xs
xsm
sm
md
lg

กนง.ลดดอกเบี้ย0.25%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - บอร์ด กนง.มีมติ 7 ต่อ 0 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.50% หวังดูแลเศรษฐกิจไทยช่วงที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ยันใช้ข้อมูลเศรษฐกิจไม่ใช่แรงกดดันทางการเมือง พร้อมจับตาหนี้ครัวเรือนใกล้ชิด ขณะที่ "กิตติรัตน์" ติงลดน้อยเกินไป แต่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา เอกชนผิดหวังกนง.ลดดอกเบี้ยไม่แรง

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมบอร์ดกนง.วันที่ 28-29 พ.ค.ถือเป็นครั้งที่ 4 ของปีนี้ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 2.50%ต่อปี เนื่องจากความเสี่ยงมีมากขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ฉะนั้น การผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งนี้ เพื่อดูแลความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย
“กนง.พิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากแนวโน้มระยะข้างหน้าเป็นหลัก โดยเห็นว่าเป็นระดับที่เหมาะสมและเพียงพอในการรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้าจากการขยายตัวเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน สอดคล้องกับภาวะการณ์อัตราเงินเฟ้อที่มีแรงกดดันลดลง จึงเห็นว่ามีพื้นที่เพียงพอที่จะให้นโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติม เพื่อดูแลความเสี่ยงต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทย”
ทั้งนี้ แม้กนง.มีมติลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลง แต่กรรมการยังมีความห่วงใยเรื่องการขยายตัวสินเชื่อและสินเชื่อภาคครัวเรือนอยู่ อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายการเงิน ทางกนง.ต้องพิจารณาจากหลายด้านประกอบกันทั้งการเจริญเติบโตเศรษฐกิจ เสถียรภาพราคา เสถียรภาพการเงินทั้งหนี้ภาคเอกชนและครัวเรือน รวมถึงการเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์ต่างๆ
แต่สุดท้ายก็ต้องชั่งน้ำหนักของวัตถุประสงค์ว่าปัจจัยเสี่ยงด้านไหนต้องใช้นโยบายอะไร ซึ่งจะติดตามการเปลี่ยนแปลงของพัฒนาการต่างๆ อย่างใกล้ชิด และพร้อมจะดำเนินนโยบายเหมาะสมต่อไป
การประชุมบอร์ดกนง. 2 วัน เป็นไปตามสถานการณ์ โดยนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ในฐานะประธานบอร์ดกนง.เห็นว่ามีข้อมูลเศรษฐกิจและประเด็นที่ต้องพิจารณาอยู่บ้าง จึงอยากให้กรรมการพิจารณาให้เต็มที่ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน อย่างไรก็ตาม การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ใช่จะส่งสัญญาณว่าจะลดต่อเนื่อง เพราะการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยแต่ละครั้งต้องดูข้อมูลตัวเลขช่วงนั้น และมองไปข้างหน้าเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันทางการเมืองไม่ได้มีผลต่อการพิจารณาดอกเบี้ยในครั้งนี้ โดยกรรมการพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาวะการเคลื่อนย้ายเงินทุน ภาวะตลาดการเงิน เศรษฐกิจต่างประเทศ รวมถึงแนวโน้มต่างๆ ถือเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยนิ่งมานาน ซึ่งมีการปรับลดดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 ต.ค.55
ขณะที่กระแสเงินทุนไหลเข้าออกในช่วงที่ผ่านมาเงินบาทเคลื่อนไหวไม่สัมพันธ์กับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยมากนัก แต่เป็นไปตามคาดหวังของนักลงทุนที่มองภาวะเศรษฐกิจไทยและแนวโน้มระยะต่อไป รวมถึงแนวโน้มค่าเงินและภาวะเศรษฐกิจโลกมากกว่า
ต่อข้อซักถามที่ว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะมีผลต่อค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างไร เลขานุการบอร์ดกนง.กล่าวว่า อัตราแลกเปลี่ยนไม่ใช่เป้าหมายในการดำเนินนโยบายการเงิน แต่เป็นตัวแปรที่ต้องดูว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพโดยรวมอย่างไร ซึ่งยอมรับว่าอัตราแลกเปลี่ยนเป็นตัวแปรที่ยากในการคาดการณ์ว่าจะเคลื่อนไหวในทิศทางใด
มากน้อยแค่ไหน ในสถานการณ์ตลาดการเงินโลกที่ยังมีความผันผวนสูง ทำให้การเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้า-ออกอย่างรวดเร็วและมีผลต่อค่าเงิน แต่ภาคธุรกิจ ภาคส่งออกไทยมีการปรับตัวได้ดี ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าไทยในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
เลขานุการกนง.กล่าวว่า กนง.คาดหวังว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีแรงกระตุ้นจากภาคการคลัง โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนตามมาด้วย แต่ถ้าแรงกระตุ้นดังกล่าวล่าช้าออกไปก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ความเสี่ยงเศรษฐกิจก็เพิ่มขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน ส่วนการลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ลดลงมากน้อยแค่ไหนมองว่าให้เป็นไปตามกลไกตลาดดีกว่า เพราะธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งจะมีโครงสร้างต้นทุน และธุรกิจแตกต่างกัน รวมถึงการแข่งขันในระบบ

***"โต้ง" ติงน้อยไปแต่ก็ยังดีกว่าไม่มา
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ถือว่าน้อยเกินไปและช้าเกินไป แต่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มาและเชื่อว่าจากการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวน่าจะทำให้เงินบาทไม่แข็งค่าขึ้นไปอีกในระยะสั้น แต่ในระยะยาวก็ยังต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลังจะประสานงานกับ ธปท.เพื่อดูแลในเรื่องนี้

***เอกชนผิดหวังกนง.ลดดบ.ไม่แรง

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย( ส.อ.ท. ) กล่าวว่า การที่กนง.มี มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ถือว่าผิดไปจากที่ส.อ.ท.คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลด 0.5% แต่ก็ยังอยู่ในวิสัยที่พอรับได้ซึ่งเข้าใจว่ากนง.คงเห็นว่าระดับดังกล่าวจะสามารถดูแลเศรษฐกิจของประเทศได้เพียงพอ ส่วนอนาคตยังเห็นว่ากนง.ควรจะทยอยปรับลดลงอีก อย่างไรก็ตามการที่กนง.ลดดอกเบี้ยยังถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีในการทำงานของรัฐร่วมกันทั้งการเงินและการคลัง
นายสมมาต ขุนเศษฐ รองประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมรู้สึกผิดหวังกับมติ กนง. ในการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% เพราะอัตราดังกล่าวจะไม่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และไม่มีผลต่อการแก้ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทในอนาคตที่มีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นอีก ดังนั้นต้องการให้กระทรวงการคลังช่วยเจรจากับธปท. ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงประมาณ 1%หรือเหลือประมาณ 1.5-1.75% ก็จะช่วยขับเคลื่อนของเศรษฐกิจภาพรวมได้เป็นอย่างดี
กำลังโหลดความคิดเห็น