xs
xsm
sm
md
lg

"กรณ์"ขีดเส้นรัฐเปิดข้อมูลเมกะโปรเจกต์ ขู่เลิกสังฆกรรมกู้2ล้านล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (23พ.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.ระบบบัญชีายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และนายอรรถวิช สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการฯเสียงข้างน้อย พิจารณา พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน แถลงถึงการพิจารณากฎหมายดังกล่าว ว่า ได้มีการยื่นคำขาดต่อกรรมาธิการเสียงข้างมากไปถึงรัฐบาล ว่า ยังรอที่จะมีคำชี้แจงรายละเอียดโครงการต่าง ๆ ที่สำคัญซึ่งต้องใช้ในการพิจารณาว่า โครงการเหล่านี้ยังมีความเป็นไปได้ และเหมาะสมที่จะอนุมัติให้อำนาจรัฐบาลกู้ยืมเงิน 2 ล้านล้านบาท หรือไม่ เพราะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยสนับสนุนหลักการการลงทุนในการพัฒนาระบบขนส่งเพื่อลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ
แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า รัฐบาลไม่มีความพร้อมในโครงการตามที่กำหนดใน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน อีกทั้งโครงการที่มีความพร้อมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกู้ยืมเงิน 2 ล้านล้าน แต่สามารถหาเงินทุนจากแหล่งรายได้อื่น สำหรับในส่วนที่จำเป็นต้องกู้ก็สามารถกู้ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติได้ โดยไม่ต้องออกกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท
นายกรณ์ กล่าวว่ากรรมาธิการเสียงข้างมากพยายามโน้มน้าวให้ผ่านกฎหมายฉบับนี้ โดยอ้างว่าในอนาคตก็จะยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินกู้หากโครงการไม่พร้อม แต่เรายืนยันว่าทำไม่ได้ เพราะเท่ากับมีส่วนในการอนุมัตเห็นชอบกฎหมายกู้เงินสองล้านล้านบาทโดยไม่สามารถยืนยันความพร้อมในโครงการได้เลย จนกว่าจะมีรายละเอียดให้เห็นชัดเจนว่าโครงการมีความพร้อมที่จะใช้เงินจริง จึงไม่สามารถปล่อยผ่านไปก่อนได้ตามที่ฝ่ายรัฐบาลต้องการ เนื่องจากเชื่อว่ารัฐบาลจะนำเงินไปใช้ในโครงการอื่นแทน เนื่องจากมีการเปิดช่องเอาไว้แล้วเพราะไม่มีการบรรจุโครงการที่ชัดเจนเป็นบัญชีแนบท้ายในกฎหมาย
นอกจากนี้เจตนาของรัฐบาลก็ไม่ยอมให้มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อเงข้ามาเป็นที่ปรึกษาเพื่อช่วยกรรมาธิการฯพิจารณา รวมถึงตัวแทนองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นที่รัฐบาลไปขอความร่วมมือในช่วงที่มีการพิจารณาวาระแรกในสภา แต่เมื่อมีการส่งตัวแทนเพื่อให้มาเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการฯรัฐบาลกลับปฏิเสธ จึงชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วร่าง พ.ร.บ.นี้ไม่แตกต่างจากการออกเป็น พระราชกำหนด ไม่เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบหรือแก้ไขตามความเหมาะสม ดังนั้นหากหน่วยงานทั้งหมดไม่ให้รายละเอียดที่จำเป็นภายใน 3 มิ.ย. กรรมาธิการเสียงข้างน้อยจะไม่ร่วมพิจารณากับกรรมาธิการเสียงข้างมาก แต่จะเปิดโปงต่อสาธารณะและยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากเห็นว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงไม่ควรกุ้เงินมากองไว้ และอาจมีการดัดแปลงเอาเงินกู้ไปใช้ในโครงการอื่น
“รัฐบาลต้องการรวบอำนาจในการใช้เงินกู้ก้อนดังกล่าวเอาไว้กับตัวเอง ซึ่งมีข้าราชการที่รับผิดชอบในเรื่งอนี้ถึงกับกระซิบกับพวกผมว่า หลายโครงการที่เสนอทำไม่ได้แต่ต้องล็อคเงินไว้ในกฎหมาย เพื่อสลับเงินในส่วนนี้ไปใช้ทำอย่างอื่นที่ไม่ได้รายงานต่อสภา ถือเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วง และมีการกำหนดราคาโครงการสูงไว้ก่อน เพื่อหวังผลในการแต่งตั้งที่ปรึกษาโครงการซึ่งคำนวณเป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าโครงการ ไม่ว่าโครงการดำเนินการหรือไม่ค่าที่ปรึกษาจะถูกจ่ายไปแล้ว โดยรวมสูงถึง 6 หมื่นล้าน ที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนแรกที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงเชื่อว่ารัฐบาลไม่ได้สนใจว่าโครงการจะเป็นไปได้หรือไม่ขอใช้เงินค่าที่ปรึกษาก่อน และเป็นการใช้เงินที่วัดผลการทำงานได้ยากที่สุด จึงยอมรับไม่ได้ที่จะร่วมสังฆกรรมกับการทำงานในลักษณะนี้”นายกรณ์ กล่าว
สำหรับโครงการที่ไม่มีความพร้อมนั้น นายกรณ์ กล่าวว่า รวมกันแล้วมุลค่าราว 1.5 ล้านล้านบาทที่ ไม่มีความพร้อมเลย เช้่น รถไฟความเร็วสูงทุกเส้นทาง มูลค่าเกือบ 8 แสนล้าน รถไฟทางคู่ 11 เส้่นทางพร้อมแค่ 5 เส้นทาง แม้แต่รถไฟในระบบขนส่งมวลชน กทม.บางเส้นทางก็ขาดความพร้อม ท่าเรือ 3 แห่ง ยังขาดการศึกษา ศูนย์กระจายสินค้า 15 ศูนย์ ไม่มีความพร้อมแม้กระทั่งสถานที่ในการก่อสร้าง โดยข้อมุลที่กรรมาธิการฯเสียงข้างน้อยได้สอดคล้องกับผลการศึกษาของทีดีอาร์ไอที่ระบุว่า มูลค่าโครงการที่มีความพร้อมมีอยู่เพียงแค่ว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งสามารถใช้เงินงบประมาณปกติได้ ทั้งนี้หากกรรมาธิการเสียงข้างน้อยไม่ร่วมพิจารณาแต่กรรมาธิการของรัฐบาลยังเดินหน้าพิจารณาต่อไป ก็จะใช้วิธีการให้ข้อมูลกับประชาชน และเตรียมข้อมูลสำหรับการอภิปรายในวาระสองและสามในสภา จากนั้นจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่ากฎหมายดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่เมื่อผ่านวาระสามแล้วตามขั้นตอนของกฎหมาย

ด้านนายสามารถ กล่าวว่า ปัญหาอุปสรรคสำคัญของกรรมาธิการเสียงข้างน้อยคือ ขาดข้อมูล เอกสาร รายงาน ไม่มีที่ปรึกษาเพราะรัฐบาลไม่ยอม โดยยกตัวอย่างว่าทุกครั้งที่มีการประชุมจะมีการทวงถามถึงข้อมูลที่ขอไปแต่ได้รับคำตอบว่าให้รอ ทั้งที่ข้อมูลที่ขอไปมีการจัดทำรายงานแล้ว ดังนั้นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจึงส่อว่ารัฐบาลจงใจปกปิดข้อมูล ทั้งนี้ยังพบความผิดปกติเกี่ยวกับการศึกษา การออกแบบ ยังไม่แล้วเสร็จ แต่รัฐบาลเอาข้อมูลมาจากไหนในการคำนวณเป็นยอดงบประมาณ ซึ่งโครงการรถไฟความเร็วสูงแพงกว่ารัฐบาลอภิสิทธิกว่า 70 % โดยชี้แจงว่าต้องยกระดับโครงการรถไฟความเร็วสูงเป็นลอยฟ้าไม่ใช่อยู่บนพื้นดิน เพื่อหนีน้ำท่วม ซึ่งตนได้โต้แย้งไปว่ารัฐบาลออก พ.ร.ก.เงินกู้ไปแล้ว 3.5แสนล้าน ป้องกันน้ำท่วม เท่ากับว่าเงินก้อนดังกล่าวจะป้องกันน้ำท่วมไม่ได้ และเป็นการใช้เงินซ้ำซ้อนกัน พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่าทำไมโครงการรถไฟรางคู่จึงไม่ยกระดับแต่ยกระดับเฉพาะรถไฟความเร็วสูง นอกจากนี้ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจของโครงการรถไฟความเร็วสูงทุกการศึกษายืนยันว่า เส้นทาง กทม.-หนองคาย ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่ดีที่สุด รัฐบาลจึงควรก่อสร้างเส้นทางนี้ก่อน แต่ปรากฏว่า สนข.นำตัวเลขใหม่มาแสดงว่า ผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ กทม.- เชียงใหม่ ดีกว่า กทม.-หนองคาย มีปาฏิหารย์ทางวิชาการเสกให้เส้นทางนี้มีผลตอบแทนเศรษฐกิจดีกว่าเส้นทางหนองคาย

ขณะที่นายอรรถวิช กล่าวว่า ในวันที่ 3 มิ.ย. ถ้ารัฐบาลยังให้ข้อมูลไม่ครบ กรรมาธิการเสียงข้างน้อยของพรรคประชาธิปัตย์ออกแน่ และยื่นศาลรัฐธรรมนูญด้วย เพราะมีการปกปิดผลตอบแทนด้านการเงินของแต่ละโครงการด้วย ทั้งที่โครงการเงินกู้นี้ต้องผ่อนชำระถึง 50 ปี และต้องจ่ายถึง 5 ล้านล้านในอนาคต แต่ยังมีการปกปิดตัวเลขผลตอบแทนด้านการเงินของแต่ละโครงการที่ติดลบมหาศาล ถึงขนาดรฟม.ใช้คำว่า ติดลบแบบอินฟินิตี้หรือไม่มีข้อจำกัด เท่ากับต้องใช้งบประมาณอุดหนุนการบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น เมื่อเงินกู้นี้ผ่านจะต้องมีการตั้งเงินงบประมาณในส่วนนี้เพิ่มอีกมาก โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง ทำให้ไม่สามารถคำนวณได้ว่าโครงการเหล่านี้จะสร้างภาระต่องบประมาณเพิ่มขึ้นในแต่ละปีเท่าไหร่ เพราะนอกจากต้องตั้งงบประมาณเพื่อใช้หนี้แล้ว ยังต้องตั้งงบอุดหนุนการขาดทุนของโครงการด้วย พร้อมกับยกตัวอย่างโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ใช้เงินก่อสร้าง 3.8 แสนล้านบาท ยังต้องใช้เงินอุดหนุนมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านต่อปีอีกด้วย เนื่องจากเป็นโครงการที่จะประสบภาวะขาดทุนอย่างแน่นอน ทั้งนี้รัฐบาลพยายามโชว์ตัวเลขผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจว่ามีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่ใช่กระเป๋าที่รัฐจะได้เพราะเงินรายได้ดังกล่าวจะตกอยู่กับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่รัฐบาลมีภาระด้านการเงินจากการขาดทุนในโครงการเหล่านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น