“ประสาร” ยืนยันไม่ท้อถอยในการทำหน้าที่ผู้ว่าการ ธปท. เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ธนาคารกลาง แม้มีกระแสกดดันจากฝ่ายการเมือง ลั่นทุกฝ่ายต้องทำตามอำนาจหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด แต่ก็ต้องเคารพอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายด้วย พร้อมระบุการออกแถลงการณ์ชี้แจง 9 หน้า ใน 4 ประเด็นหลัก เมื่อวานนี้ เป็นการยืนยันถึงการทำงานของ ธปท. เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนเกิดความสับสนจนเข้าใจผิดว่า ปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าจะทำให้เกิดวิกฤต ศก. รอบใหม่ และไม่ได้คิดว่าจะเป็นการสร้างความขัดแย้งเพิ่ม เพราะไม่ได้กล่าวหาใคร
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันว่า แม้มีกระแสกดดันจากฝ่ายการเมือง ก็ไม่ท้อในการทำหน้าที่ผู้ว่าการ ธปท. รวมทั้งยังคงเดินหน้าทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะเมื่อเข้ามารับตำแหน่ง มีหน้าที่ที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือให้แก่ธนาคารกลาง เพราะคนที่มาเป็นผู้ว่าการ ธปท. มาแล้วก็ต้องไป แต่ความน่าเชื่อถือขององค์กรเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา การดำเนินการของ ธปท.ได้รับความเชื่อถือจากทั่วโลกว่ามีประสิทธิภาพ และประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ใช้นโยบายการเงินของไทยเป็นแบบอย่าง ดังนั้น จึงต้องเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นต่อไป
สำหรับการทำงานร่วมกับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่มีภาพของความขัดแย้งกันนั้น นายประสาร กล่าวว่า มีหลายส่วนที่มีความเข้าใจตรงกันว่า การแข็งค่าของเงินบาทมาจากผลกระทบของเงินทุนไหลเข้าที่มาจากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของประเทศเศรษฐกิจหลัก และต่างชาติก็มีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย แต่ก็มีบางเรื่องที่ยังมีความเห็นแตกต่างกัน เช่น เรื่องการให้น้ำหนักกับเครื่องมือที่จะใช้ดูแลค่าเงินบาท ซึ่งต้องใช้เวลาบ้าง โดยมองว่าความเห็นที่แตกต่างเกิดขึ้นได้ แต่ขอให้ทุกฝ่ายพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามอำนาจหน้าที่ของตนเอง และขอเคารพอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายด้วย
ส่วนการที่ ธปท.ออกแถลงการณ์ชี้แจง 9 หน้า ใน 4 ประเด็นหลัก เมื่อวานนี้ (10 พ.ค.) เป็นการยืนยันถึงการทำงานของ ธปท. เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนเกิดความสับสนจนเข้าใจผิดว่า ปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่ เพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และปัจจัยในปัจจุบันกับอดีตนั้นแตกต่างกัน ยืนยันเงินบาทที่แข็งค่ารอบนี้ไม่ได้ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจแต่อย่างใด และไม่ได้คิดว่าจะเป็นการสร้างความขัดแย้งเพิ่ม เพราะไม่ได้กล่าวหาใคร ธปท.พยายามทำความเข้าใจมากกว่า เพราะการทำหน้าที่ธนาคารกลาง ต้องได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด และเป็นแถลงการณ์ตามข้อเท็จจริงที่มีอยู่แล้ว
ผู้ว่าการ ธปท. ยังกล่าวถึงการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงการคลัง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และภาคเอกชน ในวันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2556 นี้ เป็นไปตามคำเชิญของ นายกิตติรัตน์ ที่ต้องการให้ทุกหน่วยงานมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งโดยปกติ กนง. และ ธปท. มีการรับทราบข้อมูลด้านเศรษฐกิจอยู่แล้ว โดยขณะนี้ กนง.กำลังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 1 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2556 นี้ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการประชุม กนง. วันที่ 29 พฤษภาคม ซึ่งหากข้อมูลล่าสุดเศรษฐกิจไม่ร้อนแรง และเข้าสู่ภาวะปกติ ก็อาจจะมีการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยลงได้ และหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะไม่ใช่การเพิ่มแรงกดดันให้ กนง.ต้องลดอัตราดอกเบี้ย เพราะตนเองเป็นหนึ่งใน กนง.เท่านั้น ยังมี กนง.อีก 6 ท่านที่มีภาวะเป็นผู้ใหญ่ และมีความรู้ในการพิจารณา
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวด้วยว่า แม้เงินบาทขณะนี้อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ประมาณ 29.50-29.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะเราต้องมองการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในอนาคตด้วย ยังไม่สามารถวางใจได้ ตราบใดที่เศรษฐกิจประเทศใหญ่ยังมีปัญหาอยู่ ตลาดการเงินก็ยังมีความผันผวน ดังนั้น จึงต้องเตรียมเครื่องมือไว้ใช้ในยามจำเป็น โดยกระทรวงการคลัง และ ธปท.ได้เตรียมมาตรการจำกัดการไหลเข้าของเงินทุนระหว่างประเทศที่ผสมผสานเครื่องมือหลายด้าน ทั้งอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และมาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายเงินทุน โดยเลือกใช้ตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม