xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

รถหรูเถื่อนในมือดีเอสไอ สาวถึงบิ๊กการเมืองหรือแค่ปาหี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวด์ ขึ้นมาทันทีกับกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้รถสปอร์ตหรู 4 คันจากทั้งหมด 6 คัน ทั้งลัมโบร์กินี เฟอร์รารี่ เบนท์ลีย์ และบีเอ็มดับเบิลยู ขณะลำเลียงในรถเทรเลอร์ไปส่งที่ จ.ศรีสะเกษ บนถนนมิตรภาพ ช่วงขึ้นเขากลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่จับตาของสังคมอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้ เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่ผ่านมามีขบวนซิกแซ็กการเลี่ยงภาษีที่ดำรงอยู่อย่างชัดเจนอยู่ตลอด

ทั้งนี้ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ภายใต้การนำของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ได้ดึงมาเป็นคดีพิเศษ เป็นที่เรียบร้อย หลังพบที่มาของรถลัมโบร์กินีที่ถูกเพลิงไหม้อยู่ในบัญชีรถจดประกอบเพื่อเลี่ยงภาษี ขณะที่กระทรวงคมนาคมสั่งเด้งย้ายขนส่งจังหวัดศรีสะเกษและหัวหน้าตรวจสภาพรถมาช่วยราชการที่กรมการขนส่งทางบกเพื่อตรวจสอบการจดทะเบียนรถ

สำหรับกรณีล่าสุด กับรถจดประกอบที่ขนไปจดทะเบียนที่ จ.ศรีสะเกษ เอกสารที่ยึดได้จากรถขนส่งพบว่า มีการขนส่งรถยนต์มาเพียง 6 คัน แต่ข้อมูลรถยนต์คันที่ 7 ซึ่งเป็นรถยี่ห้อโรลสรอยซ์ถูกขีดฆ่าทิ้ง เมื่อนำไปผนวกเข้ากับข้อมูลจากการสืบสวน เชื่อได้ว่า ลอตนี้เป็นการขนส่งรถหรูรวม 8 คัน โดย 2 คันที่เหลือ ตำรวจยึดได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ พบหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของที่เชื่อมโยงถึงนักการเมืองระดับชาติ ขณะที่บริษัทผู้นำเข้ามีรายชื่อตรงกับบัญชีรายชื่อผู้ประกอบการเกรย์มาร์เก็ตที่หลบเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์หรู ตรวจสอบพบในปี 2555

เชื่อกันว่า การนำรถไปยื่นขอจดทะเบียนเป็นรถยนต์ชนิดจดประกอบ เนื่องจากกรมศุลกากรต้องเข้มงวดตรวจสอบราคาตามใบอินวอยซ์ ต้องเปรียบเทียบราคาตามใบอินวอยซ์กับราคาจากประเทศผู้ผลิตรถยนต์ ทำให้ไม่สามารถรับราคาต่ำกว่าความเป็นจริงได้ กลุ่มเกรย์มาร์เก็ตจึงย้อมรถหรูและซูเปอร์คาร์ ซึ่งนำเข้าในสภาพรถใหม่ป้ายแดงให้เป็นรถจดประกอบ ด้วยการจำลองการติดตั้งก๊าซ ซึ่งนำถังก๊าซพร้อมท่อมาแสดงตบตาเพื่อถ่ายรูป โดยระบบก๊าซไม่ได้ถูกเชื่อมเข้าสู่ระบบเครื่องยนต์ เป็นเพียงการวางท่อหลอกไว้ที่หัวเครื่องเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ว่ากันว่า เครือข่ายนำเข้ารถหรูมีนายทุนที่ประกอกิจการรถซูเปอร์คาร์จะเป็นผู้ลงทุนสั่งซื้อและนำเข้ารถหรูและรถซูเปอร์คาร์จากต่างประเทศ ขณะนี้พบว่ามีบริษัทในลักษณะดังกล่าว 40 บริษัท แต่มีเจ้าของจริง 10 บริษัท ส่วนที่เหลือเป็นการเปิดชั่วคราว เมื่อมีปัญหาจะปิดและไปเปิดใหม่ หรือที่เรียกว่า เปเปอร์คอมพานี สำหรับจุดใหญ่ที่นำเข้ารถคือท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือคลองเตย โดยกระบวนการปล่อยรถจะต้องใช้ใบสั่งการเมืองไปยังศุลกากรให้รับราคาและตรวจปล่อยรถ

ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ที่จดทะเบียนเสียภาษีนำเข้าถูกต้องตามกฎหมาย มีการรวมตัวยื่นเรื่องร้องเรียนว่า รถยนต์จากผู้นำเข้าอิสระไม่ผ่านการตรวจมาตรฐานอุตสาหกรรม จึงมีการประสานขอความร่วมมือไปยังกรมการขนส่งทางบก ไม่ให้อนุญาตออกทะเบียนให้กับรถที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม(สมอ.)แต่ผู้นำเข้าอิสระจะเลี่ยงด้วยการส่งตรวจรถเป็นรายคันทั้งที่กฎหมายกำหนดให้ส่งตรวจทั้งล็อตที่นำเข้า ล่าสุดกรมศุลกากรทำหนังสือถึงสมอ.ขอให้ยกเว้นไม่ต้องส่งตรวจสินค้าประเภทรถยนต์เพียงรายการเดียว ทั้งที่ระเบียบกำหนดให้สินค้านำเข้ากว่า 200 รายการต้องตรวจสอบมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งการยกเว้นดังกล่าวไม่มีการให้เหตุผลอ้างแค่ขอให้ยกเว้นรายการรถยนต์เพียงรายการเดียวเท่านั้น

เมื่อมีความเข้มงวดในกระบวนการนำเข้าของศุลกากรที่ถูกจับตาอย่างหนัก ทำให้ขบวนการนำเข้ารถหันไปใช้วิธีนำเข้าผ่านกระทรวงพาณิชย์โดยระบุว่าเป็นรถมือสอง โดยผู้ครอบครองเป็นนักศึกษาหรือผู้ใช้รถอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งช่องทางนี้สามารถนำเข้ารถได้ปีละ 200 คัน ซึ่งผู้มีอำนาจอนุมัติคือ รมว.พาณิชย์ สำหรับรถหรูที่ถูกไฟไหม้เชื่อว่า อาจเป็นรถที่นำเข้าในวิธีการดังกล่าวคือผ่านด่านศุลกากรหรือกระทรวงพาณิชย์ โดยผู้ซื้อต้องนำไปจดทะเบียนเองจึงนำไปติดถังก๊าซตบตาเจ้าหน้าที่เพื่อเลี่ยงการส่งตรวจสอบมาตรฐานกับสมอ.และหากเกิดปัญหาจดทะเบียนไม่ได้ก็จะนำรถออกไปทางประเทศเพื่อนบ้านแล้วนำกลับมาจดทะเบียนใหม่โดยอ้างว่าเป็นรถใหม่ ที่ผ่านมาเคยมีกรณีตัวอย่างการนำเข้ารถจากประเทศกัมพูชา และลาว อาทิ รถเรนจ์โรเวอร์ มีราคาขายในประเทศไทยประมาณ 4 ล้านบาท มีการสำแดงราคาตามใบอินวอยซ์ 1 ล้านบาท แล้วนำมายื่นศุลกากรจังหวัดศรีสะเกษ เสียภาษี 200% ก็จะมีราคาเพียง 2 ล้านบาท จากนั้นนำมาออกทะเบียนที่ขนส่งจังหวัด

ทั้งนี้ ยอดนำเข้ารถทุกประเภทที่มีการจดทะเบียนในปัจจุบันมีประมาณปีละ 1 หมื่นคันสาเหตุที่มีความพยายามหลบเลี่ยงโดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์หรู เพราะหากดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง แต่ละคันจะต้องจ่ายภาษีถึง 1 ล้านบาทต่อคัน ซึ่งในแต่ละปีมีรถยนต์หลบเลี่ยงภาษีกว่า 1 หมื่นคัน

ข้อมูลจากปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ผู้นำเข้ารถอิสระหรือเกรย์มาร์เก็ต มีการลักลอบการเสียภาษี ทำให้ประเทศชาติสูญเสียเม็ดเงินที่ควรจะได้ไปแล้วกว่า 5-6 หมื่นล้านบาท ด้วยเพราะรถยนต์นำเข้าประเภทนี้จะต้องยื่นขอตรวจสอบคุณภาพจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายตกคันละ124,162 บาท

ที่สำคัญก็คือเรื่องขบวนการเลี่ยงภาษีรถหรูเถื่อนยังไปโยงใยถึงลูกหลานนักการเมืองตระกูลดัง ซึ่งมีรสนิยมชื่นชอบการประลองความเร็ว ไม่ต่ำกว่า 5 กลุ่ม อาทิ กลุ่มปากน้ำ, กลุ่มลูกสาวเจ๊คนดัง, กลุ่มเพื่อน "อ" ลูกชายนักการเมืองใหญ่ และกลุ่มลูกนักการเมืองตระกูลดังในพื้นที่ภาคกลาง

ดังนั้นอย่าแปลกใจ หากจะเห็นนามสกุลของขาใหญ่ แห่งจังหวัดนครปฐม โผล่มาในกระแสข่าวนี้ด้วย ด้าน นายสุขชาต สะสมทรัพย์ บุตรชายนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า รู้สึกไม่สบายใจกับการดำเนินคดีการลักลอบนำเข้ารถหรู เพราะได้ทำให้ครอบครัวสะสมทรัพย์กลายเป็นจำเลยสังคมไปแล้ว ทั้งที่ซื้อรถมาถูกต้อง มีเล่มทะเบียนถูกต้อง และรถที่เป็นเจ้าของก็เป็นคนละรุ่นกับแลมโบร์กินีคันที่ถูกไฟไหม้

"ไม่รู้ไปตีขลุมว่าเป็นรถผมได้ยังไงอย่างน้อยก็ควรมาถามผมก่อน ทำไมการนำเสนอข่าวมาหยุดที่ผม ทั้งๆ ทะเบียนรถผมจดตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 2553 จากนั้นได้ไปซื้อรถต่อจากเจ้าของเดิมโดยมีทะเบียนดังกล่าวติดมาด้วย" นายสุขชาต กล่าว

หลังจากนี้ต้องจับตาดีเอสไอ ซึ่งกระโดดเข้ามารับลูกตรวจสอบรถยนต์จดประกอบที่เตรียมนำไปจดทะเบียนอีกว่า 1,000 คัน พร้อมกับการขุดคุ้ยเอกสารการเลี่ยงภาษีรถยนต์ย้อนหลัง 2 ปี อีก 5,832 คัน โดยในจำนวนนี้ดีเอสไอยังมีข้อมูลของพื้นที่ที่พบการจดทะเบียน 21 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีการรับจดทะเบียนรถในกลุ่มนี้มากที่สุดคือ จ.นนทบุรี 2,253 คัน ส่วน จ.ศรีสะเกษ พบว่ามีจำนวน 19 คัน

คำถามสำคัญก็คือ ดีเอสไอภายใต้การนำของธาริตจะกล้าหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่าคนที่เคยไปแตะก็หาใช่ใครที่ไหน ก็คือ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ ถูกพิษการตรวจสอบภาษีรถยนต์หรู เด้งพ้นเลขาธิการ ป.ป.ท. ที่ความคืบหน้าในการเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ ยังคงฝากความหวังไว้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่รับสำนวนคดีพร้อมหลักฐานไว้ไต่สวน

ใครที่ติดตามข่าวก็จะทราบดีว่า พ.ต.อ.ดุษฐีไปทำงานจนเหยียบตาปลาใครไว้บ้าง ถึงต้องถูกเด้งมาแบบนี้

ที่น่ากลัวกว่าก็คือ คำให้สัมภาษณ์ของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ต่อเรื่องนี้เสียมากว่า สำหรับข้อสังเกตเรื่องความเกี่ยวโยงกับบุตรชายนักการเมือง และมีการเผยแพร่ข้อความว่าดีเอสไอได้ระบุชัดเจนว่ามีบุตรชายนักการเมืองอยู่เบื้องหลังการนำเข้ารถหรู ธาริต ยืนยันว่า มีเพียงการรับทราบกระแสข่าว แต่ในทางพยานหลักฐานยังไม่พบความเกี่ยวข้องกับนักการเมือง ที่สำคัญดีเอสไอไม่เคยระบุว่ามีนักการเมืองเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ระดับอธิบดีดีเอสไอ ยังกล้าออกตัวว่า ไม่แน่ใจว่ามีบิ๊กการเมือง เข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ เพราะกลุ่มขบวนการรถเถื่อน สร้างความเสียหายให้ระบบเศรษฐกิจ การจัดเก็บภาษียังคงลอยนวล ฉะนั้น เมื่อรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ย่อมถือเป็นการผูกมัดดีเอสไอ ให้ต้องรับผิดชอบ ลุยเอาผิดให้ปรากฏผลอย่างจริงจัง และการดำเนินการนั้นจะต้องไม่เลือกปฏิบัติด้วย ไม่ว่าผู้นั้นเป็นนักการเมือง เศรษฐี ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องต้องถูกลงโทษโดยไม่มีการละเว้น

อย่างนี้แล้วจะไม่ให้สังคมตั้งคำถามได้อย่างไรว่า จะจับได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย สาวไม่ถึงตัวการใหญ่ ซึ่งนับจากนี้สังคมคงรอดูน้ำยาของดีเอสไอด้วยใจระทึก


กำลังโหลดความคิดเห็น