแล้ว คุณแก่นฟ้า แสนเมือง ให้คุณแม่ทานเนี่ย ทาน 50 ซี.ซี.เอง

จินดารัตน์ - 50 กับ 50

ปานเทพ - 50 น้ำมันมะกอก 50 มะนาว ซี.ซี. แล้วก็ดื่ม และทานอย่างนี้ 4 วัน ต่อเนื่องกัน เพราะว่า ทานทีละน้อย คือปรับประยุกต์ตามสภาพของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน

จินดารัตน์ - คือ ร่างกายมันจะฟ้องเอง

ปานเทพ - ร่างกายจะบอกเองว่า ทำได้หรือทำไม่ได้

จินดารัตน์ - ดีเนอะวันนี้

กาญจนา - ค่ะ วันนี้รายละเอียดครบถ้วน เชื่อว่าน่าจะมีทุกคำตอบกับทุกคำถามของคุณผู้ชม

จินดารัตน์ - และวันนี้ วันพระใหญ่เริ่มจากวันนี้ก็ได้นะคะ เป็นฤกษ์งามยามดี ลองเลิกกินจากสัตว์ใหญ่ๆ ก่อนนะคะ หันมาทานสัตว์เล็กแทน หรือถ้าเลิกทานเนื้อสัตว์ได้เลยยิ่งดี ดีมากต่อร่างกายตัวเองด้วยนะคะ อาจารย์ปานเทพเลิกทานมาปีหนึ่งละ

ปานเทพ - ปีเศษละ

จินดารัตน์ - หน้าตาเด็กลงทุกวัน อยากจะบอกว่า เหมือนอะไรนะคะ เปรียบเทียบ

ปานเทพ - ลิง

จินดารัตน์ - ก็กระไรอยู่ แต่หน้าตาสดใสขึ้นนะคะ ชัดเจนมาก ขอบคุณผู้ชมที่ติดตามชมรายการในค่ำคืนวันนี้ แอนคิดว่า คุณผู้ชมได้ประโยชน์แน่นอนจากการชมรายการในค่ำคืนวันนี้

กาญจนา - ค่ะ วันนี้ก็หมดเวลาของรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิแล้วค่ะ

จินดารัตน์ - วันอาทิตย์นี้ คุยทุกเรื่องกับสนธิที่นี้ไม่มีการเมืองเช่นเคยนะคะเพียงแต่ว่าคุณสนธิไม่อยู่ เราเลยเอาคำถามรวบรวมคำถามตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ มารวมกันเลย คุณผู้ชมสามารถติดตามชมได้ ใครพลาดดูอาทิตย์ไหนอย่างไร ต้องดูวันอาทิตย์นี้นะคะ เป็นการรวมคำถามทั้งหมดตั้งแต่จัดรายการมากับคุยทุกเรื่องกับสนธิที่นี้ไม่มีการเมือง วันอาทิตย์ที่นะคะ วันนี้ขอบคุณอาจารย์ปานเทพ ขอบพระคุณค่ะ ลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ/ครับ

 คลิกที่นี่ ฟังเสียง โดย สนธิ ลิ้มทองกุล  



เขาว่าล้างพิษตับเป็นเรื่อง “หลอกลวง” (ตอนที่ 2) : เชิญดูผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ “ก้อนสีเขียว”คือ “สบู่ก้อน” จริงหรือ?
เขาว่าล้างพิษตับเป็นเรื่อง “หลอกลวง” (ตอนที่ 2) : เชิญดูผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ “ก้อนสีเขียว”คือ “สบู่ก้อน” จริงหรือ?
คนที่อวดอ้างว่าตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์ไทยคนหนึ่งหลังจาก“ปล่อยไก่” ออกมาว่า “ก้อนสีเขียว” นั้น เป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้เกิดสบู่ก้อน ที่เกิดขึ้นจาก น้ำดีซึ่งเป็นด่างที่แรงทำปฏิกิริยากับน้ำมันมะกอก พอมีคนท้วงว่าน้ำดีมี pH 7.5-8.8 เท่านั้น จึงไม่สามารถทำให้เกิดสบู่ก้อนได้ ก็รีบกลับลำแก้ไขกระทู้ต่อต้านการล้างพิษตับ “ลอกตัดแปะ” เอาจากนักวิทยาศาสตร์ในต่างประเทศว่า เป็นการทำปฏิกิริยาเคมีระหว่าง กรดไขมันในน้ำมันมะกอกกับโพแทสเซียมในน้ำมะนาวแทน
กำลังโหลดความคิดเห็น