xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

หายนะกู้ 2 ล้านล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ในชั้นกรรมาธิการ หลังผ่านวาระรับหลักการไปแล้ว

แต่ กรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ให้รู้สึกหงุดหงิดกับ ท่าทีที่ลุกลี้ลุกลนของรัฐบาลที่พยายามรวบรัด ให้สามารถกู้เงินได้โดยเร็ว ทั้งๆ ที่โครงการส่วนใหญ่ที่รัฐบาลอ้างว่าจะทำนั้น ไม่มีความพร้อม ไม่มีข้อมูลรายละเอียดมาให้กรรมาธิการได้ศึกษาเลย

สภาพการออกพ.ร.บ.กู้เงินครั้งนี้ จึงไม่ต่างกับการออกเป็น พ.ร.ก. กู้เงิน เพราะรัฐบาลเปิดโอกาสให้ตรวจสอบ แก้ไขให้เหมาะสม แต่รัฐบาลกลับใช้วิธีล็อบบี้กรรมาธิการ โดยอ้างว่า ขอให้ผ่านขั้นตอนการกู้ไปก่อน ในอนาคตหากโครงการใดยังไม่พร้อม ก็จะยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินกู้

ดังนั้นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยจึงยื่นคำขาดต่อรัฐบาลว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการต่างๆที่จะทำยังไม่ให้รายละเอียดที่จำเป็นภายในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย ก็จะไม่ร่วมพิจารณากับกรรมาธิการเสียงข้างมาก และหากกรรมาธิการเสียงข้างมาก ยังดึงดันพิจารณากันต่อไป กรรมาธิการเสียงข้างน้อยก็จะหันไปใช้วิธีการให้ข้อมูลกับประชาชน และเตรียมข้อมูลสำหรับการอภิปรายในวาระ 2 และ 3 ในสภา จากนั้น จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า กฎหมายกู้เงินนี้ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

นายกรณ์ ระบุว่า เท่าที่ตรวจสอบพบว่าโครงการที่ไม่มีความพร้อมเลย อย่างเช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงทุกเส้นทาง มูลค่าเกือบ 8 แสนล้าน รถไฟทางคู่ 11 เส้นทาง มีความพร้อมแค่ 5 เส้นทาง รถไฟในระบบขนส่งมวลชน กทม. บางเส้นทางก็ขาดความพร้อม ท่าเรือ 3 แห่ง ยังขาดการศึกษา ศูนย์กระจายสินค้า 15 ศูนย์ ไม่มีความพร้อม แม้กระทั่งสถานที่ในการก่อสร้างก็ยังไม่ชัดเจน โ
โครงการที่ไม่มีความพร้อมเหล่านี้ รวมกันแล้วมูลค่าราว 1.5 ล้านล้านบาท เท่ากับว่า โครงการที่พอจะมีความชัดเจน มีอยู่เพียงแค่ 5 แสนล้านบาทเท่านั้น

การที่รัฐบาลพยายามปกปิดข้อมูลของโครงการต่างๆ ที่ยกมาอ้างนั้น ตีความได้ไม่ยากว่า รัฐบาลต้องการรวบอำนาจในการใช้เงินกู้ก้อนนี้ เอาไว้กับตัวเอง แม้โครงการที่เสนออาจทำไม่ได้ แต่ต้องล็อกเงินไว้ในกฎหมายเอาไว้ก่อน เพื่อโยกสลับเงินในส่วนนี้ ไปใช้ทำอย่างอื่น ที่ไม่ต้องรายงานต่อสภา
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิค ซิกแซก ด้วยการกำหนดราคาโครงการให้สูงไว้ก่อน เพื่อหวังผลในการแต่งตั้งที่ปรึกษาโครงการ ซึ่งในส่วนนี้ ถ้าคำนวณเป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าโครงการ ไม่ว่าโครงการดำเนินการหรือไม่ ค่าที่ปรึกษาจะถูกจ่ายไปแล้ว เป็นค่าใช้จ่ายส่วนแรกที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน โดยบริษัทที่ปรึกษาโครงการที่ได้รับเลือกส่วนใหญ่ ก็เป็นบริษัทในเครือข่าย วงศ์วารว่านเครือของคนในรัฐบาล

มีการประมาณการกันไว้ว่า เฉพาะค่าที่ปรึกษาโครงการที่ว่านี้สูงถึง 6 หมื่นล้านบาท

เงินจำนวนนี้ จะว่าไปแล้วก็คือเงินที่เกิดจากการทุจริต คอร์รัปชันของนักการเมือง เพียงแต่เป็นการทุจริตที่จับไม่ได้ เพราะใช้บริษัทที่ปรึกษาโครงการมาเป็นคนฟอกให้

เงินจำนวนนี้ เอาไปใช้เลือกตั้งได้สบาย คนในรัฐบาลถึงกล้าพูดตอกย้ำให้พรรคประชาธิปัตย์เจ็บใจว่า เลือกเมื่อไรก็ชนะ

ฟันธงไปได้เลยว่า หากรัฐบาลจะยุบสภา เลือกตั้งใหม่ จะต้องให้ พ.ร.บ.กู้เงินนี้ผ่าน และมีการใช้เงินผ่านบริษัทที่ปรึกษาโครงการไปแล้ว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น