xs
xsm
sm
md
lg

ต่างชาติขายอีก5.8พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นไทยปิดลบ 19 จุด ต่างชาติขายอีก 5.8 พันล้านบาท ไร้สัญญาณฟื้นตัวกลับ โบรกฯชี้จับตาเม็ดเงิน ทริกเกอร์ ฟันด์ช่วยพยุงวันนี้(13มิ.ย.) ด้านVTE ยังลงหนัก จากเกิดข่าวลือโดนบังคับขาย ตามข่าว“เอกยุทธ์” ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมหานักลงทุนต่างชาติกลุ่มใหม่ เข้ามาลงทุนหวังช่วยลดความผันผวนของเม็ดเงินลงทุนที่ย้ายกลับ ภาพรวม 5 เดือนวอลุ่มเทรดเฉลี่ยต่อวันเหลือ 6.1 หมื่นล้าน เช่นเดียวกับมาร์เกตแคปที่ร่วงลงตามดัชนี

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (12มิ.ย.) แรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติยังไม่จบ โดยขายอีก5,854.74 ล้านบาท กดดัชนีหลักทรัพย์ปิดที่ระดับ 1,433.47 จุด ลดลง 19.16 จุด หรือ -1.32% มูลค่าการซื้อขาย 66,506 ล้านบาท ภาพรวมไม่สะท้อนให้เห็นว่าจะมีทิศทางฟื้นตัว อีกทั้งปัจจัยลบสำคัญอย่างความกังวลถอนมาตรการ QE ยังไม่มีความชัดเจน โดยระหว่างวัน แตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,457.68 จุด ต่ำสุดที่ 1,422.00 จุด

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวลงต่อ การปรับตัวลงแรงเริ่มลดลง แต่ยังไม่สัญญาณการฟื้นตัวกลับ เพราะยังกังวลต่อการถอนมาตรการ QE ค่าเงินบาท และการเคลื่อนย้ายของเงินทุน ทำให้วันนี้ (13มิ.ย.) ต้องจับตาดูการเข้าซื้อของบรรดากองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ จะช่วยให้ดัชนีกลับสู่ทิศทางบวกได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน พบว่า ราคาหุ้น บมจ. วินเทจ วิศวกรรม หรือ VTE และ บมจ. นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) หรือ NIPPON ซึ่งเป็นหุ้นที่นายเอกยุทธ์ อัญชันบุตร ลงทุนได้ปรับตัวลดลงมามากเช่นกัน จากวันก่อนที่ราคาหุ้น VTEปรับตัวลดลงจนติดฟลอร์ (Floor)มาแล้วโดยวานนี้ (12มิ.ย.) หุ้น VTE อยู่ที่ระดับ 3.20 บาท ลดลง 0.80 บาท หรือ 20% ขณะที่ NIPPON อยู่ที่ 2.48 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
โดย ที่ผ่านมาเกิดกระแสข่าวลือในห้องค้าว่า สาเหตุที่หุ้น VTE กับหุ้น NIPPON ปรับตัวลดลง เกิดจากการบังคับขายแบบฟอร์ซเซลของโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง จากข่าวการหายตัวไปของนายเอกยุทธ์ อัญชันบุตร เนื่องจากนายเอกยุทธ์ใช้บัญชีมาร์จิ้นในการซื้อหุ้นเหล่านี้จำนวนมาก นอกจากนี้ มีข่าวว่านายโสรัจ โรจนเบญจกุล หนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ได้มีการขายหุ้นที่ถืออยู่เกือบหมด จากเดิมที่ถือหุ้น8.53% ส่งผลให้เกิดความกังวลของนักลงทุน แต่ต่อมานายโสรัจ ออกมายืนยันว่า ไม่เป็นความจริง

***ตลท.ระบุหุ้นไทยร่วงตามTIP
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในเดือนพฤษภาคม ตลาดทุนโลกมีความผันผวนในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน จากการที่สหรัฐฯจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ภายหลังรายงานเศรษฐกิจด้านอัตราขยายตัวของ GDP และอัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาที่ปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จีน และยุโรป ยังคงขยายตัวในระดับต่ำ ซึ่งมีส่วนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยได้รับผลกระทบจากสภาพคล่องในตลาดทุนโลกที่มีความไม่แน่นอน
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1-11 มิถุนายน ตลาดหุ้นเอเชียกลุ่ม TIP (Thailand Indonesia Philippin) แก่วงตัวผันผวนมากที่สุด แต่ปรับตัวขึ้นและลงในระดับที่ใกล้เคียงกันโดยตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลงมาต่ำสุดที่ 9.07% รองลงมาคือ ตลาดหุ้นไทย 7.01% และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ 6.65%
สำหรับเดือน พ.ค.2556 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวม SET และ mai อยู่ที่ 58,578 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2556 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 61,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มาร์เกตแคปของ SET ณ สิ้นเดือนพ.ค.2556 อยู่ที่ 13,432,162 ล้านบาท ลดลง 1.59% จากเดือนก่อน สำหรับ mai อยู่ที่ 184,016 ล้านบาท ลดลง 3.09% จากเดือนก่อน
อย่างไรก็ดี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดฯของทั้ง SET และ mai ยังคงเพิ่มขึ้น 13.53% และ 38.34% จากสิ้นปี 2555 ตามลำดับ ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET อยู่ที่ 2.76% และ mai อยู่ที่ 1.49% ส่วน Foreward P/E Ratio ของไทยในเดือน พ.ค. ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าตามทิศทางดัชนีหลักทรัพย์ โดย SET อยู่ที่ 14.30 เท่า ลดลงจาก 14.88 เท่า ส่วน mai อยู่ที่ 18.41 เท่าลดลงจาก 19.83 เท่า
ด้านการระดมทุนบริษัทจดทะเบียนระดมทุนในรูปตราสารทุนมูลค่า 28,105 ล้านบาท โดยเป็นการระดมทุนในตลาดแรก 5,241 ล้านบาท จากการเข้าจดทะเบียนของบริษัทใหม่ 4 บริษัท และ 1 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่มีการระดมทุนในตลาดรอง 22,864 ล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2556 มีมูลค่าการระดมทุนรวมทั้งสิ้น 125,037 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.68% จากช่วงเดียวกันปีก่อนสำหรับตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 71,082 สัญญาต่อวัน

***เล็งเพิ่มกลุ่มต่างชาติ ช่วยลดความผันผวน
สำหรับ ทิศทางการลงทุนในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป นักลงทุนควรจับตาตลาดหุ้นอาจชะลอการซื้อขายลง และมีการแกว่งตัวไซด์เวย์ ซึ่งมีความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น แต่การลงทุนในบางประเภทจะยังคงให้ผลตอบแทนที่ดี เช่น การลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจะมีเม็ดเงินที่หมุนเวียนในโครงการเหล่านี้เยอะมากเป็นพิเศษ ขณะเดียวกัน ในระยะสั้นจะมีเงินทุนไหลเข้า และไหลออกตลาดหุ้นเป็นระยะๆ ขึ้นอยู่กับข่าวปัจจัยบวกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ
“ทั้งนี้ที่ตลาดหุ้นเป็นห่วงคือ นักลงทุนบุคคลรายใหม่ที่ขาดประสบการณ์ในการลงทุน เมื่อเจอสถานการณ์ตลาดหุ้นผันผวนจะกระทบมากที่สุด และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีความพยายามที่จะแสวงหานักลงทุนต่างประเทศกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการโยกเม็ดเงินไหลออกอย่างเช่นที่มีในขณะนี้ โดยจะเน้นกลุ่มประเทศยุโรปที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่ง ตลท.ได้เตรียมที่จะจัดโรดโชว์ในเดือนหน้า”
กำลังโหลดความคิดเห็น