xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ทองคำหลุด 2 หมื่นบาท ระยะสั้นยังไม่เห็นราคาสุดท้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศการแห่ซื้อทองที่เยาวราช
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน เป็นต้นมา ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากช่วงราคา 1,580 เหรียญ/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,320 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ลดลง 260 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถือเป็นการปรับลดลงแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2526 หรือในรอบ 30 ปี ส่งผลให้เข้าสู่ภาวะซบเซาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2012 และทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2011

ส่วนหนึ่งนั้นเป็นผลมาจากการหดตัวลงของยอดค้าปลีกในสหรัฐฯซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น และหนุนค่าเงินดอลลาร์เพิ่มแรงกดดันต่อตลาดทอง หลังจากที่ถูกถ่วงลงจากหลากหลายปัจจัย ซึ่งได้แก่แผนการขายทองคำของไซปรัส ที่ถืออยู่ 13 ตัน เพื่อระดมทุน 400 ล้านยูโรในการแก้วิกฤตหนี้ รวมทั้งกระแสการไหลออกของการลงทุนในกองทุน ETF ตามมาตรการช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรปของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ แม้ว่าการขายทองของไซปรัสมีจำนวนน้อย แต่ตลาดซื้อขายทองกลับมีความวิตกว่าธนาคารกลางของอิตาลีที่ถือทองคำอยู่ 2,000 ตัน กรีซและโปรตุเกสที่ถือทองคำรวมกัน 300 ตัน อาจจะเทขายทองคำออกมาเช่นกัน ประกอบกับกองทุนต่างๆ ได้เทขายทองคำออกมาก่อนหน้านี้ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมทำให้ราคาทองคำลดลงต่อเนื่อง

ขณะที่ทางด้านร้านขายทองเยาวราชก็กลับมาคึกคักอย่างมากหลังปิดทำการซื้อขายในช่วงสงกรานต์ โดยราคาปรับลดลง 2,350 บาทจากวันศุกร์ที่ 12 เมษายน โดยทองคำแท่งรับซื้อที่ 18,900 บาท ขายออก19,000 บาท ทองรูปพรรณ ซื้อ 18,631.64 บาท ขายออก 19,400 บาทเช่น ที่ร้านฮั่วเซ่งเฮงย่านเยาวราชมีประชาชนจำนวนมากที่มาซื้อทองคำตั้งแต่ร้านเปิด 09.30 น.จนร้านทองไม่สามารถขายทองได้ทันและมีการแจกบัตรคิวให้มารับทองอีกครั้งวันที่ 24 เมษายนนี้เนื่องจากปริมาณทองแท่งไม่พอขาย

โดยประชาชนให้เหตุผลว่ามาซื้อทองเนื่องจากราคาถูกลงมากจึงซื้อสะสมและบางส่วนก็ซื้อเพื่อการลงทุน

ด้านตลาด TFEX ช่วงเช้า (17 เม.ย.) แม้ในช่วงเปิดตลาด ราคาทองคำในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างแล้วก็ตามแต่ราคาทองคำกลับปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องโดยลดลงกว่า 10% ของราคาที่ส่งมอบล่าสุด จนต้องมีมติสั่งหยุดการซื้อขายสินค้าใน ThailandMetal ทั้งหมดเป็นการชั่วคราวอีกด้วย

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ให้ข้อเสนอแนะต่อวิกฤติภาวะทองคำขณะนี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายนเป็นต้นมาที่ราคาทองคำปิดตลาดที่ 21,350 บาท/บาททองคำ ราคาเปิดตลาดวันที่ 17 เมษายนราคาทองคำร่วงลงมาอยู่ที่ 19,350 บาท/บาททองคำ ลดลงไป 2,350 บาท ในส่วนของต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงจาก1,360.60 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ มาอยู่ที่ระดับ1,231 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ลดลงไป 185 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์

ดังนั้น ภาพรวมระยะสั้นน่าจะมีจังหวะของการซื้อคืนกลับไปได้บ้างเพราะว่าราคาลงมาเร็ว อาจมีระยะเวลาช่วงที่ดีดตัวกลับขึ้นไปได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือแรงขายในระยะที่ 1,400 -1,450 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ในระยะยาวถ้าดีดขึ้นไปรอบนี้ก็ต้องรอจังหวะที่ราคาจะอ่อนตัวลงมาใหม่ คงจะมีแนวรับในระดับที่ 1,200 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งถือว่าเป็นราคาต้นทุนของเหมืองทองในขณะนี้

ขณะที่ในส่วนของการบังคับขาย (ฟอร์สเซลส์) ที่จะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนหรือไม่นั้น นายณัฐพลมองว่าจะมีบ้างในกลุ่มผู้ค้าทองคำแท่งก่อนหน้านี้จะมีให้ซื้อขายบ้างเป็นรายๆไปไม่ได้เปิดเผยมากนักและก็ไม่ได้มีเยอะมาก แต่ที่มีข่าวลงเยอะๆ ก็จะมีโกลด์ ฟิวเจอร์ ซึ่งเมื่อมีราคาที่ตกลงมามาก จะมากกว่าราคาหลักประกันที่วางไว้จะเป็นตัวสำคัญที่ถูกบังคับให้ปิดสถานะการซื้อขายซึ่งในตลาดนักลงทุนจะได้รับผลกระทบบ้างพอสมควร

“หากมองในมุมปริมาณการซื้อขายที่เปิดตลาดขึ้นมาในตอนเช้า(17 เม.ย.)ถือว่าอยู่ในระดับที่ผิดปกติมากแต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกถ้าหากเราย้อนมองกลับไปเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในเดือน กันยายน-พฤศจิกายน ปี 2011 ราคาทองคำในตลาดโลก ณ ขณะนั้น อยู่ที่ 1,920 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ราคาร่วงลงมาในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์มาอยู่ที่ ระดับ 1,450 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ลงมาเกือบ 500 เหรียญสหรัฐ ราคาโกลด์ ฟิวเจอร์ ลดลงมากกว่าราคาทองแท่ง 700-500บาท/ต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นผลจากการบังคับขายและและการวิตกกังวลจึงพากันเทขายทองออกมาแนวโน้มระยะสั้น ยังไม่ใช่สัญญาณของการกลับตัว แต่เป็นเพียงการเด้งขึ้นในช่วงสั้นจากผลของการซื้อกลับเพื่อทำกำไรในช่วงสั้นมากกว่า ระยะกลางราคาทองคำจะยังซึมลงอย่างต่อเนื่องถึงแม้จะมีการเด้งกลับขึ้นมาเป็นการเด้งขึ้นในช่วงสั้นๆ แต่ระยะกลางอาจค่อยซึมลง อยากให้นักลงทุนอดทนรอ หรือสะสมถือยาวมากๆ เพราะทองคำพอหมดวงรอบในรอบ 12-15 ปีการซื้อตอนนี้น่าจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น ก็จะพักยาวในการปรับตัวขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ดี ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงและมีเสถียรภาพมากกว่าเงินในสกุลหลักหากมีเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น”

ด้าน ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า
การลดลงของราคาทองคำในช่วงวันหยุดสงกรานต์ของคนไทยนั้น ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของศูนย์วิจัยทองคำมากนักเพียงแต่การลดลงครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรงและรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึงโดยในวันศุกร์ที่ 12 เมษายน 2556 ราคาปิดลดลงจาก 1,561เหรียญต่อออนซ์มาปิดที่ราคา 1,477 เหรียญต่อออนซ์ หรือลดลงมา 84 เหรียญคิดเป็น 5.4 % และลดลงแบบดิ่งอย่างต่อเนื่องอีก 125 เหรียญ หรือ 8.5 % มาปิดในวันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2556 ที่ราคา 1,352 เหรียญต่อออนซ์ แค่ 2 วันราคาทองคำลดลงถึง 209 เหรียญหรือ 13.4%จากราคาปิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2556ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีและเมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดเมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้วพบว่าราคาทองคำลดลงจากราคา 1,781 เหรียญต่อออนซ์ หรือลดลงมาถึง 429เหรียญคิดเป็น 24.1%

กระนั้นก็ดี การลดลงของราคาทองคำครั้งนี้ส่งผลทางจิตวิทยาระยะสั้นต่อนักลงทุนทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นว่าทองคำจะเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนแต่ถ้าพิจารณาให้ดีแล้วการรลดลงของราคาทองคำครั้งนี้ไม่ใช่เกิดจากปัจจัยด้านพื้นฐานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเกิดจากปัจจัยด้านเทคนิคทำให้ตลาดเกิดอาการวิตกเทขายทองคำซึ่งเมื่อปัจจัยดังกล่าวหมดไป ราคาทองคำจะค่อย ๆ ขยับฟื้นขึ้น แต่อาจจะฟื้นตัวได้ไม่มากเนื่องจากแนวโน้มใหญ่ยังเป็นขาลง

ล่าสุด นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฯ (TFEX) กล่าวว่า กรณีที่ TFEX ได้ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับรายการการซื้อขายรายใหญ่หรือ block trade ของ gold futures โดยกำหนดจำนวนขั้นต่ำของการซื้อขายเป็น 1 สัญญาจากเดิมที่กำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 100 สัญญา เป็นการชั่วคราวนั้นพบว่าได้รับการตอบรับอย่างดีจากโบรกเกอร์ โดยมีปริมาณซื้อขาย block trade ทั้งหมด 240 สัญญา และจากความผันผวนอย่างรุนแรงของราคาทองคำและเงินในตลาดต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา สำนักหักบัญชีได้คำนวณและประกาศปรับเพิ่มอัตราหลักประกัน โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ที่ 22เมษายนนี้ ซึ่งจะปรับอัตราหลักประกันของ gold futures ขนาด 50บาททองคำเป็น 40,000 บาทต่อสัญญา gold futures ขนาด 10 บาททองคำเป็น8,000 บาทต่อสัญญา และ silver futures เป็น 5,500 บาทต่อสัญญา

ทั้งนี้จะส่งผลให้ผู้ลงทุนทั่วไปต้องวางหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) ของgold futures ขนาด 50 บาททองคำเป็น 76,000 บาทต่อสัญญา และ gold futures ขนาด 10 บาททองคำเป็น 15,200 บาทต่อสัญญา ส่วน silver futuresอยู่ที่ระดับ 10,450 บาทและด้วยสภาพตลาดโภคภัณฑ์ในช่วงนี้ที่มีความผันผวนมากผู้ลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมเงินสำรองไว้สำหรับการวางหลักประกันด้วย

นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่าแนวโน้มหลังจากนี้ไปเชื่อว่าราคายังสามารถปรับลดลงได้อีกเนื่องจากนักลงทุนประเมินไว้ว่า ราคาทองคำในช่วงนี้คงไม่สามารถยืนเหนือ1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 20,000 บาท ดังนั้น จึงอยากให้ผู้สนใจลงทุนในทองคำรอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามราคาทองคำที่ร่วงลงมาแรงขนาดนี้ ยังมั่นใจว่า คงไม่ถึงกับทำให้ร้านค้าทองได้รับผลกระทบ หรือต้องปิดกิจการลง เพราะส่วนใหญ่ร้านค้าทองก็มีการป้องกันความเสี่ยงไว้ดีอยู่แล้ว



กำลังโหลดความคิดเห็น