เมษายนปีนี้ คาดกันว่าจะเป็นเดือนที่ร้อนจัด และไม่ร้อนเฉพาะอุณภูมิเท่านั้น แต่สถานการณ์การเมืองจะระอุถึงจุดเดือดด้วย
ถ้าประเมินถึงความเคลื่อนไหวทางการเมือง มีหลายประเด็นเหมือนกันที่เป็นชนวนเหตุการณ์ความรุนแรง โดยเฉพาะการผลักดันกฎหมายสำคัญๆ เข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ไล่กันตั้งแต่ พ.ร.บ.เงินกู้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท การผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการรายงานข้อมูลกรณีปราสาทพระวิหารให้ศาลโลก
แต่ละประเด็นเป็นเรื่องร้อน และสามารถจุดชนวนความขัดแย้งให้ลุกลามบานปลายจนนำไปสู่สถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองได้ แต่ทุกประเด็นถูกบงการมาแล้ว จะต้องเดินหน้าอย่างเต็มสูบ
และคนบงการก็เข้ามานั่งบัญชาการอยู่ใกล้ประเทศไทยแล้ว
สัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปปักหลักที่ฮ่องกง โดยมีรัฐมนตรีหน้า “ขี้ข้า” หลายคนทยอยเดินทางไปพบ เช่นเดียวกับแกนนำคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง
พ.ต.ท.ทักษิณส่งสัญญาณมาก่อนหน้าแล้วว่า จะต้องฝ่าด่าน ผลักดันกฎหมายสำคัญผ่านให้ได้ และไม่เพียงกำชับ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเรียกกองหนุน เตรียมระดมมวลชนคนเสื้อแดงมาใช้ในงานนี้ด้วย
ถ้ากฎหมายทั้งหมดผ่านมติที่ประชุมสภาฯ พ.ต.ท.ทักษิณจะบรรลุความใฝ่ฝันทั้งหมด ทั้งกล่อง ได้ทั้งเงิน ได้ล้างมลทินและจะได้อำนาจกลับคืนมา
พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท จะถูกแปรธาตุเป็นทุนก้อนมหึมาของกระกูลชินวัตร สามารถนำไปใช้กว้านนักการเมืองและข้าราชการให้ยอมเข้ามาเป็น “ขี้ข้า” อีกมากมาย
พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะล้างมลทินให้คนเสื้อแดงที่มีคดีติดตัว โดยไม่ว่าจะก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนไว้อย่างไร จะเผาบ้านเผาเมืองบรรลัยขนาดไหน ความผิดจะถูกลบล้างหมด ซึ่งจะทำให้คนเสื้อแดงเหิมเกริมหนักขึ้น
เพราะกฎหมายที่ใช้กับประชาชนทุกคน ไม่สามารถบังคับใช้กับคนเสื้อแดงได้ เนื่องจากสามารถใช้อำนาจทางการเมืองทำลายล้างได้ แม้แต่กระบวนการยุติธรรม
และเมื่อล้างผิดให้คนเสื้อแดงได้ การล้างมลทินให้พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นเครื่องมือที่ผลักดันออกมาเพื่อกำจัดองค์กรและกลุ่มคน ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณถือว่าเป็นเสี้ยนหนาม ทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำอะไรไม่ได้หนำใจ ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญหรือวุฒิสมาชิกที่มาจากการสรรหา
ถ้ากฎหมายทั้ง 3 ฉบับผ่าน ตระกูลชินวัตรจะไม่ได้เฉพาะผลประโยชน์มหาศาล แต่จะได้อำนาจที่ไร้ขีดจำกัด และไม่มีใครสามารถขวางทางการสถาปนาขึ้นสู่การปกครองอย่างเบ็ดเสร็จได้
กรณีปราสาทพระวิหาร แม้ศาลโลกยังไม่ได้ตัดสิน แต่ท่าทีของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ส่ออาการมาตลอดว่า
ไทยจะแพ้คดีเขมร ซึ่งหมายถึงประเทศจะเสียดินแดน ทรัพยากรปิโตรเลียมบนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล มูลค่าไม่อาจประเมินได้ ก็มีแนวโน้มว่า คนไทยจะเสียเปรียบเขมรด้วย
เรื่องร้ายแรงที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์กำลังเดินหน้า จะปล่อยประชาชนที่มีความห่วงใยต่อชะตากรรมของประเทศ นิ่งดูดายได้อย่างไร จะปล่อยให้คนที่มีสำนึกความรับผิดชอบต่ออนาคตของลูกหลานนั่งอยู่เฉยหรือ
อำนาจของพ.ต.ท.ทักษิณครอบงำไปแทบทั้งระบบแล้ว จนทำให้พ.ต.ท.ทักษิณมีความมั่นใจถึงขีดสุด ต้องการอะไรจะต้องได้ อยากจะทำอะไรก็ทำ และบงการให้ลูกสมุนเดินทางไปรับใบสั่งถึงเกาะฮ่องกง
กฎหมายสำคัญๆ “ของ” รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ “โดย” พ.ต.ท.ทักษิณ “เพื่อ” พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องผ่านสภาฯ ให้ได้ ไม่ว่าจะถูกคัดค้าน ถูกต่อต้าน หรือจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองอย่างไรก็ตาม
พ.ต.ท.ทักษิณเปิดหน้าชกแล้ว พร้อมจะชนกับใครก็ได้ที่บังอาจมาขวางแผนการใหญ่
แต่ประชาชนยอมก้มหัวให้พ.ต.ท.ทักษิณทั้งประเทศแล้วหรือ
ใครจะยอมขายวิญญาณ ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้ “ทักษิณ” ก็ช่างหัว ใครยอมสูญสิ้นศักดิ์ศรีของความเป็นคน ยอมเป็นลูกสมุนของนักการเมืองปล้นบ้านปล้นเมืองก็ช่างหัว
แต่คนจำนวนหนึ่งพร้อมจะยืนหยัดต่อต้านอย่างหัวชนฝา เพราะถ้าแผนการใหญ่ของพ.ต.ท.ทักษิณบรรลุเป้า ประเทศจะวอดวาย ประชาชนจะถูกกดหัวอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ ไม่มีสิทธิมีเสียง ไม่ต้องเรียกหาความยุติธรรม ไม่ต้องร้องหาโอกาสที่เท่าเทียมในสังคม
เพราะตระกูลชินวัตรและกลุ่มลูกสมุนจะสถาปนาตัวเองเป็นพระเจ้าที่ชี้เป็นชี้ตายทุกอย่าง
ไม่อาจประเมินถึงดีกรีความร้อนระอุของสถานการณ์การเมืองในเดือนเมษายนปีนี้ได้ แต่เชื้อของความวุ่นวายเริ่มปะทุขึ้นมาแล้ว และถ้ายังดึงดันกฎหมายสำคัญทั้ง 3 ฉบับออกให้ได้ ประชาชนคงยอมไม่ได้แน่
แพกเกจกฎหมายชุดใหญ่ เพื่อกล่อง เพื่อเงิน เพื่ออำนาจ และเพื่อการสถาปนาระบอบทักษิณอย่างเบ็ดเสร็จ ถ้ายอมให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ทำได้ตามใจชอบ คนไทยทั้งประเทศคงไม่มีโอกาสโงหัวอีก
ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้ ไม่รวมพลังต่อต้าน ลงนามข้อตกลงยกประเทศไทยให้ตระกูลชินวัตรไปเลยดีกว่า
ถ้าประเมินถึงความเคลื่อนไหวทางการเมือง มีหลายประเด็นเหมือนกันที่เป็นชนวนเหตุการณ์ความรุนแรง โดยเฉพาะการผลักดันกฎหมายสำคัญๆ เข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ไล่กันตั้งแต่ พ.ร.บ.เงินกู้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท การผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการรายงานข้อมูลกรณีปราสาทพระวิหารให้ศาลโลก
แต่ละประเด็นเป็นเรื่องร้อน และสามารถจุดชนวนความขัดแย้งให้ลุกลามบานปลายจนนำไปสู่สถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองได้ แต่ทุกประเด็นถูกบงการมาแล้ว จะต้องเดินหน้าอย่างเต็มสูบ
และคนบงการก็เข้ามานั่งบัญชาการอยู่ใกล้ประเทศไทยแล้ว
สัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปปักหลักที่ฮ่องกง โดยมีรัฐมนตรีหน้า “ขี้ข้า” หลายคนทยอยเดินทางไปพบ เช่นเดียวกับแกนนำคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง
พ.ต.ท.ทักษิณส่งสัญญาณมาก่อนหน้าแล้วว่า จะต้องฝ่าด่าน ผลักดันกฎหมายสำคัญผ่านให้ได้ และไม่เพียงกำชับ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเรียกกองหนุน เตรียมระดมมวลชนคนเสื้อแดงมาใช้ในงานนี้ด้วย
ถ้ากฎหมายทั้งหมดผ่านมติที่ประชุมสภาฯ พ.ต.ท.ทักษิณจะบรรลุความใฝ่ฝันทั้งหมด ทั้งกล่อง ได้ทั้งเงิน ได้ล้างมลทินและจะได้อำนาจกลับคืนมา
พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท จะถูกแปรธาตุเป็นทุนก้อนมหึมาของกระกูลชินวัตร สามารถนำไปใช้กว้านนักการเมืองและข้าราชการให้ยอมเข้ามาเป็น “ขี้ข้า” อีกมากมาย
พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะล้างมลทินให้คนเสื้อแดงที่มีคดีติดตัว โดยไม่ว่าจะก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนไว้อย่างไร จะเผาบ้านเผาเมืองบรรลัยขนาดไหน ความผิดจะถูกลบล้างหมด ซึ่งจะทำให้คนเสื้อแดงเหิมเกริมหนักขึ้น
เพราะกฎหมายที่ใช้กับประชาชนทุกคน ไม่สามารถบังคับใช้กับคนเสื้อแดงได้ เนื่องจากสามารถใช้อำนาจทางการเมืองทำลายล้างได้ แม้แต่กระบวนการยุติธรรม
และเมื่อล้างผิดให้คนเสื้อแดงได้ การล้างมลทินให้พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นเครื่องมือที่ผลักดันออกมาเพื่อกำจัดองค์กรและกลุ่มคน ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณถือว่าเป็นเสี้ยนหนาม ทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำอะไรไม่ได้หนำใจ ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญหรือวุฒิสมาชิกที่มาจากการสรรหา
ถ้ากฎหมายทั้ง 3 ฉบับผ่าน ตระกูลชินวัตรจะไม่ได้เฉพาะผลประโยชน์มหาศาล แต่จะได้อำนาจที่ไร้ขีดจำกัด และไม่มีใครสามารถขวางทางการสถาปนาขึ้นสู่การปกครองอย่างเบ็ดเสร็จได้
กรณีปราสาทพระวิหาร แม้ศาลโลกยังไม่ได้ตัดสิน แต่ท่าทีของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ส่ออาการมาตลอดว่า
ไทยจะแพ้คดีเขมร ซึ่งหมายถึงประเทศจะเสียดินแดน ทรัพยากรปิโตรเลียมบนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล มูลค่าไม่อาจประเมินได้ ก็มีแนวโน้มว่า คนไทยจะเสียเปรียบเขมรด้วย
เรื่องร้ายแรงที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์กำลังเดินหน้า จะปล่อยประชาชนที่มีความห่วงใยต่อชะตากรรมของประเทศ นิ่งดูดายได้อย่างไร จะปล่อยให้คนที่มีสำนึกความรับผิดชอบต่ออนาคตของลูกหลานนั่งอยู่เฉยหรือ
อำนาจของพ.ต.ท.ทักษิณครอบงำไปแทบทั้งระบบแล้ว จนทำให้พ.ต.ท.ทักษิณมีความมั่นใจถึงขีดสุด ต้องการอะไรจะต้องได้ อยากจะทำอะไรก็ทำ และบงการให้ลูกสมุนเดินทางไปรับใบสั่งถึงเกาะฮ่องกง
กฎหมายสำคัญๆ “ของ” รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ “โดย” พ.ต.ท.ทักษิณ “เพื่อ” พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องผ่านสภาฯ ให้ได้ ไม่ว่าจะถูกคัดค้าน ถูกต่อต้าน หรือจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองอย่างไรก็ตาม
พ.ต.ท.ทักษิณเปิดหน้าชกแล้ว พร้อมจะชนกับใครก็ได้ที่บังอาจมาขวางแผนการใหญ่
แต่ประชาชนยอมก้มหัวให้พ.ต.ท.ทักษิณทั้งประเทศแล้วหรือ
ใครจะยอมขายวิญญาณ ยอมเป็นขี้ข้ารับใช้ “ทักษิณ” ก็ช่างหัว ใครยอมสูญสิ้นศักดิ์ศรีของความเป็นคน ยอมเป็นลูกสมุนของนักการเมืองปล้นบ้านปล้นเมืองก็ช่างหัว
แต่คนจำนวนหนึ่งพร้อมจะยืนหยัดต่อต้านอย่างหัวชนฝา เพราะถ้าแผนการใหญ่ของพ.ต.ท.ทักษิณบรรลุเป้า ประเทศจะวอดวาย ประชาชนจะถูกกดหัวอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ ไม่มีสิทธิมีเสียง ไม่ต้องเรียกหาความยุติธรรม ไม่ต้องร้องหาโอกาสที่เท่าเทียมในสังคม
เพราะตระกูลชินวัตรและกลุ่มลูกสมุนจะสถาปนาตัวเองเป็นพระเจ้าที่ชี้เป็นชี้ตายทุกอย่าง
ไม่อาจประเมินถึงดีกรีความร้อนระอุของสถานการณ์การเมืองในเดือนเมษายนปีนี้ได้ แต่เชื้อของความวุ่นวายเริ่มปะทุขึ้นมาแล้ว และถ้ายังดึงดันกฎหมายสำคัญทั้ง 3 ฉบับออกให้ได้ ประชาชนคงยอมไม่ได้แน่
แพกเกจกฎหมายชุดใหญ่ เพื่อกล่อง เพื่อเงิน เพื่ออำนาจ และเพื่อการสถาปนาระบอบทักษิณอย่างเบ็ดเสร็จ ถ้ายอมให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ทำได้ตามใจชอบ คนไทยทั้งประเทศคงไม่มีโอกาสโงหัวอีก
ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้ ไม่รวมพลังต่อต้าน ลงนามข้อตกลงยกประเทศไทยให้ตระกูลชินวัตรไปเลยดีกว่า