xs
xsm
sm
md
lg

“รถหรูหนีภาษี” เจาะธุรกิจมืดของ คนมีสี และ นักการเมือง!?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มหากระบวนการคอร์รัปชั่น บทหนึ่งในสังคมไทย
“เท่าที่รู้คือธุรกิจชนิดนี้ “คนมีสี” เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งสีเขียว-สีกากี และสิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ กลุ่มคนที่เป็นคนสั่งของพวกนี้เข้ามา ทำให้กระบวนการนี้เกิดขึ้น เขาจะบังหน้าว่าทำในนามบริษัทเอกชน เป็นธุรกิจมืดรายหนึ่ง แต่ฉากหลังที่จริงก็คือ “นักการเมือง” เป็นคนคอยชักใย คอยออกเงินทุนให้นั่นเอง”

นี่คือบางช่วงบางตอนจากปากคำของผู้คร่ำหวอดวงการรถยนต์ คลุกวงใน สังเกตความเคลื่อนไหวธุรกิจรถหรูหนีภาษีมานาน ยินยอมบอกเล่าทุกมุมลับ-เรื่องร้อน เผยกระบวนการคอร์รัปชันขนาดใหญ่โดยฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐของไทย ที่คุณจะหาอ่านที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว นอกจากที่นี่!!




นักการเมือง = หัวหน้าแก๊งโกงภาษี?
ลัมบอร์กินี เฟอร์รารี เบนท์ลีย์ และบีเอ็มดับเบิลยู... เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นกับรถหรูทั้ง 6 คัน ระหว่างลำเลียงจากกรุงเทพฯ ส่งไปยัง จ.ศรีสะเกษ ไม่ได้เผยให้เห็นแค่จำนวน 100 ล้านบาทที่สูญไป แต่ยังเผยให้เห็นผลประโยชน์ขนาดใหญ่เบื้องหลังกองเพลิง รายได้ขนาดมหาศาลที่เล็ดลอดออกไปจากวิถีภาษีปกติแล้วเลี้ยวไปเข้ากระเป๋า “เจ้าหน้าที่รัฐ” บ่อเกิดแห่งธุรกิจคอร์รัปชันขนาดใหญ่ เกี่ยวพันกับคนใหญ่คนโตมากมายเกินกว่าที่ใครเคยคาดคิด!!

สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ลงพื้นที่สืบค้นทันที เมื่อความจริงปรากฏออกมาว่า รถหรูหลากยี่ห้อเหล่านั้นคือ “รถจดประกอบ” หรือรถที่นำเข้ามาโดยวิธีผิดกฎหมาย แยกชิ้นส่วนเข้าประเทศ แล้วนำมาประกอบเป็นคันอีกที จากนั้นดำเนินการให้วิ่งบนท้องถนนได้อย่างถูกกฎหมาย ด้วยฝีมือของแก๊งโกงภาษี

“เบื้องต้นพบว่ารถลัมบอร์กินี รุ่นกัลลาร์โด สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ถ-3278 กรุงเทพมหานคร มีการนำแผ่นอะลูมิเนียมตอกหมายเลขตัวรถใหม่ปิดทับของเดิม โดยหมายเลขตัวรถใหม่คือ ZHWGE 12 T 98 LA 06056 ส่วนหมายเลขตัวรถเดิมคือ ZHWBE 37 S 07 LA 02560 และอีก 2 คัน มีการตอกเลขตัวถังรถทับของเดิม แต่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าของเดิมเป็นเลขอะไร

จากการตรวจสอบย้อนหลัง 2 ปีพบว่า มีรถหรูราคาแพงจดทะเบียน 17 คัน จึงขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาตรวจสอบเส้นทางการไหลเวียนกระแสการเงินของผู้ที่หลีกเลี่ยงภาษีว่าเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจากธุรกิจนำเข้ารถหรูด้วย”

ทั้งหมดนี้คือความคืบหน้าจากฝั่งดีเอสไอที่ให้ไว้แก่สื่อมวลชน ยังมีข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังอีกมุมหนึ่งจากคนวงในที่ไม่ประสงค์ออกนาม ซึ่งจะทำให้เห็นภาพได้ชัดมากขึ้นว่า แท้จริงแล้ว ใครคือ แก๊งโกงภาษี ที่ทางตำรวจกำลังพูดถึง

“เท่าที่รู้คือมีทั้งสีเขียวและสีกากี และที่เห็นเป็นรายบุคคลจะจะเลยคือ คนมีสียศด้อยระดับผู้น้อย แต่ขอโทษเถอะ มีบ้านหลังละ 4 ล้าน 5 แสน!! มีรถขับ 3-4 คัน มีบีเอ็มฯ รถมอเตอร์ไซค์ รถสปอร์ต คันละไม่รู้กี่ล้านบาทขับ เพราะเขาทำธุรกิจนี้ และมีคนมีสีทำแบบนี้อยู่เยอะเหมือนกันนะ เป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูมากในประเทศไทย เป็นธุรกิจสำหรับคนมีสีและนักการเมือง

กระบวนการนี้มีผู้เกี่ยวข้องอยู่หลายระดับ ตั้งแต่ 1.คนที่รับสั่งของเข้ามา 2.เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร 3.เจ้าหน้าที่กรมการขนส่ง และ 4.เจ้าหน้าที่ผู้มีสีซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านี้

“สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้คือ ในส่วนของผู้รับสั่งของเข้ามา เป็นบ่อเกิดให้กระบวนการมืดๆ นี้เริ่มต้นขึ้น คือ “กลุ่มคนมีสี” และ “นักการเมือง” นั่นเอง เขาจะบังหน้าว่าตัวเองเป็นบริษัทเอกชน เป็นธุรกิจมืดรายหนึ่ง แต่ฉากหลังเป็นสีกากี สีเขียว หรือ นักการเมือง คอยชักใยอยู่เบื้องหลังและออกเงินทุนให้ทำ!!”




เจาะลึก! ใต้โต๊ะ “ศุลกากร”
“ท่าเรือคลองเตย” คือแหล่งลงของที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย “ไม่ว่ายังไงก็ต้องผ่านท่าเรือคลองเตยเป็นหลัก เพราะฉะนั้น ไม่มีวันที่จะรอดพ้นสายตากรมศุลกากรที่นั่นไปได้ ส่วนท่าเรือที่น่าจะเป็นทางหนีทีไล่ได้เพิ่มเติมก็คือ ท่าเรือแหลมฉบัง กับ ท่าเรืออู่ตะเภา”

หากรถจดประกอบเหล่านี้ไปลงที่ท่าเรือแหลมฉบัง ก็ต้องผ่านตากรมศุลกากรที่นั่น แต่ถ้าไปลงที่ท่าเรืออู่ตะเภา อาจเป็นไปได้ยากยิ่งกว่ายาก เพราะท่าเรือนั้นเป็นของทหารเรือโดยเฉพาะ นอกเสียจากว่าทหารจะเป็นคนสั่งของเอง

“แต่บอกเลยว่า กรมศุลกากร และกรมการขนส่ง 2 หน่วยงานราชการนี้มีเอี่ยวแน่นอน อยู่ที่ว่าจะเอี่ยวมาก-เอี่ยวน้อย และมีหลักฐานแค่ไหน เท่านั้นเอง”

ส่วนแหล่งซื้อรถหรูนำเข้าเหล่านี้ มาจาก 3 แหล่งใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ ตะวันออกกลาง, ฮ่องกง และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ที่สุด ซื้อมาทั้งคัน จากนั้นนำมาแยกชิ้นส่วน ถอดล้อออก, ถอดช่วงล่าง, ถอดเครื่องใน ทั้งคอนโซล ตัวเบาะ ทุกองค์ประกอบ จากนั้นแยกใส่ตู้คอนเทนเนอร์ ทำมาร์กชิ้นส่วนเอาไว้ชัดเจนว่าชิ้นไหนแมตช์กับคันไหน เมื่อตู้เดินทางมาถึงประเทศไทย ก็จะเอาชิ้นส่วนเหล่านี้มาประกอบกันใหม่เป็นคันหรูดังเดิม

“จะมีการจ่ายใต้โต๊ะศุลกากรอยู่ 2 ครั้งใหญ่ๆ คือ ครั้งแรก จะเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนเอาเข้ามาจากประเทศต้นทาง เรียกว่า “ใต้โต๊ะต้นทาง” (ตะวันออกกลาง, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น) เรียบร้อย สามารถเอาชิ้นส่วนเข้าตู้ เดินทางมาได้ ก็นำมาขึ้นเรือ พอถึงท่าปุ๊บ จะเป็นการจ่าย “ใต้โต๊ะปลายทาง” ที่ประเทศไทยเรานี่แหละ โดยจ่ายราคากันเป็นตู้ๆ ไป ไม่แน่ใจตัวเลขว่าอยู่หลักเท่าไหร่ ราคาจะขึ้นอยู่กับว่าข้างในเอาอะไรมาบ้าง ถ้าตู้นั้นเป็นแค่เครื่องยนต์ ราคาก็จะถูกหน่อย แต่ถ้าตู้นั้นมีตัวบอดี้รถอยู่ด้วยก็จะแพงกว่า” 
 

เมื่อผ่านกระบวนการใต้โต๊ะศุลกากรแล้ว ชิ้นส่วนต่างๆ พวกนี้ก็จะถูกลำเลียงไปที่อู่รถที่สั่งเข้ามา หรือพวกเซียงกงต่างๆ ซึ่งมีอยู่ทั่วไปตามชานเมือง ยกตัวอย่างแหล่งใหญ่ๆ อย่างเช่น เซียงกงบางนา รังสิต และแถวมีนบุรี ร้านพวกนี้จะมีอู่ประกอบของตัวเองอยู่แล้ว เป็นที่รู้กัน

“พวกที่ขายของในเว็บไซต์ ขายอะไหล่รถยนต์ ก็จะสั่งอะไหล่จากทางเซียงกงพวกนี้แหละ รับของจากที่เดียวกัน เพียงแต่การค้าแบบนี้ จะขายกันแบบแยกเป็นอะไหล่ส่วนต่างๆ ไม่ต้องมาประกอบเป็นคัน ส่วนที่ต้องการรถเป็นคันๆ ก็จะแยกทำ จะถูกจับแยกไปเข้าอู่แล้วมาประกอบมาเป็นคันอีกที ทีนี้ล่ะ จะมาสู่ขั้นตอนทำให้ถูกกฎหมาย




“กรมการขนส่ง” ร่วมด้วยช่วยฮั้ว
วิธีส่วนใหญ่ที่ทำกัน เพื่อให้รถหนีภาษีถูกกฎหมายคือ “การสวมทะเบียน” เช่น ยี่ห้อรถที่เขียนลงไปในทะเบียน อาจจะเป็นยี่ห้อเดียวกัน แต่เลขเครื่อง เลขตัวถัง เลขแชสซีส์ (Chassis/VIN Number) จะระบุเอาไว้แบบผิดฝาผิดตัว

ยกตัวอย่าง ยี่ห้อโตโยต้า อาจจะใช้วิธีจดทะเบียนให้เหมือนรถโตโยต้ารุ่นทั่วๆ ไป เช่น โตโยต้า วีออส (Toyota Vios) ทั้งที่ความจริง รุ่นรถคือ โตโยต้า ซูปร้า (Toyota Supra) ซึ่งถ้ามานั่งตรวจกันจริงๆ แบบละเอียดก็จะเห็นเลยว่า มันคือการสวมทะเบียนปลอม ส่วนตัวบุคคลที่อยู่ในกระบวนการนี้มีหลายภาคส่วนมาก หลายขั้นตอน แบ่งแยกออกเป็นหลายชุด เป็นกระบวนการใหญ่ที่เรียกว่า “ฮั้วกัน” เอาไว้แล้ว

ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนให้ถูกกฎหมาย จะสามารถจัดการได้ 2 แห่งคือ กรมการขนส่งส่วนกลาง กับกรมการขนส่งประจำจังหวัด ซึ่งคนที่จะเข้าไปติดต่อฮั้วกันก็คือคนมีสี ให้คนวงในจดทะเบียนให้ถูกกฎหมายตามที่ตกลงไว้ ก็เป็นอันเสร็จพิธี

เรื่องการสวมทะเบียนก็มีหลายแบบ ประเภทแรก สวมแบบลวกๆ คือ เลขทะเบียนกับตัวรถ คนละอย่างกัน แบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายถูก แต่อัตราเสี่ยงสูง เพราะจะสังเกตได้ง่าย ถูกจับง่าย อีกประเภท สวมแบบเนียนๆ คือ ตอกเลขตัวถังใหม่ ตอกเลขเครื่องใหม่ ให้ตรงกับในสมุดจดทะเบียน ซึ่งจะทำอย่างนี้ได้ ต้องอาศัยคนวงในเท่านั้น

“พูดกันตรงๆ คือ กรมขนส่งก็หลับตาข้างหนึ่งทำเรื่องพวกนี้กันเป็นกิจวัตร ทั้งกรมการขนส่งใหญ่ในกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ตรงจตุจักร และกรมการขนส่งตามจังหวัดต่างๆ ด้วย ส่วนกรณีล่าสุดที่รถไฟไหม้แล้วขนส่งศรีสะเกษบอกว่า ไม่รู้เรื่องๆ นั่น บอกได้เลยว่าเขารู้แน่นอนและรับตังค์ไปแล้วด้วย เพราะจะบอกว่าไม่รู้ได้ยังไง ถ้าไม่รู้แล้วจู่ๆ รถพวกนั้นจะมาจดทะเบียนที่ศรีสะเกษได้ยังไงล่ะ จริงมั้ย?”




บริการหลังการขาย รายได้ธุรกิจมืด
“บรรดานักการเมืองก็เล่นวิธีนี้กันทั้งนั้นแหละ เพราะอะไร? ก็เพราะราคามันถูกกว่ากันไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับการนำเข้ามาเองแบบถูกกฎหมาย
ยกตัวอย่าง ปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche' Cayenne) ปกติแล้ว รถจดทะเบียนนำเข้า ราคาจะอยู่ที่ 5-8 ล้าน โดยประมาณ แต่รถจดประกอบเข้ามา ราคาจะเหลือแค่ 2-3 ล้าน หายไปเกินครึ่ง ตัวราคาที่คนซื้อต้องจ่ายนี่ รวมค่าใช้จ่ายใต้โต๊ะทุกอย่างไว้หมดแล้วนะ”

แต่ในเมื่อจ่ายถูกและได้มาด้วยวิธีผิดกฎหมาย ผู้ซื้อรถจดประกอบเหล่านี้ก็ต้องแลกกับการเสียใต้โต๊ะให้แก่ธุรกิจมืดรายเดิมไม่มีวันจบสิ้น อย่างน้อยก็เกิดขึ้นในทุกๆ ปีที่ พ.ร.บ.หมดอายุ จะมีคนอีกจำพวกหนึ่งที่คอยรับผิดชอบและบริการ เรียกว่าเป็น “After Service” บริการหลังการขาย-การจ่ายใต้โต๊ะ ซึ่งเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวกับกลุ่มคนมีสีและกลุ่มคนในกรมการขนส่งนี่แหละ ทำกันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ คือ รับสั่งรถมา จัดการประกอบ เสร็จส่งมาขาย ขายเสร็จก็จัดการต่อทะเบียนแต่ละปีให้ด้วย

“พออีกสักประมาณ 1-2 เดือน จะครบกำหนดป้ายวงกลมหมดอายุ จะมีคนของทางธุรกิจมืดตรงนี้ที่เราซื้อรถจากเขา โทร.มาติดต่อ “อีกเดือนนึง รถพี่จะหมดอายุต่อทะเบียนนะครับ จะครบเวลาที่จะต้องไปจ่ายเงินภาษี เดี๋ยวผมจัดการให้” เขาก็จะมาเอาเล่มทะเบียนของเราไปและดำเนินการเสร็จสรรพ เรียกว่าคนที่ซื้อไปไม่ต้องทำอะไรเลย มีหน้าที่ขับโชว์หญิงอย่างเดียว”

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการต่อทะเบียน รถจดประกอบเหล่านี้ก็ย่อมสูงกว่ารถปกติทั่วๆ ไปอยู่แล้ว ประมาณ 3-4 เท่า ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องยนต์ ขนาดของรถและรุ่น คือรถตามปกติอาจเสียค่าต่อทะเบียนอยู่ที่ 1,000 - 2,000 บาท แต่รถพิเศษพวกนี้ จะอัปราคาขึ้นไปอยู่ที่ 5,000 บาทขึ้นไป

อีกประเภทหนึ่ง ที่ถือเป็นรถพิเศษในการต่อทะเบียน ซึ่งต้องพึ่งเจ้าหน้าที่รัฐต่ออายุในธุรกิจมืดแบบนี้เหมือนกัน ก็คือ “รถขโมย” ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ขโมยส่งขายต่างประเทศ กับขโมยแล้วมาย้อมขายในประเทศ ในส่วนที่ขายในประเทศ เขาจะไปขโมยมาและเอาไปเปลี่ยนสี เปลี่ยนเลขตัวถัง เปลี่ยนเลขเครื่อง แล้วก็เอากลับมาขายใหม่

“โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ คันหนึ่งราคาเต็มๆ อยู่ที่ประมาณ 1 ล้าน 4 แสน แต่รถหนีภาษีที่เอามาขาย ที่เคยเจออยู่ที่ประมาณ 3 แสน 5 หมื่น คิดดูสิว่าถูกลงไปเท่าไหร่ ราคานี้พร้อมทะเบียน จดเลขเครื่อง เลขตัวถังครบ ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างเลยนะ คิดดูมันทำกันเป็นระบบขนาดนี้ แล้วนับประสาอะไรกับรถจดประกอบ โถ... กระจอก!




เรื่องแดงเพราะเกมการเมือง
“งานนี้ต้องยกให้รถบีเอ็มดับเบิลยู คันที่ไฟไหม้เป็นคันแรกเป็นพระเอก” ทางดีเอสไอบอกไว้อย่างนั้น จากหลักฐาน ณ ที่เกิดเหตุระบุว่ากล่องควบคุมระบบไฟของรถที่ติดตั้งอยู่ในห้องเครื่องไหม้ คาดการณ์ว่าอาจเกิดจากประกายไฟบางอย่างเป็นเหตุ เช่น เชื้อไฟจากขี้บุหรี่ปลิวไปติด หรือเป็นเพราะความผิดปกติบางอย่างจากการติดแก๊ส แต่อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลัง เพราะฉะนั้น สาเหตุที่เรื่องลับๆ ระดับชาติแบบนี้แดงจนเป็นไฟลุกโชนขึ้นมาได้ขนาดนี้ ต้องไม่ใช่แค่เหตุบังเอิญธรรมดาๆ อย่างแน่นอน

“ที่บอกว่า โดนขี้บุหรี่ปลิวมาทำให้เกิดประกายไฟ เป็นเหตุให้รถเพลิงไหม้ บอกได้เลยว่าไม่มีทาง รถระดับราคาขนาดนี้ ขี้บุหรี่กระเด็นมาแล้วไหม้ จะซื้อมาทำไม แล้วรถยนต์ติดแก๊ส ติดไว้ที่ไหน ก็ต้องติดไว้ในตัวรถ เป็นไปได้ยังไงที่ขี้บุหรี่จะกระเด็นเข้าไปในตัวรถ ถ้าไม่เปิดกระจกทิ้งไว้ และรถราคาขนาดนี้ ไม่มีใครเปิดกระจกทิ้งไว้แน่นอน

แล้วเป็นไปได้มั้ยที่สาเหตุจะมาจากการติดแก๊สที่ตัวรถ ลองคิดดูนะ แก๊สจะไหม้ได้ จะต้องมีประกายไฟในระดับที่เพียงพอ โดยเฉพาะในขณะที่รถแล่นอยู่ด้วย เป็นไปได้ยากมาก ขนาดไฟแช็กที่มีไฟมากกว่าประกายไฟ โดนลม ยังพัดดับเลย ส่วนตัวแก๊สเอง โดนลมพัดก็ระเหยเหมือนกัน”

ดูเหมือนว่าการคอร์รัปชันในสังคมไทยจะกลายเป็นรากหยั่งลึก ถอนโคนออกยากเสียแล้ว “ง่ายๆ แค่ทำบัตรประชาชนหรือทำใบขับขี่ ยังมีจ่ายใต้โต๊ะกันเลย ลองไปที่กรมการขนส่งดูสิ มีคนเดินมาถามเลย “พี่ทำใบขับขี่หรือเปล่า จ่ายผม 1,200” ไม่ต้องต่อคิว เข้าไปสอบก็ไม่ต้องสอบจริงจัง แค่พอเป็นพิธี เสร็จก็ยืนรอเซ็นชื่อ หายใจไม่กี่เฮือกก็ได้แล้ว แต่ถ้าไปจ่ายข้างใน ราคา 500-600 บาท และต้องไปรอทั้งวัน”

งานนี้ แว่วๆ มาว่าเจ้าของรถหนึ่งใน 6 คันนั้น คือนักการเมืองตัวใหญ่ระดับประเทศ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้อาจจะมีเบื้องหลังที่รอวันเผาไหม้อย่างรุนแรงมากกว่าแค่เรื่องประกายไฟ ในเมื่อคนมีสีและนักการเมืองมาเกี่ยวข้อง “เกมการเมือง” จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และโปรดติดตามตอนต่อไปว่ากรณีนี้จะปิดคดีอย่างไร หากปิดตัวลงแบบเงียบๆ แล้วจับมือใครดมไม่ได้ ก็แสดงว่าตัวใหญ่ตัวบงการ ได้จัดการทำลายหลักฐานเรียบร้อยแล้ว...








---ล้อมกรอบ---
คุ้มแล้วหรือ? เลือก “หรูหนีภาษี”
การซื้อรถจดประกอบมีข้อดีเรื่องของราคาก็จริง แต่เรื่องการรับประกันกลับไม่มีเลย ประกันตัวรถก็ไม่มี ประกันเครื่อง ประกันสมรรถภาพในการขับขี่ก็ไม่ได้ หากรถเกิดปัญหาจะเอาไปเข้าศูนย์ที่ไหน? สุดท้ายก็ต้องจ่ายเองหมด ซ่อมเองทุกอย่าง

ปัญหาของรถจดประกอบพวกนี้อีกข้อหนึ่งคือเรื่องสมรรถนะ เพราะรถพวกนี้จดประกอบเข้ามาจากประเทศแถบยุโรป ซึ่งเขาใช้สเปกยุโรป ไม่ได้ใช้สเปกเอเชีย ทำให้พอเอามาใช้งานในประเทศไทย รถยุโรปบางตัวเครื่องพังไปเลยก็มี อย่างเรื่องน้ำมัน เติมแล้วมีปัญหา แต่ถ้าเป็นสเปกที่ระบุไปกับทางบริษัทเลยว่า ทำมารองรับระบบของประเทศไทย จะมีการเซ็ตอัพเครื่องยนต์ให้รับกับน้ำมันในบ้านเราได้

ระยะสั้นอาจจะไม่รู้สึก แต่ระยะยาวมีปัญหาแน่ เพราะน้ำมันในบ้านเราไม่ได้สะอาดเหมือนต่างประเทศเขานะ มีสิ่งเจือปนเยอะ หรือแม้แต่การรับเอาสเปกจากญี่ปุ่นมาเอง ถึงจะเป็นโซนเอเชียเหมือนกัน แต่มาเจอน้ำมันบ้านเรา บางทีก็เติมกันไม่ได้ ปัจจุบัน ปั๊มที่มีเบนซิน 95 ให้เติม มีอยู่กี่ปั๊ม? แทบจะไม่เหลือแล้ว ปัญหาคือรถแพงๆ ซึ่งมีสมรรถนะสูงๆ มันเติมแก๊สโซฮอล 95 ไม่ได้ เติมแล้วเครื่องพัง
คนที่จะซื้อรถพวกนี้ แน่นอนว่าเขาต้องมีตังค์เหลือ พอมีตังค์เหลือแล้ว คุณก็ต้องคิดด้วยว่าจะจัดการกับมันยังไงให้คุ้ม

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE



ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดีเอสไอบุกค้น 4 จุดต้องสงสัยโยงรถหรูสำแดงเท็จ พร้อมอายัดรถหรู 5 คันไว้ตรวจสอบ
ลูกชาย “เผดิมชัย” หอบเอกสารแจงทะเบียนรถหรู
กมธ.ป.ป.ช.สภาฯ นัด ตร.แจงไฟไหม้รถหรู 20 มิ.ย. ชี้เข้าเค้าอดีตเลขาฯ ป.ป.ท.แฉ
ไหม้รถหรูยกเซ็ต


ตัวอย่างความหรู ลัมบอร์กินี
เฟอร์รารี
เบนท์ลีย์
บีเอ็มดับเบิลยู
กำลังโหลดความคิดเห็น