SET ชี้หุ้นกลุ่ม TIP ร่วงแรง จากนักลงทุนต่างชาติโยกเงินทุนกลับประเทศ สะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไปในทิศทางบวก สวนทางจีน ญี่ปุ่น ที่ขยายตัวในระดับต่ำ เผยเตรียมโรดโชว์หานักลงทุนกลุ่มใหม่
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในเดือนพฤษภาคม ตลาดทุนโลกมีความผันผวนในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน จากการที่สหรัฐอเมริกาจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ภายหลังรายงานเศรษฐกิจด้านอัตราขยายตัวของ GDP และอัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาที่ปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จีน และยุโรป ยังคงขยายตัวในระดับต่ำ ซึ่งมีส่วนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยได้รับผลกระทบจากสภาพคล่องในตลาดทุนโลกที่มีความไม่แน่นอน ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1-11 พฤษภาคม ตลาดหุ้นเอเชียกลุ่ม TIP (Thailand Indonesia Philippin) แก่วงตัวผันผวนมากที่สุด ซึ่งจะปรับตัวขึ้นและลงในระดับที่ใกล้เคียงกันโดยตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลงมาต่ำสุดที่ 9.07% รองลงมาคือ ตลาดหุ้นไทย 7.01% และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ 6.65%
สำหรับเดือน พ.ค.2556 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวม SET และ mai อยู่ที่ 58,578 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2556 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 61,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มาร์เกตแคปของ SET ณ สิ้นเดือนพ.ค.2556 อยู่ที่ 13,432,162 ล้านบาท ลดลง 1.59% จากเดือนก่อน สำหรับ mai อยู่ที่ 184,016 ล้านบาท ลดลง 3.09% จากเดือนก่อน
อย่างไรก็ดี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดฯของทั้ง SET และ mai ยังคงเพิ่มขึ้น 13.53% และ 38.34% จากสิ้นปี 2555 ตามลำดับ ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET อยู่ที่ 2.76% และ mai อยู่ที่ 1.49% ส่วน Foreward P/E Ratio ของไทยในเดือน พ.ค. ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าตามทิศทางดัชนีตลาดหลักทรัพย์ โดย SET อยู่ที่ 14.30 เท่า ลดลงจาก 14.88 เท่าในเดือนก่อน ส่วน mai อยู่ที่ 18.41 เท่าลดลงจาก 19.83 เท่าในเดือนก่อน ด้านการระดมทุนบริษัทจดทะเบียนระดมทุนในรูปตราสารทุนมูลค่า 28,105 ล้านบาท โดยเป็นการระดมทุนในตลาดแรก 5,241 ล้านบาท จากการเข้าจดทะเบียนของบริษัทใหม่ 4 บริษัท และ 1 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่มีการระดมทุนในตลาดรอง 22,864 ล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2556 มีมูลค่าการระดมทุนรวมทั้งสิ้น 125,037 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.68% จากช่วงเดียวกันปีก่อนสำหรับตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 71,082 สัญญาต่อวัน
ขณะเดียวกัน ทิศทางการลงทุนในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป นักลงทุนควรจับตาตลาดหุ้นอาจชะลอการซื้อขายลง และมีการแกว่งตัวไซด์เวย์ ซึ่งมีความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น แต่การลงทุนในบางประเภทจะยังคงให้ผลตอบแทนที่ดี เช่น การลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจะมีเม็ดเงินที่หมุนเวียนในโครงการเหล่านี้เยอะมากเป็นพิเศษ ขณะเดียวกัน ในระยะสั้นจะมีเงินทุนไหลเข้า และไหลออกตลาดหุ้นเป็นระยะขึ้นอยู่กับข่าวบวกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ