xs
xsm
sm
md
lg

สศช.นัดเคลียร์เกาเหลาธปท. พท.ส่งส.ส.ปลายแถวเชลียร์งบ 57

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2556 เวลา 10.30 น.สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. )ได้เชิญสื่อมวลชนรับฟังการแถลงข่าว “การจัดทำตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของ สศช.” โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการฯ จะเป็นผู้แถลง หลังการแถลงข่าวเรื่อง “รายงานภาวะสังคมไตรมาส 1 ปี 2556” ณ ห้องประชุมเดช สนิทวงศ์ ชั้น 3 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
ก่อนหน้านั้นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกับรัฐบาลร่วมกันกดดันธนาคารแห่งประเทศไทยให้ลดดอกเบี้ย โดยนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริง ทุกส่วนต้องช่วยกันชี้แจงข้อเท็จจริง การตัดสินใจขึ้นอยู่กับ คณะกรรมการการเงินจะเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้รับฟังอย่างครบถ้วน ต้องการเห็นความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน เพราะไม่ต้องการเห็นประเทศที่กำลังเติบโตไปด้วยดีมาหยุดชะงักกับปัญหา ที่ผ่านมาประเทศสูญเสียมามากแล้วตั้งแต่เกิดเหตุอุทกภัย ไม่อยากให้ตัวเลขเศรษฐกิจลดลง ขณะที่ประเทศอื่นๆ เริ่มปรับตัว
นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุรัฐบาลกดดันธนาคารประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยโยนส่งผลกระทบการส่งออก ว่าพอไม่เป็นรัฐบาลก็มองว่ารัฐบาลกดดัน นายอภิสิทธิ์ผ่านการเป็นนายกฯมาแล้วน่านึกถึงสถานการณ์ออก หน่วยงานที่ทำงานควบคู่กับรัฐบาล ไม่ว่าหน่วยงานใด หรือแม้แต่ธปท.ต้องให้ความร่วมมือ เพื่อการทำงานที่เป็นเอกภาพ ขับเคลื่อนนโยบายการดำเนินการให้สอดคล้องกัน ไม่ใช่เป็นการกดดัน เป็นฝ่ายค้านพูดง่าย อยากให้นึกถึงตอนเป็นรัฐบาลบ้าง ภาพรวมของเศรษฐกิจวันนี้ไม่ได้มองเรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นหลักอย่างเดียว เรามองเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบ นายอภิสิทธิ์ควรวิจารณ์ด้วยเหตุผลด้วยผลมากกว่าหวังผลประโยชน์การเมือง พยายามทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับธปท.ทั้งที่ยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้ขัดแย้ง เมื่อมีมุมมองแตกต่างต้องหาข้อสรุปให้ได้ รัฐบาลไม่ได้กลัวการวิจารณ์ของฝ่ายค้านเรื่องเศรษฐกิจ แต่ควรวิจารณ์ด้วยหลักวิชาการ และข้อมูลความเป็นจริง
นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาการทำงานของรัฐบาลเรื่องของแพงนั้น ว่า ขณะนี้ต่างชาติมีความมั่นใจในการลงทุนต่างๆ ในประเทศไทย เนื่องจากระบบเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพ ทุกองคาพยพกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็รับทราบปัญหาเรื่องนี้และกำลังเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง ดูแลทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ขอให้ใจเย็นๆ และวอนฝ่ายค้านหยุดขบวนการที่อาจจะเป็นการสร้างความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชนเสียทีหยุดการชักไบให้เรือเสีย
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยใช้นโยบาย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส มาตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้ง ทุกฝ่ายก็ทราบดี เน้นทำงานเพื่อประชาชนทุกกลุ่มโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย อีกทั้งต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไม่ว่าจะเป็นนโยบายเรื่อง โอทอปพัฒนาภูมิปัญญาไทยเพื่อนำสินค้าของชาวบ้านแต่ละตำบลไปขายยังตลาดโลกครัวไทยสู่ครัวโลกเพื่อเป็นศูนย์กลางอาหารโลกช่วยเหลือเกษตรกรผู้ผลิต เพิ่มรายได้ปริญญาตรีค่าแรงเพื่อเพิ่มเม็ดเงินในกระเป๋าประชาชนในการจับจ่ายใช้สอยหรือแม้แต่การพัฒนาระบบขนส่งเพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งและราคาสินค้าจะปรับสู่สมดุลย์ล้วนแล้วแต่เป็นการแก้ไขปัญหาและให้ประชาชนกินดีอยู่ดีทั้งสิ้น
นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า ในการประชุมวิปรัฐบาลในวันที่ 27 พ.ค.จะมีการหารือเพื่อเตรียมการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ในวันที่ 29 – 30 พ.ค.นี้ โดยหัวข้อหลักจะมีการกำหนดตัวผู้อภิปรายในส่วนของวิปรัฐบาล ซึ่งผู้อภิปรายของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้จะเน้นให้ผู้ที่ยังไม่เคยอภิปรายเลยได้อภิปราย ส่วนผู้ที่เคยอภิปรายแล้วจะไม่ให้อภิปราย ทั้งนี้ เบื้องต้นเวลาที่ได้มีการแบ่งสัดส่วนการอภิปรายคือ ฝ่ายรัฐบาล 15 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 15 ชั่วโมง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) 5 ชั่วโมง
นายอำนวย กล่าวว่า ส่วนการเตรียมพร้อมรับมือในการประท้วงของฝ่ายค้านนั้น เรื่องนี้ตนได้หารือกับวิปฝ่ายค้านแล้ว ก็จะพยายามไม่ให้มีการสร้างประเด็นจนทำให้เกิดการประท้วงกัน เพราะการใช้สิทธิถูกพาดพิงจะใช้เวลานาน ซึ่งการอภิปรายครั้งนี้จะไม่ให้มีการยืดเยื้อ โดยในวันศุกร์ที่ 31 พ.ค.ต้องจบก่อนเวลา 12.00 น. และยืนยันว่าจะไม่มีการขยายเวลาแน่นอน
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะเรียกประชุมส.ส.ในวันที่28 พฤษภาคม โดยจะหารือการเปิดสมัยวิสามัญในวันที่29 ของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปี2557 ซึ่งทางพรรคจะให้ส.ส.ได้เสนอการอภิปรายโดยขณะนี้ผู้เสนอการอภิปราย70คนเพื่อจะสรุปโดยเฉพาะว่าจะสรุปให้อภิปรายลดจำนวนลง ที่ได้จัดสรรจากวิปรัฐบาล15ชม. คาดว่าผู้อภิปรายจะคัดให้เหลือประมาณ 30-35 คน เพื่อให้การอภิปรายอยู่ในกรอบเวลารวมถึงไม่ให้การอภิปรายซ้ำประเด็นกัน โดยจะเน้นให้ผู้อภิปรายให้ส.ส.หน้าใหม่เปิดการอภิปรายร่างงบประมาณครั้งนี้ เพื่อจะให้เห็นว่าส.ส.เพื่อไทยเองมีส.ส.ที่มีคุณภาพในการอภิปรายเพื่อนำเสนอให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างไร
“ผมอยากให้การอภิปรายงบประมาณของฝ่ายค้านเพื่อการตรวจสอบงบประมาณ ทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ อภิปรายอย่างมีเหตุผล และฝ่ายรัฐบาลเองจะไม่มีองค์รักษ์พิทักษ์น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนนรีรวมถึงรัฐมนตรี รวมทั้งจะไม่มีการประท้วงให้วุ่นวายให้เสียภาพ ผมกังวลว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่อยู่ในกรอบงบประมาณมุ่งประเด็นการโจมตีนำเรื่องเงินกู้2ล้านล้านบาท การบริหารจัดการน้ำ3.5แสนล้านบาท รวมทั้งการกล่าวหาคนภายนอกรัฐบาล ขอให้การอภิปรายเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ในลักษณะการนำไปสู่ปฏิรูปการอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่เอาความสะใจลดคะแนนเสียงของรัฐบาล”โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เผยถึงการพิจารณาเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทว่า พรรคคงไม่สามารถร่วมอยู่ในกระบวนการพิจารณาของรัฐบาลได้หากไม่มีความพร้อม ไม่มีความชัดเจนไม่สามารถยืนยันกับประชาชนได้ว่า จะนำเงินไปปฏิบัติได้จริง ทั้งนี้พรรคเห็นด้วยกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ไม่เห็นด้วยกับการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทนอกงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ เพราะตามแผนในปี 56-57 จะใช้เงินเพียงแค่1.2 แสนล้านบาท ซึ่งใน ร่าง พ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณประจำปี 2557 มีการขาดดุลงบประมาณ 2.5 แสนล้าน ยังสามารถขาดดุลเพิ่มได้อีกโดยไม่ขัดต่อกรอบวินัยทางการเงินการคลัง จึงสามารถนำเงินที่จะใช้ตาม พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทไปใส่ในงบปกติได้
"นอกจากนี้ยังไม่มีรายละเอียดโครงการตามเอกสารแนบของรัฐบาล เชื่อว่าหลายสิบโครงการจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงในแผ่นดินไทยแต่จะถูกโกง เปลี่ยนแปลง กลายเป็นอนุสรณ์การทุจริตอย่างโครงการโฮปเวลล์ พรรคต้องตรวจสอบกการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน เพราะเงินกู้นี้จะเป็นหนี้ของประชาชนถึง 50 ปี แต่ไม่มีโครงการที่ประสบความสำเร็จตามแผนงาน"
กำลังโหลดความคิดเห็น