xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“แม้ว”ท้าจ่าย 10 ล้าน กลบขี้“เผาเซ็นทรัลเวิลด์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- ไม่ผิดไปจากความคาดหมาย เมื่อ นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้ใช้โอกาสวันครบรอบ 3 ปีการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ในการบิดเบือนข้อเท็จจริง เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น กลบเกลื่อนความผิดในอดีตของตัวเอง

โดยเฉพาะกรณีการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์และอาคารสถานที่บริเวณใกล้เคียง ซึ่ง นช.ทักษิณอ้างว่าฝ่ายตรงข้ามได้สร้างวาทะกรรม “เผาบ้านเผาเมือง”ขึ้นมาใส่ร้ายคนเสื้อแดง ทั้งที่คนเสื้อแดงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

นช.ทักษิณได้ยกเอาคำพิพากษาของศาลแพ่งที่สั่งให้เทเวศประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ห้างเซ็นทรัลเวิลด์เนื่องจากเหตุเพลิงไหม้ไม่ได้มาจากการจลาจล-ก่อการร้าย และคำพิพากษายกฟ้องคดีที่คนเสื้อแดง 2 คนเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ไปโมเมบิดเบือนว่าศาลยกฟ้องคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์หมดทุกคดีแล้ว ทั้งที่คดีเพิ่งผ่านแค่ศาลชั้นต้น

นอกจากนั้น นช.ทักษิณยังไม่พูดถึงคดีเผาศาลากลางในต่างจังหวัดที่ศาลพิพากษาให้จำคุกคนเสื้อแดง โดยบางคดีได้ผ่านศาลอุทธรณ์แล้ว ซึ่งศาลก็ยังคงพิพากษายืนให้คนเสื้อแดงมีความผิด

นช.ทักษิณยังได้เสนอให้เงิน 10 ล้านบาทแก่คนที่สามารถจับมือเผาเซ็นทรัลเวิลด์มาได้ เพื่อโน้มน้าวให้สาธารณชนเข้าใจว่า คนเสื้อแดงหรือบริวารของเขาไม่ได้เผาอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าเสนอให้รางวัลนำจับถึง 10 ล้านบาท

ในวันต่อมา (22 พ.ค.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่ยอมรับว่า “มีวันนี้เพราะพี่(ทักษิณ)ให้” ก็ออกมาร่วมเล่นละคร ด้ายการเปิดแถลงข่าวว่า จากหลักฐานภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหว ขณะนี้รู้ชื่อผู้ต้องสงสัยเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์แล้ว 2 คน ตรงตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายจับไว้แล้ว และมีภาพผู้ต้องสงสัยอีก 6 คนแต่ยังไม่รู้ชื่อ จึงได้ประกาศให้มาให้ปากคำ หากไม่มาจะส่งหลักฐานให้ดีเอสไอออกหมายจับต่อไป รวมทั้งมีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อีก 20 คนที่ต้องเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ออกมารับลูกตามการสไกป์ของพี่ใหญ่ ไม่มีนัยอะไรมากไปกว่า การพยายามสร้างภาพว่า ตำรวจเริ่มเอาจริงเอาจังกับการหาตัวคนเผาบ้านเผาเมืองมาลงโทษแล้วนะ ไม่ได้ปล่อยเกียร์ว่างแล้วนะ แต่คนทั้งประเทศยังสงสัยว่า เหตุการณ์ผ่านมาแล้ว 3 ปี ทำไมเพิ่งจะมาทำขึงขังเอาตอนนี้
เป็นที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่า ตำรวจส่วนใหญ่ในประเทศนี้มีจิตใจเป็น“ตำรวจมะเขือเทศ” เรื่องการทำสำนวนคดีอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่เข้าข้างคนเสื้อแดงจึงไม่อาจคาดหวัง

หากตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เอารูปมาโชว์ได้ มีหลักประกันอะไรว่า ในชั้นสอบสวนจะไม่ทำสำนวนให้อ่อน เพื่อช่วยผู้ต้องหา เหมือนคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์คดีแรกที่นายสายชล แพบัว และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ 2 การ์ดคนเสื้อแดงเป็นจำเลย ซึ่งศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องไปแล้ว เพราะนอกจากสำนวนอ่อนแล้วฝ่ายโจทก์คืออัยการก็สู้คดีไม่เต็มที่

หรือไม่ก็ทำให้“คดีพลิก”กลายเป็นว่าคนเผาเป็นคนกลุ่มอื่นที่ต้องการใส่ร้ายคนเสื้อแดง

หากมองตามความเป็นจริงแล้ว คดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์และสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 เป็นการกระทำที่อุกอาจและท้าทายกฎหมายบ้านเมืองอย่างยิ่ง หากเจ้าหน้าที่จะเอาจริงเอาจังในการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก และไม่ปล่อยให้เรื่องราวผ่านไปเนินนานจนมาถึงวันนี้

หากย้อนไปอ่านรายงานฉบับสมบูรณ์ของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ซึ่งได้จากการรวบรวมข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายระหว่างเดือนกรกฎาคม 2553 - กรกฎาคม 2555 แล้วประมวลสรุปเผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อวันที่ 17 ก.ย.2555 ก็จะเห็นข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ ซึ่งทำให้การหาตัวมือเผานั้นทำได้ไม่ยาก
รายงาน คอป.หน้า 154-157 ระบุถึงการเผาสถานที่ในกรุงเทพมหานครไว้ว่า

“...ตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ก่อนหน้าเหตุเพลิงไหม้อาคารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีเหตุการณ์เพลิงไหม้ในจุดที่มีผู้ชุมนุมอยู่ โดยที่บริเวณถนนราชปรารภและสามเหลี่ยมดินแดงมีเพลิงไหม้อย่างน้อยจำนวน ๕ จุด บริเวณถนนพระรามสี่ - บ่อนไก่จำนวน ๒ จุด และหลังจากแกนนำประกาศยุติการชุมนุมต่อมาในช่วงเย็นของวันที่ ๑๙ พฤษภาคม มีเพลิงไหม้จำนวนไม่น้อยกว่า ๓๐ จุด ทั้งบริเวณถนนราชปรารภ - สามเหลี่ยมดินแดง ถนนพระราม ๔ บริเวณชุมชนบ่อนไก่ รวมถึงสถานีโทรทัศน์ช่องสาม โรงภาพยนตร์สยามและบริเวณใกล้เคียงบนถนนพระรามที่ ๑ อาคารร้านค้าบริเวณอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิและห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ

“...ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลเวิลด์เกิดเพลิงลุกไ หม้ขึ้นหลังเวลา ๑๔.๐๐ น. โดยก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. กลุ่มผู้ชุมนุมแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำคลุมศีรษะ ประมาณ ๒๐ คน บุกเข้าไปในอาคารด้านประตูห้างสรรพสินค้าเซ็นด้านถนนพระรามที่ ๑ พร้อมกับถังดับเพลิง โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้ามไม่ให้เข้า ผู้ชุมนุมจึงถอยออกไป และกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. โดยผู้ชุมนุมประมาณ ๒๐ คน พร้อมหนังสติ๊ก ระเบิดขวดและระเบิดปิงปอง เริ่มจุดไฟเผาและโยนถังแก๊สเข้าไปประมาณ ๑๐ ถัง จากนั้นเกิดเสียงดังคล้ายระเบิดหลายครั้งเมื่อเวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์จำนวน ๘ คนได้รับบาดเจ็บจากระเบิดซึ่งเกิดจากระเบิดขว้างสังหารซึ่งเป็นอาวุธสงคราม โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าวว่าคนขว้างสวมใส่เสื้อผ้าสีดำและสวมหมวกไหมพรมปิดหน้า หลังจากนั้นไฟจึงลุกไหม้อย่างต่อเนื่องมาจากด้านห้างสรรพสินค้าเซ็น และลามมาที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ จนเมื่อเวลาประมาณ ๐๓.๐๐ น. ของวันที่ ๒๐ พฤษภาคม เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าไปควบคุมเพลิงไว้ได้”

“... เจ้าหน้าหน้าที่ทหารได้รับคำสั่งให้คุ้มครองหน่วยดับเพลิงเมื่อเวลาประมาณ ๑๕.๓๐ น. แต่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้เนื่องจากต้องผ่านบริเวณที่ยังมีการปะทะกันและมีสิ่งกีดขวางบนถนน

๑) กรณีเพลิงไหม้ที่โรงหนังสยาม หน่วยดับเพลิงเข้ามาถึงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สยาม แต่ไม่สามารถเข้าไปในจุดที่เพลิงลุกไหม้ เนื่องจากมีการต่อต้านด้วยปืนสงครามจากคนชุดดำ จึงถอนกำลังกลับไปที่สนามกีฬาแห่งชาติ และสามารถเข้าไปควบคุมเพลิงได้ในช่วงเย็นแต่เพลิงได้ลุกไหม้ไปมากแล้ว

๒) กรณีเพลิงไหม้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ หน่วยดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้เนื่องจากความไม่ปลอดภัยและมีสิ่งกีดขวาง เมื่อได้ประสานไปทางผู้บริหารระดับสูงของกรุงเทพมหานคร จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจซึ่งได้แนะนำให้เข้าไปทางด้านหลังห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน จึงสามารถเข้าไปได้เมื่อเวลาประมาณ ๒๑.๑๐ น.

๓) หน่วยดับเพลิงซึ่งอยู่บริเวณเพลินจิตและในสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่สามารถเข้าไปควบคุมเพลิงได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่รายงานว่าพื้นที่ยังไม่มีความปลอดภัยและในเวลา ๒๑.๑๐ น. เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าไปได้” 
ทั้งนี้ คอป.ได้ตั้งข้อสังเกตต่อการเผาสถานที่ในกรุงเทพมหานครไว้ว่า

“๑) ต่อข้อสังเกตที่ว่าเจ้าหน้าที่ทหารเผาหรือไม่นั้น ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้กระทำหรือเกี่ยวข้อง โดยพบว่ามีการพยายามวางเพลิงและไฟเริ่มไหม้อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ช่วงเวลาหลัง ๑๔.๐๐ น. ไม่นานหลังแกนนำ นปช.ประกาศยุติการชุมนุม ซึ่งยังมีผู้ชุมนุมอยู่ในบริเวณแยกราชประสงค์ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยไม่มีการห้ามปรามหรือขัดขวางจากกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด โดยเกิดขึ้นก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยแรกจะสามารถเคลื่อนจากแยกเพลินจิตเข้าไปถึงแยกราชประสงค์ได้ในเวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. แต่ได้รับคาสั่งให้ถอนกำลังกลับทันทีเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณดังกล่าวได้ในเวลาหลัง ๒๑.๐๐ น.

๒) ต่อข้อสังเกตที่ว่าการเผาสถานที่ต่างๆ เป็นการวางแผนโดย นปช. หรือไม่พบว่าผู้เกี่ยวข้องบางส่วนมีการเตรียมอุปกรณ์วางเพลิงและมีการวางเพลิงอย่างมีการจัดตั้ง เช่น การเผาศาลากลางขอนแก่นมีกลุ่มบุคคลคลุมหน้าเข้าไปเผาศาลากลาง แต่ไม่พบหลักฐานว่ามีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับแกนนำ นปช. การวางเพลิงบริเวณปากซอยงามดูพลี น่าจะเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการของคนชุดดำ การวางเพลิงศาลากลางและสถานที่ในต่างจังหวัดเช่น อุบลราชธานี ขอนแก่นอุดรธานี มุกดาหาร และเชียงใหม่ น่าจะเกิดจากการยุยงโดยสถานีวิทยุชุมชนบางแห่ง

๓) ต่อข้อสังเกตที่ว่าการเผาสถานที่ต่างๆ เกิดจากภาวะจลาจลอันเป็นผลจากการปลุกเร้าในการปราศรัยระหว่างการชุมนุมอันยาวนานและความไม่พอใจที่แกนนำยุติการชุมนุมหรือไม่นั้น พบว่าสภาพการปลุกเร้าดังกล่าวเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนพร้อมที่จะก่อความรุนแรง ด้วยการเข้าไปเผาหรือร่วมเผาอาคารสถานที่ต่างๆ ดังนั้นเมื่อมีผู้ชุมนุมหรือบางคนพยายามวางเพลิงจะโดยเตรียมการมาหรือไม่ก็ตาม จึงมีผู้ร่วมชุมนุมคนอื่นเข้าร่วมปฏิบัติการด้วย เชื่อว่าสภาพดังกล่าวเป็นสาเหตุสาคัญที่ทำให้สถานการณ์การวางเพลิงลุกลามและรุนแรงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามพบว่า ในจุดเกิดเหตุบางแห่ง มีผู้ชุมนุมหรือชาวชุมชนบางส่วนเช่น บริเวณบ่อนไก่ได้พยายามห้ามปรามและช่วยกันดับเพลิง แต่ถูกขัดขวางโดยผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่งและบางกรณีมีการขัดขวางโดยคนชุดดำที่ยิงปืนเข้าใส่ชาวชุมชนที่พยายามดับเพลิง เช่น กรณีเพลิงไหม้ที่ปากซอยงามดูพลี ตรงข้ามชุมชนบ่อนไก่ เป็นต้น”

รายงานของ คอป.ดังกล่าว พอจะทำให้ฟันธงได้ไม่ยากว่า คนเผาเซ็นทรัลเวิลด์และสถานที่อีกหลายแห่งในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 คือคนกลุ่มไหนกันแน่

การประกาศจ่ายค่าหัว 10 ล้านของ นช.ทักษิณโดยมี“แจ๊ดพี่ให้”ออกมารับลูก จึงเป็นเพียงแค่ความพยายามที่จะเบี่ยงเบนกระแสสังคมและฟอกผิดให้คนเสื้อแดงเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น