xs
xsm
sm
md
lg

สอบทายาท"สะสมทรัพย์ DSIสงสัยมีเอี่ยวรถหรูไฟไหม้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ดีเอสไอเรียกทายาท "สะสมทรัพย์" แจง หลังทะเบียนรถหรูโผล่ในรถที่ถูกไฟไหม้ พร้อมจัดทีมบุกค้นเป้าหมาย 4 แห่ง ที่ต้องสงสัยเป็นแหล่งประกอบ "ธาริต"นัดหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางเกณฑ์ตรวจสอบรถหรูเลี่ยงภาษี หลังพบทำรัฐเสียหายกว่า 2 หมื่นล้าน "สุขชาติ"ยันบริสุทธิ์ ไม่รู้ทะเบียนเดิมไปโผล่ได้ยังไง สมอ. ห้ามจดทะเบียนรถจดประกอบ คาดมีผลบังคับเร็วๆ นี้

วานนี้ (5 มิ.ย.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ร่วมกับ พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ นายมเหศักดิ์ พันสง่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักคดีภาษีอากร ดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวแนวทางการสอบสวนคดีรถยนต์หรูไฟไหม้ 6 คัน ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื่องจากพบว่าพัวพันขบวนการสวมรอยรถจดประกอบนำเข้ารถยนต์หรู เพื่อหลักเลี่ยงภาษี และดีเอสไอได้รับโอนมาเป็นคดีพิเศษ

นายธาริตกล่าวว่า ดีเอสไอได้ออกหนังสือเรียก พ.ต.สุชาติ สะสมทรัพย์ ลูกชายนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน มาสอบสวนในฐานะพยานหลังปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีป้ายทะเบียนที่เคยใช้ตกอยู่ในที่เกิดเหตุเพลิงไหม้รถยนต์หรู 6 คัน โดยการเรียกเข้าพบครั้งนี้ ยังไม่ได้เป็นชี้ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด

ทั้งนี้ ในเวลา 05.00 น. เช้ามืดของวันนี้ (6มิ.ย.) ดีเอสไอจะเข้าค้นเป้าหมาย 4 แห่งในเขตกรุงเทพฯ หลังศาลอาญาอนุมัติหมายค้น เนื่องจากสอบสวนพบว่า เกี่ยวข้องกับการแจ้งนำเข้ารถลัมโบร์กินีคันเกิดเหตุไฟไหม้ โดยแจ้งกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่าเป็นการนำเข้าเป็นชิ้นส่วน เพื่อพิสูจน์ว่าบริษัทดังกล่าวจะมีระบบที่ประกอบรถยนต์หรูราคาแพงได้จริงหรือไม่ หลังจากเบื้องต้นเชื่อว่าจะไม่สามารถประกอบรถยนต์หรูได้ เพราะสถานที่ที่แจ้งไว้ในเอกสารว่าเป็นที่ประกอบรถยนต์หรู เป็นโรงงานอุตสาหกรรมมีเทคโนโลยีไฮเทค แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นโกดังหรืออู่ซ่อมรถยนต์

นายธาริตกล่าวว่า แนวทางการตรวจสอบรถยนต์หรูที่จดทะเบียนเป็นรถจดประกอบแล้ว 5,834 คัน และรถยนต์หรูที่ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยอยู่ระหว่างรอจดทะเบียนกับสำนักขนส่งพื้นที่ อีกกว่า 3,000 คัน ในเวลา 09.00 น. วันที่ 6 มิ.ย. จะมีการประชุมร่วม 5 หน่วยงาน ของผู้บริหารระดับอธิบดี รองอธิบดี เพื่อวางแนวทางในการตรวจสอบการจดทะเบียนรถจดประกอบในคดีพิเศษที่ 111/2556 ประกอบด้วย ดีเอสไอ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิตร และกรมขนส่งทางบก

"ได้โทรศัพท์ถึงอธิบดีของ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ทุกคนเห็นด้วยกับแนวทางการตรวจสอบรถจดประกอบ หลังจากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นของดีเอสไอเชื่อว่า ในจำนวนรถยนต์จดประกอบกว่า 8,000 คัน จะมีถึง 85% ที่น่าจะมีการนำเข้ารถยนต์มาทั้งคัน แต่สำแดงเท็จว่าเป็นการนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบเป็นรถจดประกอบ เพื่อเสียภาษีสรรพสามิต เพียง 30-50% ต่างกับการแจ้งนำเข้ารถยนต์หรูทั้งคันที่ต้องเสียภาษีศุลกากรถึง 200-314% ขึ้นอยู่กับขนาดแรงม้า มูลค่าความเสียหายภาษีที่รัฐต้องสูญเสียไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท"นายธาริตกล่าว

ทั้งนี้ ดีเอสไอได้วางแนวทางตรวจสอบรถยนต์หรูที่นำเข้ามาจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบกว่า 8,534 คัน ออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์หรูทั้งคัน แต่มาสำแดงเท็จว่านำเข้าชิ้นไปส่วนไปจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบ พวกนี้ผิดแน่นอน ดีเอสไอจะบุกจู่โจมตรวจค้นตามเป้าหมาย เพื่อยึดรถยนต์หรูของกลาง พร้อมทั้งจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ที่มีอัตราโทษจำคุก 10 ปี และต้องเสียค่าปรับภาษี 4 เท่า ของราคารถยนต์บวกอากรภาษีที่หลีกเลี่ยง

2.กลุ่มที่จะเปิดโอกาสให้เข้าชี้แจง ทั้งผู้ประกอบการที่ซื้อรถยนต์หรูต่อมาจากกลุ่มแรกและกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องรู้อยู่แล้วว่าซื้อรถจดประกอบ โดยการพิสูจน์เจตนาของ พ.ร.บ.ศุลกากร ว่าถ้าทำแล้วเสียภาษีน้อยลงจะเป็นเครื่องชี้เจตนา หากรู้ว่าซื้อรถยนต์หรูถูกกว่าตัวแทน จะเป็นเจตนาที่ถือว่ารู้แล้วรถคันนี้มีที่มาไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษ ที่มายกเว้นหลักทั่วไปของกฎหมายอาญา ทั้งนี้ หากกลุ่มนี้ยินยอมส่งรถหรูให้ตกเป็นของแผ่นดินคดีก็ระงับ

กลุ่มที่ 3.พวกผู้ซื้อรถหรูจดประกอบที่ยังไม่ยอมเข้าให้การ ดีเอสไอจะทยอยเรียกเข้าชี้แจงทั้งหมดให้ครบ 8,534 คัน

ส่วนที่มีข่าวว่าดีเอสไอ เข้าสอบสวนการลักลอบนำเข้ารถยนต์หรูจากประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน และสอบสวนกรณีผู้นำเข้าอิสระหรือเกร์มาเก็ต สำแดงต้นทุนราคารถหรูต่ำกว่าความจริง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ตนเห็นว่ากรณีการนำรถหรูตามแนวชายแดนมาสวมทะเบียนเป็นไปได้ยาก และกรณีการสำแดงต้นทุนราคารถต่ำกว่าความจริงก็ทำได้ยาก เพราะประเทศต้นทางของรถยนต์หรูเป็นประเทศที่เจริญแล้วคงไม่มีการร่วมทุจริตด้วย กรณีดังกล่าวเห็นว่าเป็นการใส่ไฟทำลายกลุ่มเกร์มาเก็ตให้หมดไปจากฝีมือของดีลเลอร์บางกลุ่ม ซึ่งดีเอสไอจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือ พร้อมสนับสนุนให้การการแข่งขันอย่างเสรี และยืนยันว่าดีเอสไอไม่เคยเข้าไปสอบสวนตามที่มีข่าวออกมาแต่อย่างใด

ด้านพ.ต.สุขชาต หรือผู้พันบอส กล่าวถึงกรณีรถหนึ่งในตันที่ไฟไหม้ทะเบียนตรงกับรถลัมโบร์กินีของตัวเองว่า อยากให้สื่อช่วยเสนอข่าว รถที่ตนใช้อยู่นั้นเป็นรถที่ซื้อต่อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นได้ขอเปลี่ยนป้ายทะเบียนจาก ฌล-6217 มาเป็นทะเบียนเก่าของตนเองที่ได้ประมูลมา และรถตนก็เป็นคนละรุ่น แต่บังเอิญเป็นลัมโบร์กินีเหมือนกัน

"ผมซื้อรถคันนี้ถูกต้องตามกฎหมาย มีการชำระภาษี มีป้ายทะเบียน และรถก็ใช้มาตั้งแต่ปี 2549 เป็นรถซื้อต่อมือสอง การจัดซื้อทุกอย่างถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้ และรถคันนี้ก็ผ่านการใช้มาแล้ว 3 คน โดยผมเป็นคนที่ 4 แต่ของผมไม่ใช่ทะเบียน 6217 ได้เปลี่ยนเป็นทะเบียนเก่าที่ผมเคยใช้เรียบร้อย ส่วนป้ายทะเบียนเดิมได้นำส่งกรมขนส่งทางบกไป และไม่รู้ว่าทะเบียนไปโผล่รถคันที่ไฟไหม้ได้อย่างไร แต่พร้อมชี้แจงทุกกรณี และอยากร้องเรียนสื่อให้ความเป็นธรรมกับผมด้วย" ผู้พันบอสกล่าว

นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ประสานไปยังกรมการขนส่งทางบก ให้ระบุในแนบท้ายร่างประกาศของกรมการขนส่งทางบกที่จะไม่รับจดทะเบียนรถจดประกอบอีกต่อไป โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนคณะกรรมการกฤษฎีกา และคาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวมีแนบท้ายให้นำรถมาจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกภายในเวลา 30 วัน หรือหากยังไม่ได้ตรวจมาตรฐานกับ สมอ. จะให้เวลาอีก 30 วัน ในการขึ้นทะเบียนรอการตรวจ 4 รายการด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม เพื่อตรวจสอบให้เสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งปัจจุบันมีรถจดประกอบในไทยกว่า 3,000 คัน ส่วนใหญ่เป็นการจดประกอบทางเอกสารเท่านั้น ไม่ใช่การประกอบจริงในไทยทั้งหมด ขณะที่โรงงานประกอบรถหรูในไทย ตามข้อมูลที่ขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพสามิต 89 ราย แต่ขณะนี้ยังดำเนินการเพียง 10 รายเท่านั้น ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่ามีใบอนุญาตตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องจะมีโทษปรับ 200,000 บาท จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายณัฐพล กล่าวว่า ขณะนี้ สมอ.ประสานไปยังดีเอสไอ ถึงการดำเนินคดีกับรถจดประกอบที่ทำผิดกรณีหลบเลี่ยงภาษีศุลกากรนำเข้า และยังมีความผิดฐานหลีกเลี่ยงไม่นำรถยนต์เข้าตรวจสอบมาตรฐานตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ.สมอ.อีกด้วย และหากตำรวจจับรถยนต์จดประกอบที่ผ่านการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกไปแล้ว แต่พบว่าไม่ได้นำรถเข้าตรวจมาตรฐานอุตสาหกรรมกับ สมอ. ก็ขอให้ดำเนินคดีเอาผิดกับโรงงานประกอบรถยนต์และผู้นำเข้าด้วย เพราะไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ซื้อรถได้
กำลังโหลดความคิดเห็น