โฆษกประชาธิปัตย์ตำหนิรัฐบาลไม่แก้ไข่แพง สับ “อำมาตย์เต้น” เรียกผู้ค้าไข่ถกแต่กลับให้ขึ้นราคา ทำชาวบ้านเดือดร้อนเพิ่ม ซัดนำภาษีซื้อไข่ออกระบบชงเองกินเอง ถาม 131 ล้าน หายไปไหน เย้ยกู้ 2 ล้านล้านสุดท้ายเป็นอนุสรณ์โกงเหมือนโฮปเวลล์
วันนี้ (26 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิรัฐบาลต่อปัญหาราคาไข่ไก่ที่แพงขึ้นว่า รัฐบาลไม่พยายามที่จะคลี่คลายปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ก่ประชาชน ทั้งๆ ที่ไขไก่เป็นอาหารจำเป็นเพราะเป็นโปรตีนราคาถูกสำหรับคนจน ในสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเคยมีการล้อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เกี่ยวกับไข่ชั่งโลแต่ราคาไข่คละหน้าฟาร์มยุครัฐบาลาอภิสิทธิ์สูงสุดอยู่ที่ 2.90 บาท โดยรัฐบาลขณะนั้นทำทุกวิถีทางเพื่อควบคุมราคาให้เป็นธรรมทั้งกับผู้ผลิตและผู้บริโภค แต่รัฐบาลชุดนี้กลับไม่ใส่ใจที่จะแก้ปัญหา โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ได้เรียกผู้ประกอบการมาประชุมเพื่อแก้ปัญหาไข่ไก่แพงแต่กลับได้ข้อสรุปกำหนดราคาไข่คละหน้าฟาร์มแพงขึ้นอีก 10 สตางค์ เปิดโอกาสจากราคา 3.20 บาท เป็น 3.30 บาทเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทำนายล่วงหน้าว่าราคาไข่คละหน้าฟาร์มจะดีดตัวขึ้นตามเพดานที่นายณัฐวุฒิกำหนด และก็เป็นจริงตามนั้น เพราะในวันรุ่งขึ้นก็มีการแจ้งการปรับราคาไข่คละหน้าฟาร์มของสหกรณ์ไก่ไข่แปดริ้วจาก 3.20 บาท เป็น 3.30 บาท ตนจึงเห็นว่านโยบายของนายณัฐวุฒิเป็นการเปิดช่องให้ขึ้นราคา ซึ่งเป็นราคาไข่คละที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากขึ้น นี่คือตัวอย่างการขาดประสบการณ์ ความรู้ในการบริหารบ้านเมือง
นายชวนนท์กล่าวว่า การที่นายณัฐวุฒิอ้างว่าไข่แพงเพราะอากาศร้อนทำให้ผลผลิตสู่ตลาดน้อย นั้นเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ประมาณสองเดือน ครม.ได้มีติวันที่ 12 มีนาคม 2556 อนุมัติเงิน 131 ล้าน เพื่อแก้ปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด โดยมีแผนซื้อไข่ออกจากระบบ 195 ล้านฟอง ใช้เงินเฉพาะส่วนนี้ 98 ล้านบาท ใช้เวลา 6 เดือน ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงเท่ากับว่าไข่ไก่ยังล้นตลาดและรัฐบาลต้องดูดซับส่วนเกินออกจากระบบตามมติ ครม.ที่จะครบกำหนดในเดือนกันยายน
“ไข่ขาดตลาดเพราะรัฐบาลนำเงินภาษีประชาชนไปซื้อไข่ออกจากระบบ เป็นวิธีการชงเองกินเอง ที่จะนำไปสู่การโกงได้อย่างง่ายๆ คือ เอาเงินมาซื้อไข่ออกตลาด พอไข่ขึ้นราคาบอกอากาศร้อน ทั้งๆ ที่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดทางนโยบายของรัฐบาล ไม่มีส่วนไหนที่เป็นเรื่องของกลไกตลาด แต่เป็นการประเมินสถานการณ์ผิดพลาดเข้าไปแทรกแซงราคาอย่างไม่ถูกต้อง ไม่มีการพิจารณาถึงต้นเหตุของปัญหาอย่างแท้จริง และยังมองปัญหาเพียงด้านเดียวคือมุมของเกษตรกรแต่ไม่ได้มุ่งในการช่วยเหลือประชาชนให้ซื้อไข่ไก่ในราคาที่เป็นธรรมควบคู่ไปด้วย ผมจึงคิดว่าที่ไข่ไก่แพงในขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาของอากาศแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับสมองของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นเครื่องสะท้อนว่าเมื่อมีรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพก็เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน วันนี้มีอากาศเป็นรัฐมนตรียังดีกว่ามีณัฐวุฒิเป็นรัฐมนตรี และอยากถามว่าเงิน 131 ล้านหายไปไหน ซื้อไข่จริงหรือไม่ หรือมีการโกงกินกัน เป็นรัฐบาลที่หากินเก่งแต่บริหารงานไม่เป็นเลย” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงการพิจารณาของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทว่า พรรคประชาธิปัตย์คงไม่สามารถร่วมอยู่ในกระบวนการพิจารณาของรัฐบาลได้หากไม่มีความพร้อม ไม่มีความชัดเจนไม่สามารถยืนยันกับประชาชนได้ว่าจะนำเงินไปปฏิบัติได้จริง ทั้งนี้ตนขอย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ไม่เห็นด้วยกับการกู้เงิน2ล้านล้านบาท นอกงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ เพราะตามแผนในปี 56-57 จะใช้เงินเพียงแค่ 1.2 แสนล้านบาท ในร่าง พ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณประจำปี 2557 มีการขาดดุลงบประมาณ 2.5 แสนล้านยังสามารถขาดดุลเพิ่มได้อีกโดยไม่ขัดต่อกรอบวินัยทางการเงินการคลัง จึงสามารถนำเงินที่จะใช้ตาม พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทไปใส่ในงบปกติได้ 2 ไม่มีรายละเอียดโครงการตามเอกสารแนบของรัฐบาล
“เชื่อว่าหลายสิบโครงการจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงในแผ่นดินไทย แต่จะถูกโกง เปลี่ยนแปลง กลายเป็นอนุสรณ์การทุจริตอย่างโครงการโฮปเวลล์ พรรคต้องตรวจสอบการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน เพราะเงินกู้นี้จะเป็นหนี้ของประชาชนถึง 50 ปี แต่ไม่มีโครงการที่ประสบความสำเร็จตามแผนงาน” นายชวนนท์กล่าว