ผู้นำฝ่ายค้านฯ ย้ำนำทีมขวางแก้ รธน.แน่เพื่อไม่ให้ล้มล้างการปกครอง เอื้อประโยชน์กับคนที่อยู่เบื้องหลังที่หวังฮุบทรัพยากรธรรมชาติโดยไม่ผ่านสภา โวย “นช.แม้ว” ใช้อำนาจเถื่อน ปลุกสาวกกดดันศาล รธน. ขณะเดียวกัน เล็งแปรญัตติกู้เงิน 2 ล้านล้าน หลังคุมหนี้สาธารณะไม่ให้เกิน 50% ไม่ได้ ต้องหยุดกู้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ถึงกรณีที่มีการมวิจารณ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์เตะถ่วงก่อกวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้มีการล้มล้างการปกครอง ไม่ให้ประชาชนและศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรซึ่งพิทักษ์รัฐธรรมนูญนั้นทำงานของตนเองได้ และพร้อมขวางการแก้ไขมาตรา 190 ขวาง ที่ลดอำนาจการตรวจสอบของรัฐสภา
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า การที่อ้างว่ามาตราดังกล่าวทำให้รัฐบาลทำงานไม่คล่องตัวนั้น รัฐบาลสามารถออกกฎหมายลูกกำหนดขั้นตอน ให้มันเกิดความคล่องตัวได้ แต่รัฐบาลจงใจไม่ออกกฎหมายลูก โดยจะมาแก้มาตรานี้ เพื่อเวลาที่ตัวเองไปเจรจาหลายสิ่งหลายอย่าง รัฐสภาจะตรวจสอบไม่ได้ เรามีบทเรียนมาแล้ว เช่น การไปทำธุรกิจในพม่าในยุคหนึ่งที่ลูกของผู้มีอำนาจของทั้ง 2 ประเทศสุดท้ายก็มีปัญหาเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน ถูกลงโทษกันไป
“ขณะนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า มีคนที่มีอำนาจ เจ้าของอำนาจตัวจริง กำลังคิดทำธุรกิจในพื้นที่ในทะเลที่คาบเกี่ยวของประเทศเราและประเทศเพื่อนบ้าน ก็มาจงใจแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้ข้อตกลงเหล่านี้เข้าสู่การพิจารณาของสภา มีลับลมคมใน แสวงหาผลประโยชน์ ผมก็ต้องยอมรับว่าผมขวางคนโกง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ โดยเราจะไม่เล่นนอกกติกาจะได้ไม่ต้องไปมีปัญหาว่าวันข้างหน้าเราไปเป็นรัฐบาลจะต้องไปหาเรื่องนิรโทษกรรมให้กับตนเอง”
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สไกป์โจมตีการทำงานของฝ่ายค้าน และองค์กรอิสระว่า พ.ต.ท.ทักษิณใช้ยุทธวิธีนี้ตลอด จะใช้การใส่ร้ายป้ายสีกับผู้ที่ขวางทางเขาว่ามีความอิจฉา ใครที่ไม่เอาตามเขาจะถูกผลักว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้าม แล้วก็ใช้อำนาจที่ตนเองมีอยู่ ทั้งอำนาจเงิน อำนาจรัฐ เข้าไปบดขยี้ฝ่ายตรงกันข้าม และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณแพ้คดีก็จะกล่าวหาว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือของคนนั้นคนนี้ มีคนเข้าไปแทรกแซง เข้าไปสั่ง เป็นสองมาตรฐาน และยังมีการพูดถึงการใช้มวลชน ถือว่าเป็นการใช้อำนาจแบบยุคเถื่อน ข่มขู่องค์กรศาลว่าถ้ามายุ่งจะเอาคนมาเล่นงาน อย่างนี้เถื่อนหรือไม่ ทั้งที่ทุกอย่างต้องว่ากันตามกติกา
นายอภิสิทธิ์ ถึงตัวเลขหนี้สาธารณะพุ่งไปถึง 44 เปอร์เซ็นต์ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทตามร่างพ.ร.บ.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินว่า น่าเป็นห่วงเพราะ ยังมีเงินกู้ที่รออยู่อีก 3.5 แสนล้านบาท ที่ยังไม่ได้กู้และต้องกู้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ ถ้ากู้มาเมื่อไหร่ต้องบวกหนี้สาธารณะเข้าไปอีกต่อจาก 44 เปอร์เซ็นต์ และหากบวกกับเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ก็จะทำให้หนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้น เป็นเรื่องที่เราจับตา และขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเสนอแนวคิดในการรักษาระดับหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
“ผมได้เสนอคำแปรญัตติในร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทไปว่า ในกรณีที่หนี้สาธารณะเกินร้อยละ 50 หรือถ้าภายในปี 2560 ซึ่งรัฐบาลคุยว่าจะทำงบประมาณแบบสมดุลแล้วงบประมาณไม่สมดุล ผมแปรญัตติให้เขียนลงไปในกฎหมายเลยว่า ถ้าเกิดกรณีหนี้สาธารณะเกิน 50% ก็ดี งบไม่สมดุลอย่างที่รัฐบาลพูดไว้ปี 60 ก็ดี ต้องหยุดกู้เงิน แล้วก็จัดสรรเงินกู้ จนกว่าจะควบคุมตรงนี้ได้ เพราะรัฐบาลบอกว่าการกู้ 2 ล้านล้านบาทไม่เป็นปัญหากับอนาคตเพราะว่าหนี้สาธารณะจะไม่เกิน 50% แล้วก็กำลังจะลดการขาดดุล ลงไปเป็นงบสมดุลภายในปี 2560 รัฐบาลอย่าพูดลอยๆ แล้วถึงเวลาก็มาเบี้ยวประชาชน แล้วก็สร้างหนี้ให้ลูกหลาน จึงเขียนไว้ในกฎหมายเลยว่า ถ้าไม่เป็นไปตามนี้คุณต้องหยุดใช้เงินกู้ หรือหยุดกู้ จนกว่าคุณจะแก้ปัญหานี้ได้”
