xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

“ผมอยากไปสวรรค์” - บุญชัย เบญจรงคกุล

เผยแพร่:   โดย: Good Health Smart Life




ณ วันนี้ “บุญชัย เบญจรงคกุล” คือชื่อที่ถือเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ เกรียวกราวไปทั่วเมือง ด้วยเรื่องรักอันหอมหวานระหว่างเขากับหญิงสาวคราวลูก “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” แต่อันที่จริง ชื่อของบุญชัย ไม่ใช่เพิ่งจะมาปรากฏบนพื้นที่สาธารณะ เพราะเขาคือคนดังบิ๊กเนมคนหนึ่งในแวดวงธุรกิจ

ตัวตนและความคิด ตลอดจนเรื่องราวความสำเร็จในชีวิตของอดีตเจ้าสัวเครือข่ายโทรคมนาคมอย่างดีแทค ได้รับการบอกเล่ามาแล้วแทบจะไม่เหลือที่ว่างให้กล่าวถึง กระนั้นก็ดี ด้วยมาดของผู้สูงวัยที่ยังคงกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วราวกับคนหนุ่ม ทำให้เป็นที่น่าสนใจว่า เขาสามารถรักษาพละกำลังเหล่านี้ไว้ได้อย่างไรไม่ให้ตกหล่น?

บ่ายแก่ๆ วันหนึ่ง ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย หรือ MOCA บุญชัย เบญจรงคกุล ให้โอกาสแก่ในการเข้าพบและสนทนา ชีวิตเมื่อวาน วันนี้ และวันข้างหน้า เรื่อยไปจนถึงภพหน้าหรือชาติต่อไป ผู้ชายวัย 58 คนนี้ นึกคิดอย่างไรกับตัวเอง และเพราะอะไร เขาถึงลั่นวาจาว่า “ผมอยากไปสวรรค์” บรรทัดถัดจากนี้ มีคำตอบ...

• 58 ปีที่ผ่านมา คุณคิดว่าชีวิตโดยรวมของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?
ก็มีบางสิ่งที่เราทำไปโดยประมาท ทำโดยไม่ยั้งคิด ทำโดยไม่ใส่ใจ เพราะตั้งแต่เรียนจบมาแล้ว เรารู้สึกเหมือนกับว่าถูกโยนเข้าไปในสถานการณ์ที่เราไม่ได้คาดหวัง เราเป็นลูกเศรษฐี ก็คิดว่าชีวิตคงสุขสบาย เรียนจบเมืองนอกมาก็คงจะมีโต๊ะทำงานให้ มีรถเก๋งให้ มีคนขับรถให้ เหมือนคุณหนูกลับบ้าน แต่จริงๆ มันไม่ใช่อย่างนั้น

• ถ้ากลับไปอดีตได้ อยากกลับไปแก้ไขอะไรหรือเปล่า?
เราอยากย้อนไปเพื่อทำให้คุณพ่อไม่ป่วย ชีวิตคงเปลี่ยนไป ช่วงที่พ่อป่วย ท่านก็พยายามสอนเราอย่างรวบรัด จัดให้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ เช่น ท่านส่งให้เราไปอยู่บริษัทประกันภัย ไปขายประกันวินาศภัย แล้วการขายแบบนี้ ค่าเบี้ยประกันมันก็น้อย ไม่เหมือนประกันชีวิตที่สูง มันไม่ใช่งานสบาย แต่การขายประกันมันเป็นสิ่งที่ยากที่สุดแล้วล่ะ เพราะว่ามันเป็นการขายความเชื่อถือ ความเชื่อมั่น กระดาษชุดหนึ่ง ตรงนั้นมันก็เหมือนเป็นสิ่งที่พ่อต้องการจะสอนเราว่า ถ้าเรามีความอดทน ก็สามารถจะทำทุกอย่างได้หมด พ่อบอกว่าถ้าขายประกันได้แล้ว จะไปขายเครื่องบินก็ง่ายเลย (ยิ้ม)

• ชีวิตผ่านพ้นมาแล้วทุกอย่างทั้งสุขและทุกข์ นับจากนี้คุณวางเข็มทิศชีวิตอย่างไรต่อไป?
ในหลักพุทธเรา ท่านสอนให้ตรวจสอบทบทวนตัวเองว่าชีวิตที่ผ่านมานั้น เราไม่ชอบอะไร เราไม่ชอบชีวิตแบบนี้ๆ เราอยากรูปหล่อ เราอยากสูงสัก 6 ฟุต 5 นิ้ว แต่มันดันเตี้ยแค่ 5 ฟุต 7 นิ้ว แล้วทำอย่างไรเราถึงจะได้รูปสมบัติที่ดีในโอกาสถัดไป เราเป็นคนพุทธ เราเชื่อเรื่องตายแล้วเกิดใหม่ เรื่องชีวิตคู่ ถ้าเป็นชาติหน้า เราก็อยากได้แบบว่าเจอแล้วใช่เลย ครองคู่กันไปอย่างสงบสุข ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร เราก็หมั่นทำทาน รักษาศีลให้ดี หน้าตาก็จะหล่อเหลางดงาม เราอยากเป็นผู้ชายอีกนะ เราจะได้บวช เรามุ่งแบบนั้น

ตอนนี้ จุดมุ่งหมายของเราคือ การมีความคิดที่ดี มีปัญญา ปัญญาก็เกิดจากการปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนาบ่อยๆ อาทิตย์หนึ่งผมก็ทำถึง 4 วัน วันละ 2 ชั่วโมง สวดมนต์ด้วย นั่งสมาธิภาวนา แผ่เมตตา นี่ก็คือสิ่งที่ผมเริ่มทำมาเจ็ดปีแล้ว

• สิ่งเหล่านั้นมันส่งผลต่อต่อเราอย่างไรบ้าง?
มันทำให้เราดำรงชีวิตในช่วงปัจฉิมวัยได้สบายขึ้น แทนที่เราจะไปเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เรารับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้มากขึ้น ทำให้เราไม่ประมาทกับการเตรียมตัวไปปรโลก เราพกบุญไปพอมั้ยที่จะทำให้เราไปดี คือมีคำถามๆ หนึ่งซึ่งพระท่านถามคนปฏิบัติธรรมว่า คุณโยม คิดว่าตายแล้วไปไหน สำหรับผมคิดว่าตายแล้วเราควรไปสวรรค์ ผมอยากไปสวรรค์ อย่างที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะของผม ก็มีภาพแสดงให้เห็นว่าสวรรค์เป็นอย่างไร สวรรค์ก็เสพสุขร้อยเปอร์เซ็นต์ นรกก็คือถูกทรมานร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนโลกมนุษย์ก็คือช่วงซื้อตั๋ว เราจะไปนรกหรือสวรรค์ก็เช่นนั้นเอง

ฉะนั้น เราจึงควรเตรียมตัวตัวเองให้ดีๆ ดีกว่า เรื่องที่ผ่านมาก็อย่าไปคิด ส่วนเรื่องที่ยังเผชิญอยู่ เราก็ทำให้ดีที่สุด ชีวิตการงาน ถ้าตั้งเป้าหมายไว้ไกล ก็พยายามไปให้ได้ ไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น ส่วนเรื่องสวรรค์ก็พยายามตั้งเป้าหมายให้ใหญ่เหมือนกันแล้วก็ทำให้ได้ ส่วนตัวผม จากคนที่ไม่เคยตื่นมาใส่บาตรได้ ผมก็ตื่นมาได้เป็นเดือนแล้ว เมื่อก่อน มันเกิดความขี้เกียจเพราะไม่อยากลุกจากที่นอน ก็คิดว่า เอ้อ! เดี๋ยวเอาตังค์ไปให้ที่วัดดีกว่า

เรื่องความขี้เกียจ มีอยู่วันหนึ่ง ผมตื่นมามาไม่ทันพระ จึงต้องขับรถตามท่านไปที่วัด เราก็มานั่งคิดว่า โอ้โห ท่านเดินมาเป็นชั่วโมงเพื่อมาบอกบุญเรา พอคิดแล้วมันทำให้เรารู้สึกอาย แล้วก็รู้สึกว่า เอ้อ! เรามีบุญนะ ท่านเดินมาโปรดขนาดนั้น ส่วนเราก็แค่ขยับตัวลุกขึ้นมาแปรงฟันล้างหน้าแล้วไปใส่บาตรถวายท่าน แค่นี้แหละก็ได้บุญแล้ว มันก็เป็นชัยชนะเล็กๆ ในใจเรา เป็นชัยชนะที่ทำให้เรามองทุกอย่างเปลี่ยนไป แน่นอนว่า ทุกวันของชีวิต มันไม่ได้โรยด้วยความสุขในแบบที่เราปรารถนา แต่พอเรารู้แล้ว เราก็ทนๆ ไปก่อน แต่มันไม่นานหรอก เพราะว่าในที่สุด เราก็ต้องได้ไปในที่ที่เป็นสุขคติ

• เท่าที่เห็น ดูคุณยังกระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว แถมมีคนรักที่ยังสาวและสวย คุณมีเคล็ดลับในการบริหารความหนุ่มของตัวเองอย่างไร?
คนเรานะ พอถึงอายุ 58 เหมือนกับผม ร่างกายมันจะเริ่มฟ้องแล้ว เมื่อวานยอกหลัง วันนี้ยอกเอว ถ้าเราไม่ออกกำลังกาย ตัวเราก็จะเหลว เนื้อหนังจะเริ่มห้อยย้อยแล้ว ยกของหนักก็ไม่ได้ เราก็ต้องไปออกกำลังกายซะ ส่วนเรื่องความคล่องแคล่วว่องไว ก็มาจากการฝึกโยคะหรือแอโรบิก ทีนี้ โยคะนี่ พอผมได้ฝึกได้ทำแล้ว ผมรู้สึกว่ามันดีต่อระบบภายในร่างกายอย่างมาก ทำให้เราแข็งแรงขึ้น เจ็บไข้ได้ป่วยน้อยลง ทนทานต่อการอดหลับอดนอนได้มากขึ้น ตอนนี้ก็พยายามทำทั้งสองอย่าง วันเว้นวัน

• ทานอาหารเสริมบ้างไหม?
ผมไม่ค่อยได้ไปใส่ใจนัก เพราะถ้าเรากินอาหารให้ครบหมวดหมู่ ก็เพียงพอแล้ว และที่สำคัญ พยายามลดของหวาน คนไทยเรากินของหวานเยอะ ก็เลยป่วยเป็นโรคไตกันมาก ไปโรงพยาบาลนี่จะรู้เลยว่าคนป่วยเป็นโรคไตมหาศาลเลย เพราะเป็นเบาหวาน คนอายุ 40-50 ปี เป็นเบาหวานเกินกว่าครึ่ง และเบาหวานก็นำไปสู่โรคอื่นๆ ได้เยอะ

สำหรับประวัติญาติๆ ผม อย่างคุณพ่อของผมเสียชีวิตตอนอายุ 55 ปี คุณอา 54 คุณลุง 56 คุณปู่ 50 น้า 53 ป้า 48 เจ็บไข้ได้ป่วยกันทั้งนั้น เราก็ต้องมาดูว่า ถ้าเราจะเลยไป อยู่ยาวๆ ไม่ใช่ว่า 58 ปี ตาย (หัวเราะ) ดังนั้น เราจะทำอย่างไร ก็ต้องมาดูเรื่องสุขภาพ ตับไตไส้พุงเราต้องดีนะ ต้องดูชีวิตให้มีคุณภาพ พยายามกลุ้มใจให้น้อย ที่จริง เรื่องกลุ้มใจมันก็เข้ามาเรื่อยๆ นะ แต่เราก็พยายามสู้กับมัน พยายามทำใจ การนั่งสมาธิและแผ่เมตตาก็จะช่วยได้

• การหันมาดูแลสุขภาพ เห็นว่าเรื่องเหล้ายา ก็ไม่แตะมาหลายปีแล้ว?
เราเคยสูบบุหรี่วันละสองซอง ตอนเป็นเซลล์แมนขายประกัน สูบวันละสองซองนี่ถือว่ายังน้อยนะ เซลล์แมนขายประกันมันเป็นมนุษย์ประหลาดนะ พระอาจารย์ของผมยังแซวเลยว่า ถ้าไม่อยากให้ใครคบด้วย ไปพิมพ์นามบัตรเป็นคนขายประกันสิ (หัวเราะ)

• แล้วทำไมถึงเลิกได้?
ก็เพราะเคยมีคนมาปรามาสเราว่า ไม่ต้องไปทำร้ายมันหรอก เดี๋ยวมันก็ตายเองแหละ มันสูบบุหรี่วันละสองซอง พอวันนั้นเราได้ยินก็ดับบุหรี่แล้วก็เลิกเลย และเราก็บอก เออ กูไม่ตาย กูจะรอมึงนั่นแหละตายก่อน (หัวเราะ)

ส่วนเรื่องเหล้า ผมเลิกมาเจ็ดปีแล้ว เลิกนี่หมายความว่าตอนเข้าสังคมก็ไม่ดื่มนะ แต่ก่อนก็อาจจะจิบบ้างเวลาไปงานบางงาน จิบไวน์บ้าง เดี๋ยวนี้ไม่ดื่มเลย เพราะของพวกนี้มันจะส่งผลให้เวลาเราแก่ตัวลง มันทำให้เราเป็นอัลไซเมอร์ แต่อีกหนึ่งเหตุผล มันเนื่องมาจากว่าวันหนึ่ง ผมได้ดูเรื่องนรกชั้นที่เขาทรมานพวกสัตว์นรกที่เคยดื่มเหล้าตอนเป็นคน และเราก็กลับมาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

ปกติ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยยอมคน เวลาดื่ม ระดับของการไม่ยอมใครมันก็จะมากขึ้น เช่น เราดื่มเมาแล้วหยิบเอาไม้ไปฟาดที่โต๊ะคนอื่นและถามว่า มึงหัวเราะเหี้ยอะไร โต๊ะนั้นผู้ชายนั่งอยู่ห้าคน เรามีคนเดียว แต่เราโชคดีที่เขาก็ยกมือไหว้ แล้วพูดว่า “เปล่าครับพี่ เพื่อนผมมันบอกว่ามันรู้จักพี่” เราก็ว่า “มึงรู้จัก ทำไมมึงไม่มาทักกูวะ” แล้วก็จบไป เราก็มาคิดว่า คราวหน้ามันอาจจะไม่โชคดีเหมือนอย่างครั้งนี้ คือเรารู้ว่าเรากินเหล้าแล้วเราควบคุมตัวเองไม่ได้ เราไม่ใช่ประเภทแบบว่าดื่มแล้วนั่งยิ้มๆ เงียบๆ น่ะ แต่จะนั่งตาขวาง แล้วมีอยู่ครั้งที่ขับรถชนรถบรรทุกเพราะเมาเหล้า แต่เราอาจจะยังมีบุญอยู่ มันก็เลยมีอะไรมาส่งสัญญาณเตือน บาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ และพอเรารู้ตัวอย่างนั้น เราก็เลิกเลย

อีกอย่าง สมัยก่อน คนในบริษัท ผมชวนพวกเขาไปเมา ง่ายนิดเดียว บอกว่าวันนี้เลี้ยง ก็จะไปเมาพร้อมกัน 60-70 คน แล้วมีอยู่คืนหนึ่ง ไปดื่มจนเมาแล้วก็ร้องเพลงกันดังมาก ร้านเขาก็หนวกหู แต่เขาก็ไม่กล้ามายุ่งกับเรา เพราะว่าเรามีคนเยอะ แล้วแต่ละคนก็มีคนรถหมด มันดูเหมือนแก๊งสเตอร์ใหญ่ๆ แล้วที่แย่ที่สุดในคืนนั้นคือ พอกลับบ้าน ไม่มีใครจ่ายตังค์ (หัวเราะ) มันดูไม่ดีมากๆ นะ แล้วเดี๋ยวนี้ เราทำงานที่เป็นสาธารณะอย่าง “สำนึกรักบ้านเกิด” และ “ร่วมด้วยช่วยกัน” เขาก็ไปเก็บภาพคืนนั้นมา “นี่ พวกทำงานสำนึกรักบ้านเกิด เมาแล้วแหกปากร้องเพลง แถมไม่จ่ายตังค์อีก” แล้ววันนั้นกินกันไปเป็นแสนเลยนะ เราก็มานั่งคิดว่า นี่เหรอวะ ชีวิตที่เราจะใช้เป็นตัวอย่างให้กับคนในสังคม ก็เลยเลิก

• ทุกวันนี้ยังมีความคาดหวังกับเรื่องอะไรบ้างไหม?
คือเราก็หยอดน้ำหยอดยาให้กับคนเฒ่าคนแก่มาหลายคนแล้วนะครับ ทุกวันนี้ก็มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนที่เราคอยให้พยาบาลดูแล เราก็อยากอยู่ตราบเท่าที่ยังเดินได้ ยังทำบุญได้ ยังสามารถที่จะดูแลลูกหลาน สร้างประโยชน์ให้สังคม และปฏิบัติธรรมได้ ถ้ามันอยู่แล้วร่างกายทำงานได้แค่ 75 ก็แค่ 75 ปีก็ได้ แต่ไม่ได้รอนะครับ เพราะว่าผมพร้อมตายทุกวัน สมบัติก็แบ่งให้ลูกๆ เรียบร้อยแล้ว มีที่ยังไม่แบ่งก็เป็นของที่เพิ่งมามีในปัจจุบันนี้ ซึ่งเราตายแล้วลูกๆ ค่อยไปแบ่งกัน พินัยกรรมเราก็เขียนแล้ว

• การที่เราคิดว่าเราพร้อมตายได้ทุกเมื่อ มันทำให้จิตใจเราเป็นอย่างไรบ้าง?
ในมุมมองของผม ผมเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย อย่างคำถามที่พระอาจารย์ถามผมว่า คุณโยมคิดว่าตายแล้วไปไหน ตอนแรกๆ ผมไม่กล้าตอบ เพราะเราเคยยิงนกตกปลาตั้งแต่เด็กๆ เคยกินเหล้า เคยโกหก ทำสารพัด แต่เดี๋ยวนี้ เรารู้แล้วว่า บุญที่เราสร้างด้วยความตั้งใจ กับความดีที่เราทำ เราเชื่ออย่างยิ่งว่าเราไปสวรรค์ เราอยากไปสวรรค์ชั้นที่สี่ คือชั้นดุสิต สวรรค์ชั้นดุสิต ต่างจากสวรรค์ชั้นอื่นๆ ทั้งหมดหกชั้นก็ตรงที่จะลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสร้างกุศลเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องรอให้จุติเมื่อหมดบุญ อันนั้นคือสิ่งที่เราเชื่อ และบุญที่เราทำ ก็เชื่อว่ามันจะทำให้เราไปถึงชั้นดาวดึงส์ได้ คือชั้นที่สองที่พระอินทร์อยู่ แล้วก็มีการปฏิบัติธรรมที่ชั้นนั้นด้วย

ดังนั้น ตายพรุ่งนี้เลยก็ดี เราจะได้ไปสวรรค์ชั้นดุสิต สวรรค์มันไม่มีเหงื่อ ไม่ต้องปวดท้องเข้าห้องน้ำ ไม่ต้องมายกกล้ามเข้าฟิตเนส (หัวเราะ) ไม่มีป่วย ไม่มีแก่ หน้าเด้งตลอด แล้วก็อยู่อย่างนั้นประมาณ 36 ล้านปี ทุกคนหล่อหมด สวยหมด แต่หน้าตาเหมือนกันหมดเลยนะ แบบเดียวกับที่เราเห็นในภาพเขียนของอาจารย์เฉลิม นาคีรักษ์ ซึ่งท่านเขียนภาพคนหน้าตาเหมือนกันหมด นั่นคือกฎของสวรรค์ คนทำดีมันก็หน้าตาดีเหมือนกันหมด ต่างกันแค่รัศมีหรือออร่า

• แสดงว่าตอนนี้ไม่กลัวอะไรแล้ว?
ไม่กลัวแล้ว มันไม่น่ากลัว ถ้าเราเตรียมตัวดีแล้ว มันไม่ต้องกลัวอะไร อายุใกล้ 60 ใกล้เกษียน ก็ไม่ต้องกลัว เพราะว่าเราสั่งสมไว้มากมายพอที่จะดูแลตัวเองได้ อีกปีกว่า ผมเชื่อว่าลูกค้าที่พิพิธภัณฑ์ก็คงมากขึ้น อย่างน้อย ถึงตอนนั้น เราก็มานั่งคุยกับคนที่เขามาดูงานศิลปะ มันก็เพลินดีนะ คุณไม่ต้องมาคุยเรื่องตลาดหลักทรัพย์กับผม ผมไม่สนใจแล้ว ไม่ต้องมาคุยเรื่อง กสทช. หรือ 3G 4G อะไร ผมไม่อยากรู้แล้ว ส่วนงานช่วยเหลือสังคม เราก็ทำไปเรื่อยๆ พระพุทธศาสนาสอนว่า ถ้าอยากเป็นใหญ่ท่ามกลางฝูงชน ต้องรับใช้คนอื่นเขาชาติหนึ่งก่อน สวรรค์กับนรก ผมขอขยายความก่อน คือไม่ใช่ชาติหน้านะครับ ชาติหน้านี่มาหลังจากสวรรค์กับนรก สวรรค์กับนรกคือที่พักระหว่างทาง พักเพื่อให้เขาอัดหรือว่าพักเพื่อเราจะเสพสุข แล้วแต่เราเลือก ถ้าเราเลือกว่าจะให้เขาอัด ก็ทำชั่วลงไปเยอะๆ สิ คนที่เขาไปแล้วถูกอัดอยู่ เขาไม่กลับมาเล่าให้เรารู้หรอก เวลาในนรกและสวรรค์มันก็นานมาก

ทีนี้ ถามว่าทำไมผมต้องทำอะไรเพื่อสังคม คือมันดีต่อตัวเราเอง เพราะอย่างที่บอกไว้ว่า ถ้าเราอยากเกิดเป็นใหญ่ เราก็ต้องบริการเขาก่อน ถ้าอยากเกิดมารวย ก็ต้องหมั่นให้ ทำทานเยอะๆ ชาติหน้าจะได้มีเยอะ อยากฉลาดก็ต้องพยายามนั่งสมาธิ อยากหน้าตาดี อยากสุขภาพดี ก็รักษาศีล ศีลข้อที่หนึ่งก็ทำให้เราไม่ป่วย ไม่เป็นโรคโน้นโรคนี้ เพราะเราไม่ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตใคร ศีลข้อสอง ถ้าเราไม่ลักทรัพย์ใคร ชาติต่อไปเราก็ไม่ต้องไปสูญเสียอะไร





กำลังโหลดความคิดเห็น