ASTVผู้จัดการรายวัน - กลุ่ม 40 ส.ว.เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญเอาผิด "ครม.ปู-ส.ส.เพื่อไทย" หลังรับคำสั่ง "แม้ว" ผ่านสไกป์ เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ทำลายกลไกตรวจสอบของประชาชน ปชป.ชี้สัญญาณร้าย แก้มาตรา 68 เสร็จก่อน แล้วฉีกทิ้งทั้งฉบับ นปช.แย้มดัน พ.ร.บ.นิรโทษ เข้าสภาฯ สมัยนี้แน่นอน "ตู่-ธิดาแดง" บินรับคำสั่ง "แม้ว" ที่ฮ่องกง ลือหึ่ง "เหลิม"ไปด้วย แดงแช่ง "ปู" ไม่รอด โดน ป.ป.ช.สอย แถมเพ้อเจ้อเป็นแผนบันได 4 ขั้นสู่รัฐประหาร
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวในการประชุมวุฒิสภา วานนี้ (25มี.ค.) ว่า ก่อนหน้านั้นมี นสพ.นิวยอร์กไทม์ ได้รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ใช้สไกป์เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อทำหน้าที่บริหารประเทศ และร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยสามารถใช้อำนาจของตนเองเต็มพิกัดในการปกครองประเทศไทย จากบ้านพักในนครดูไบ และบ้านพักในกรุงลอนดอน รวมทั้งโรงแรมในฮ่องกง และเป็นที่ทราบว่า โครงการจำนำข้าวสร้างความเสียหายให้กับประเทศ โครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่จะสร้างหนี้สินทั่วประเทศนั้น ล้วนมาจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สไกป์ทั้งสิ้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้สไกป์สั่งการไปยังรัฐมนตรี ส.ส. ที่มาประชุมพรรคเพื่อไทย ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการแก้ไขเพื่อทำลายกลไกตรวจสอบถ่วงดุลของประชาชน องค์กรอิสระ ศาล และวุฒิสภา เพื่อขยายอำนาจให้ฝ่ายรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น ไม่ให้มีการตรวจสอบในการทุจริตในโครงการจำนำข้าว และโครงการเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท
นอกจากนั้น ยังได้สั่งการในวันนั้นอีกว่า ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาให้เป็น รัฐมนตรี การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ร่วมกับรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เป็นการทำการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ในวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นความผิดตาม มาตรา 68 ตนในฐานะเป็นผู้ทราบการกระทำดังกล่าว จะหารือกับเพื่อนส.ว. เพื่อใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เสนอเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐมนตรี และส.ส.พรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำดังกล่าว โดยจะเสนอในเร็วๆ นี้
**"ประสาร"ถามปธ.วุฒิฯ สมควรตายไหม?
นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา ได้หารือต่อที่ประชุมวุฒิสภาที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช เป็นประธาน ว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 กำหนดให้ผู้ที่ยื่นพิทักษ์รัฐธรรมนูญต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น แต่เนื้อหาของมาตรา 68 คือ การพิทักษ์สิทธิของประชาชน ตอกย้ำด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2555 ที่ชี้ว่า การมีอยู่ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และ 69 เพื่อเป็นการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และจากรายงานการประชุมของสภาร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2540 และ 2550 ก็มีเจตนารมณ์ร่วมกันให้ประชาชนสามารถพิทักษ์รัฐธรรมนูญผ่านกลไกของศาลรัฐธรรมนูญ การตีความผู้มีสิทธิเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จึงควรตีความไปในแนวของการยอมรับสิทธิ มิใช่การจำกัดสิทธิ์ เพื่อให้ศาลสามารถเข้ามาตรวจสอบการกระทำที่อาจมีปัญหาตาม มาตรา 68 วรรค 1 เพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญได้ ตามกฎหมาย
"ไม่ควรจำกัดสิทธิประชาชน ทำไมถึงมาละเมิดสิทธิ์ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จำกัดสิทธิ ละเมิดสิทธิถือเป็นการใจร้ายกับประชาชนหรือไม่ ในเมื่อสิทธิของประชาชนมีอยู่ เช่นนั้นแล้วการใจร้ายกับประชาชน สมควรตายไหม"
** แก้ม.68 นำไปสู่การฉีกทิ้งทั้งฉบับ
นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และทีมกฎหมายพรรค กล่าวถึงการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ของส.ส.รัฐบาล และส.ว.เลือกตั้ง ว่า ตนให้ความสนใจกับการแก้ไขมาตรา 68 เพราะถือเป็นกุญแจสำคัญ ในการลิดรอนอำนาจของประชาชน และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามอำเภอใจอย่างเต็มรูปแบบ เพราะมาตรา 68 เป็นหัวใจสำคัญในการตรวจสอบความชอบของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่า ประชาชนที่เห็นว่ามีการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สามารถยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ จึงถือเป็นเสี้ยนหนามของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องพังลงไม่เป็นท่า
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 จึงเชื่อได้ว่า เป็นการปูทางเพื่อเปิดช่องให้ล้มล้างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ปิดอำนาจประชาชน และศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะคอยตรวจสอบถ่วงดุลย์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จึงเชื่อว่าจะมีหลายฝ่ายออกมาคัดค้าน รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะคัดค้านเรื่องนี้ด้วย
**รอกู้ 2 ล้านล้านเสร็จแก้รัฐธรรมนูญทันที
นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญที่ ส.ส.และ ส.ว.ได้ร่วมกันกำหนดในการแก้ไขรายมาตรานั้น ยังไม่ได้มีการกำหนดแน่นอนว่าจะมีการพิจารณาวันไหน แต่ขอให้การพิจารณา พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เสร็จเรียบร้อยก่อน จะมีการกำหนดวันอีกครั้งหนึ่ง โดยคาดว่าน่าจะเป็นต้นเดือนเม.ย. แต่ยังไม่สามารถระบุวันได้
ส่วนจะมีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ นายนิยม วรปัญญา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยเสนอ มาพิจารณาด้วยหรือไม่นั้น คิดว่า คงยังไม่พิจารณา เพราะจะพิจารณาเรื่องงบประมาณก่อน และจะต่อด้วยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า หาก ส.ส.มีการใช้เอกสิทธิ์ เพื่อยื่นเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายอำนวย กล่าวว่า การเลื่อนระเบียบวาระนั้น อยู่ที่ว่ามีคนรับรองครบถ้วนหรือไม่ ทั้งนี้ ตัวนายนิยมเองไม่มีปัญหา
**ดันพ.ร.บ.นิรโทษฯสมัยประชุมนี้
น.พ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวยืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะนิรโทษแก่ผู้กระทำผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองจะได้รับการพิจารณาทันสมัยการประชุมนี้ โดยขณะนี้ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี และตน รวมถึง กลุ่มส.ส.ที่ร่วมเสนอชื่อ ได้ทยอยพูดคุยทำความเข้าใจกับส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคภูมิใจไทย ให้ยกมือสนับสนุนเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาพิจารณาก่อน จึงไม่อยากให้ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ด่วนสรุปว่าจะไม่มีการเลื่อน และไม่ได้พิจารณาในสมัยประชุมนี้ เพราะการเลื่อนร่างพ.ร.บ.เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. ไม่ใช่สิทธิ์ของรองประธานสภา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คงต้องหลีกทางให้ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้รับการพิจารณาก่อน จากนั้นในสัปดาห์ถัดไป จะใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. เลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษ ขึ้นมาพิจารณาแน่นอน อย่างน้อยที่สุดให้ผ่านขั้นตอนการรับหลักการในวาระแรก หากการตั้งคณะกรรมาธิการ หรือผ่านการพิจารณาในวาระ 2 และ 3 หากไม่ทัน ก็สามารถเลื่อนไปสมัยประชุมหน้าได้
**"ตู่-ธิดาแดง"คลานพบ"แม้ว"ที่ฮ่องกง
นายสมหวัง อัสราษี ผู้ช่วยเลขานุการรมว.พาณิชย์ ในฐานะรองประธานกลุ่ม นปช. กล่าวว่า เห็นด้วยกับวิปรัฐบาล ที่จะเร่งเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ก่อนการผลักดันร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง เพราะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเร่งด่วน และมีแรงต่อต้านไม่มากนัก แต่หากเร่งออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมตอนนี้ อาจเกิดแรงต่อต้านมากจนส่งผลกระทบต่อรัฐบาลได้
ทั้งนี้ วันนี้ (26 มี.ค.) นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. นายนิสิต สินธุไพร ประธานนปช. ภาคอีสาน พร้อมด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. จะเป็นตัวแทน นปช. เดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เกาะฮ่องกง เพื่อหารือถึงทิศทางทางการเมือง และแนวทางการการเคลื่อนไหวต่อไป ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น ต้องรอให้คณะของนางธิดากลับมาก่อน และจะมีการประชุมแกนนำ นปช. ในวันที่ 27 มี.ค.นี้
**"เหลิม"หายตัวคาดไปฮ่องกงพบ"แม้ว"
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ตามที่มีวาระงานทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า วันที่ 25 มี.ค. เวลา 13.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ ที่ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล แต่ปรากฏว่า เมื่อเวลาล่วงเลยไป กลับไม่พบ ร.ต.อ.เฉลิม เดินทางเข้ามาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 21-25 มี.ค. เป็นช่วงเวลาที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะเดินทางเยือนประเทศนิวซีแลนด์ และปาปัวนิวกินี ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 ต้องทำหน้าที่ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่ร.ต.อ.เฉลิม หายเงียบตลอดทั้งวัน (25 มี.ค.) ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ไป 2 ทาง คือ 1.อาจจะเดินทางไปเกาะฮ่องกง เพื่อพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะขณะนี้เป็นช่วงที่มีกระแสข่าวว่ามี ส.ส.และรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่ง พากันไปยังเกาะฮ่องกง หรือ 2.ร.ต.อ.เฉลิม อาจจะลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ว่า จะเดินทางไปลงพื้นที่แบบลับๆ
** ปัด "แม้ว"บีบ "ปู" ให้ทำตามใบสั่ง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีกำลังถูกบีบ จนต้องให้ความร่วมมือกับคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ มิฉะนั้นจะถูกปลดพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย นายชวนนท์ หยุดใช้จินตนาการเสี้ยมพรรคอื่นได้แล้ว และไปช่วยผู้ใหญ่ในพรรคหาวิธีปรับโครงสร้างพรรค เพื่อหนีการแพ้เลือกตั้งซ้ำซาก หรือไม่ก็เตรียมเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. หรือมีอะไรทำให้ไม่มั่นใจว่าจะได้เป็นรองผู้ว่าฯ
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะพิจารณาเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายกฯ ในส่วนของการปล่อยกู้ 30 ล้านบาทนั้น เชื่อว่า นายกฯ สามารถชี้แจงได้ เพราะทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย ทุกขั้นตอน รวมถึงกรณี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จะสมัคร ส.ส. เพื่อไปสู่การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เป็นความจริง นางเยาวภา เพียงแค่ต้องการทำหน้าที่ส.ส. รับใช้ประชาชน เพราะบ้านเกิดอยู่ที่นั่น
**"เสื้อแดง"ฟันธง"ปู"โดนสอยแน่
นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกกลุ่ม นปช. กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิด เกี่ยวกับการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีการปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาท ให้บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัดของ นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ว่า ส่วนตัวมองว่า นายกฯ ไม่น่าจะรอด เพราะป.ป.ช.ชุดนี้มีความเป็น 2 มาตราฐาน ดูได้จากผลงานที่ผ่านมา อีกทั้งเป็นป.ป.ช. ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) คดีความต่างๆ ที่ตัดสินมาตั้งแต่ พรรคพลังประชาชน จนมาพรรคเพื่อไทย ล้วนตัดสินให้ผิดตลอด และคดีความที่ตัดสินจะรวดเร็วกว่าคดีความอื่นๆ
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช. เกี่ยวกับคดีนี้ ยังไม่มีการหารืออย่างเป็นทางการ แต่มีการพูดคุยกันในส่วนของแกนนำบางคนว่า นี่ก็เป็นหนึ่งในแผนบันได 4 ขั้น เพราะนายกฯ ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องพุ่งเป้าเล่นงานนายกฯ โดยตรง และหากป.ป.ช. ชี้มูลความผิดว่านายกฯ มีความผิดในการปล่อยเงินกู้ 30 ล้าน และตัดสิทธิ์ทางการเมือง ทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้งตัวนายกฯ และครม. ช่วงรอยต่อก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่ อาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอย่างมากต่อประเทศอย่างแน่นอน
** เพ้อแผนบันได 4 ขั้นสู่รัฐประหาร
นายธนาวุฒิ กล่าวอีกว่า เดือนเม.ย. จะร้อนแค่ไหน ก็มาจากการตัดสินคดีของป.ป.ช. ที่ยังไม่มีความเป็นกลาง และจะเป็นตัวการที่จุดชนวนความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้ หากนายกฯ ถูกตัดสิทธิ์ ต้องมีมวลชนคนเสื้อแดงไม่ยอมอย่างแน่นอน ต้องออกมาประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนายกฯ แต่ทางแกนนำนปช. จะขอดูท่าทีก่อน เพราะอาจจะเป็นการยั่วยุจากฝ่ายตรงข้าม เมื่อคนเสื้อแดงออกมาชุมนุม ก็จะส่งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) หรือคนเสื้อเหลือง ออกมาชุมนุมด้วย เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวาย จนลุกลามกลายเป็นสงครามกลางเมือง บวกกับสถานภาพของรัฐบาลที่ยังไม่มั่นคง จนทำให้ทหารออกมาควบคุมความวุ่นวาย และทำการยึดอำนาจรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากประชาชน ตามแผนบันได 4 ขั้น ที่ฝ่ายตรงข้ามวางไว้ เพื่อให้ดึงอำนาจของประชาชนกลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง และคราวนี้ประชาชนจะไม่ยอมให้ทหารทำตามใจอีกต่อไป จะต้องมีการลุกฮือขึ้นเพื่อทวงคือประชาธิปไตย จนทำให้อาจเกิดการนองเลือดขึ้นอีกครั้ง