xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอเรียกลูก “เผดิมชัย” สอบพัวพันคดีรถหรู

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ดีเอสไอแถลงความคืบหน้าเตรียมเรียก “พ.ต.สุชาติ” ลูกชาย “เผดิมชัย สะสมทรัพย์” รมว.แรงงาน มาสอบสวนหลังพบพัวพันคดีรถหรู พร้อมเตรียมปูพรมตรวจสอบเส้นทางนำเข้ารถหรูในประเทศกว่า 8 พันคัน ว่าถูกต้องหรือไม่ หากพบรายใดสำแดงเท็จจ่อฟันอาญา ชี้ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีกว่า 2 หมื่นล้าน!!!

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (5 มิ.ย.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ นายมเหศักดิ์ พันสง่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักคดีภาษีอากร ดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวแนวทางการสอบสวนคดีรถยนต์หรูไฟไหม้ 6 คัน ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลังพัวพันขบวนการสวมรอยรถจดประกอบนำเข้ารถยนต์หรู เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี หลังดีเอสไอโอนมาเป็นคดีพิเศษ

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอได้ออกหนังสือเรียก พ.ต.สุชาติ สะสมทรัพย์ ลูกชายนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน มาสอบสวนในฐานะพยานในวันพฤหัสฯ ที่ 6 มิ.ย.หลังปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีป้ายทะเบียนที่เคยใช้ตกอยู่ในที่เกิดเหตุเพลิงไหม้รถยนต์หรู 6 คัน แต่ปรากฏว่าเจ้าตัวขอเลื่อนเข้าให้การเป็นเวลา 17.00 น.ของวันพุธที่ 5 มิ.ย.เนื่องจากติดภารกิจต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ตนพิจารณาแล้วจึงอนุญาต เพราะมีมูลเหตุอันจำเป็นจึงต้องเชิญมาสอบปากคำ นอกจากนี้ ในเวลา 05.00 น.ของเช้ามืดวันพฤหัสฯ ดีเอสไอจะเข้าค้นเป้าหมาย 4 แห่งในเขต กทม.หลังศาลอาญาอนุมัติหมายค้น เนื่องจากสอบสวนพบว่าเกี่ยวข้องกับการแจ้งนำเข้ารถลัมโบร์กินีคันเกิดเหตุไฟไหม้ โดยแจ้งกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่าเป็นการนำเข้าเป็นชิ้นส่วน เพื่อพิสูจน์ว่าบริษัทดังกล่าวจะมีระบบที่ประกอบรถยนต์หรูราคาแพงได้จริงหรือไม่ หลังจากการเคสซิ่งเบื้องต้นเชื่อว่าจะไม่สามารถประกอบรถยนต์หรูได้ เพราะสถานที่ที่แจ้งไว้ในเอกสารว่าเป็นที่ประกอบรถยนต์หรูเป็นโรงงานอุตสาหกรรมมีเทคโนโลยีไฮเทค แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นโกดังหรืออู่ซ่อมรถยนต์

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ส่วนแนวทางการตรวจสอบรถยนต์หรูที่จดทะเบียนเป็นรถจดประกอบแล้ว 5,834 คัน และรถยนต์หรูที่ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยอยู่ระหว่างรอจดทะเบียนกับสำนักขนส่งพื้นที่อีกกว่า 3,000 คัน ในเวลา 09.00 น.วันพฤหัสฯ จะมีการประชุมร่วม 5 หน่วยงาน ของผู้บริหารระดับอธิบดี รองอธิบดี เพื่อวางแนวทางในการตรวจสอบการจดทะเบียนรถจดประกอบในคดีพิเศษที่ 111/2556 ประกอบด้วย ดีเอสไอ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และกรมขนส่งทางบก โดยตนได้โทรศัพท์ถึงอธิบดีของ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วทุกคนเห็นด้วยกับแนวทางการตรวจสอบรถจดประกอบ หลังจากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นของดีเอสไอเชื่อว่า ในจำนวนรถยนต์จดประกอบกว่า 8,000 คัน จะมีถึง 85% ที่น่าจะมีการนำเข้ารถยนต์มาทั้งคันแต่สำแดงเท็จว่าเป็นการนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบเป็นรถจดประกอบ เพื่อเสียภาษีสรรพสามิต เพียง 30-50% ต่างกับการแจ้งนำเข้ารถยนต์หรูทั้งคันที่ต้องเสียภาษีศุลกากรถึง 200-314% ขึ้นอยู่กับขนาดแรงม้า มูลค่าความเสียหายภาษีที่รัฐต้องสูญเสียไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท

นายธาริต กล่าวอีกว่า เบื้องต้นดีเอสไอได้วางแนวทางตรวจสอบรถยนต์หรูที่นำเข้ามาจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบกว่า 8,534 คัน ออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์หรูทั้งคันแต่มาสำแดงเท็จว่านำเข้าชิ้นไปส่วนไปจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบ พวกนี้ผิดแน่นอน ดีเอสไอจะบุกจู่โจมตรวจค้นตามเป้าหมาย เพื่อยึดรถยนต์หรูของกลาง พร้อมทั้งจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ที่มีอัตราโทษจำคุก 10 ปี และต้องเสียค่าปรับภาษี 4 เท่า ของราคารถยนต์บวกอากรภาษีที่หลีกเลี่ยง 2.กลุ่มที่จะเปิดโอกาสให้เข้าชี้แจง ทั้งผู้ประกอบการที่ซื้อรถยนต์หรูต่อมาจากกลุ่มแรกและกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องรู้อยู่แล้วว่าซื้อรถจดประกอบ โดยการพิสูจน์เจตนาของ พ.ร.บ.ศุลกากร มีว่าถ้าทำแล้วเสียภาษีน้อยลงจะเป็นเครื่องชี้เจตนา หากรู้ว่าซื้อรถยนต์หรูถูกกว่าตัวแทน จะเป็นเจตนาที่ถือว่ารู้แล้วรถคันนี้มีที่มาไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษ ที่มายกเว้นหลักทั่วไปของกฎหมายอาญา ทั้งนี้ หากกลุ่มนี้ยินยอมส่งรถหรูให้ตกเป็นของแผ่นดินคดีก็ระงับ และกลุ่มที่ 3 พวกผู้ซื้อรถหรูจดประกอบที่ยังไม่ยอมเข้าให้การ ดีเอสไอจะทยอยเรียกเข้าชี้แจงทั้งหมดให้ครบ 8,534 คัน

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ส่วนที่มีข่าวว่าดีเอสไอเข้าสอบสวนการลักลอบนำเข้ารถยนต์หรูจากประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน และสอบสวนกรณีผู้นำเข้าอิสระ หรือเกร์มาร์เก็ต สำแดงต้นทุนราคารถหรูต่ำกว่าความจริง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ตนเห็นว่ากรณีการนำรถหรูตามแนวชายแดนมาสวยทะเบียนเป็นไปได้ยาก และกรณีการสำแดงต้นทุนราคารถต่ำกว่าความจริงก็ทำได้ยาก เพราะประเทศต้นทางของรถยนต์หรูเป็นประเทศที่เจริญแล้ว คงไม่มีการร่วมทุจริตด้วย กรณีดังกล่าวเห็นว่าเป็นการใส่ไฟทำลายล้างกลุ่มเกร์มาร์เก็ตให้หมดจากฝีมือของดีลเลอร์บางกลุ่ม ซึ่งดีเอสไอจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือ พร้อมสนับสนุนให้การการแข่งขันอย่างเสรี และยืนยันว่าดีเอสไอไม่เคยเข้าไปสอบสวนตามที่มีข่าวออกมาแต่อย่างใด






กำลังโหลดความคิดเห็น