ASTVผู้จัดการรายวัน - ศูนย์ข้อมูลฯประกาศเตือนซ้ำ คอนโดฯชลบุรี โอเวอร์ซัพพลาย สินค้าทะลัก 5.6 หมื่นหน่วย ขณะที่บ้านจัดสรร 3.9 หน่วย ระบุเก็งกำไรสูงเกือบ 50% เห็นสัญญาณขายต่อ-ปล่อยเช่าไม่ได้ จับตาก่อสร้างล่าช้า ส่งมอบไม่ทันเหตุแรงงานขาดแคลนหนัก ลุกค้าอาจทิ้งดาวน์หนีซื้อโครงการใหม่ แนะจัดสรรคิดให้มากก่อนลงทุน
ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดสัมมนา “ วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย จังหวัดชายทะเล ” ได้แก่ ชลบุรี ระยอง หัวหิน ชะอำ โดยนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงผลการสำรวจภาคสนามโครงการที่อยู่อาศัยในปี 2555 โครงการที่อยู่ระหว่างการขาย เฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย พบว่า ในชลบุรี โครงการของผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในระหว่างการขายทั้งสิ้น 96,600 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 39,800 หน่วย อาคารชุด 56,400 หน่วย และบ้านพักตากอากาศ 400 หน่วย
ในประเภทอาคารชุด ที่อยู่ระหว่างการขายมีมากถึง 56,400 หน่วย จาก 217 โครงการ จำนวนหน่วยและจำนวนโครงการมากเป็นที่สองรองจากกรุงเทพฯ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 170,200 ล้านบาท ขายได้แล้ว 37,400 หน่วย หรือขายได้แล้ว 66% ของหน่วยในผังทั้งหมด มูลค่าที่ขายได้ 113,800 ล้านบาท เหลือขาย 19,000 หน่วย มูลค่าเหลือขาย 56,400 ล้านบาท แบ่งตามพื้นที่ พบว่า อยู่ในอำเภอบางละมุงมากถึง 42,400 หน่วย
ในอำเภอเมือง 8,500 หน่วย สัตหีบ 3,600 หน่วย และศรีราชา 1,900 หน่วย
" อัตราการดูดซับของห้องชุดในชลบุรีอยู่ที่ 7.8 % หรือหมายความว่า หากไม่มีการเปิดขายหน่วยห้องชุดใหม่เลย ตลาดจะขายได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 13 เดือน "
สำหรับสถานะของการก่อสร้างพบว่า เป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้างประมาณ 12,100 หน่วย อยู่ระหว่างก่อสร้างมากถึงประมาณ 32,300 หน่วย และก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 11,900 หน่วย โดยจากหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มีเหลือขาย (หรือเป็นห้องว่าง) ประมาณ 2,300 หน่วย
สำหรับโครงการบ้านจัดสรร 39,800 หน่วย มาจาก 363 โครงการ มูลค่ารวม 113,000 ล้านบาท มากกว่าทุกจังหวัด รองจากกรุงเทพฯเท่านั้น ในจำนวนนี้ขายได้ 27,500 หน่วยมูลค่า 76,900 ล้านบาท หรือ 69%เหลือขาย 12,300 หน่วย มูลค่า 36,100 ล้านบาท ในจำนวนนี้ มี 256 โครงการ 26,400 หน่วย ที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา หน่วยบ้านจัดสรร 36% อยู่ในระดับราคา 1-2 ล้านบาท และ 72% อยู่ในระดับราคา 2-5 ล้านบาท โดยบ้านจัดสรรในระดับราคา 1-2 ล้านบาทเป็นทาวน์เฮาส์หรือบ้านเดี่ยวชั้นเดียวเป็นส่วนใหญ่
แบ่งตามพื้นที่ พบว่า อยู่ในอำเภอศรีราชา 13,000 หน่วย บางละมุง 11,200 หน่วย, ในอำเภอเมือง 8,100 หน่วย , สัตหีบ 4,700 หน่วย และพานทอง 2,900 หน่วย หากแบ่งตามประเภทจะเป็นบ้านเดี่ยว 19,500 หน่วย ทาวน์เฮาส์ 11,700 หน่วย บ้านแฝด 5,000 หน่วย และอาคารพาณิชย์ 3,500 หน่วย ส่วนหน่วยที่เหลือเป็นที่ดินเปล่า ซึ่งทุกอำเภอมีบ้านเดี่ยวมากกว่าทาวน์เฮาส์ ยกเว้นอำเภอเมืองชลบุรีมีทาวน์เฮาส์มากกว่าบ้านเดี่ยว
อัตราการดูดซับของบ้านจัดสรรในชลบุรีอยู่ที่ 6.3 % หรือ หมายความว่า หากไม่มีการเปิดขายหน่วยบ้านจัดสรรใหม่เลย ตลาดจะขายได้หมดภายในระยะเวลา 16 เดือน ส่วนการก่อสร้างพบว่า เป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง 4,100 หน่วย อยู่ระหว่างก่อสร้าง 12,800 หน่วย และส่วนใหญ่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 23,000 หน่วย โดยจากหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มีเหลือขาย (หรือเป็นบ้านว่าง) 2,100 หน่วย
“คอนโดฯในชลบุรีขณะนี้ถือว่าโอเวอร์ซัพพลายก็ว่าได้ เฉพาะปี 55 ปีเดียวมีคอนโดฯเปิดใหม่ในพื้นที่ชลบุรีมากถึง 15,000-20,000 หน่วย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่มากเกินไปเมื่อเทียบกับความต้องการที่มีน้อยกว่ามาก และสิ่งที่น่าเป็นห่วงตามมาคือการก่อสร้าง ที่เริ่มเห็นสัญญาณการก่อสร้างล่าช้า ประกอบกับปัญหาแรงงานขาดแคลนอย่างรุนแรง จะทำให้ผู้ประกอบการส่งมอบไม่ทัน และอาจทำให้ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วไม่ยอมโอนหรือทิ้งดาวน์ไปซื้อโครงการใหม่แทน”นายสัมมา กล่าวว่า
นักเก็งกำไรจ่อดัมพ์ราคา
ด้านนายชนะ นันทจันทูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) กล่าวยอมรับว่า มีโครงการคอนโดฯเปิดใหม่จำนวนมากเกินไป ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมามีโครงการเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าของบริษัทที่จะสร้างในปีนี้มีถึง 4 โครงการ กว่า 3,000 หน่วย และเริ่มเห็นสัญญาณของนักลงทุนที่ซื้อเก็งกำไรไม่สามารถขายหรือปล่อยเช่าได้ ซึ่งอาจเห็นการดัมพ์ราคาเกิดขึ้น
ส่วนในพื้นที่ชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี มีหน่วยที่อยู่อาศัยในผังของโครงการของผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในระหว่างการขายทั้งสิ้น 19,650 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยบ้านจัดสรร 4,750 หน่วย จาก 69 โครงการ มูลค่าโครงการการรวม 15,300 ล้านบาท ขายได้แล้ว 2,550 หน่วย หรือขายได้แล้วเพียง 54% ของหน่วยในผังทั้งหมด มูลค่าที่ขายได้แล้ว 8,600 ล้านบาท เหลือขาย 2,200 หน่วย มูลค่าเหลือขายรวม 6,700 ล้านบาท ระดับราคาต่อหน่วยบ้านจัดสรรค่อนข้างใกล้เคียงกันระหว่าง 1-2 ล้านบาท ระดับ 2-3 ล้านบาท และระดับ 3-5 ล้านบาทอัตราการดูดซับของบ้านจัดสรรอยู่ที่ประมาณ 5.9% หรือหมายความว่าหากไม่มีการเปิดขายหน่วยบ้านจัดสรรใหม่เลย ตลาดจะขายได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 17 เดือน สำหรับสถานะของการก่อสร้างพบว่า เป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง 1,600 หน่วย อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1,600 หน่วย และก่อสร้างแล้วเสร็จ 1,550 หน่วย โดยจากหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มีเหลือขาย (หรือเป็นบ้านว่าง) เพียง 130 หน่วย
ในประเภทอาคารชุด มีห้องชุดซึ่งอยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 14,900 หน่วย มาจาก 48 โครงการ มีมูลค่าโครงการการรวมกันทั้งสิ้น 67,600 ล้านบาท ขายได้แล้ว 8,000 หน่วย มูลค่าที่ขายได้ 36,900 ล้านบาท เหลือขาย 6,900 หน่วย มูลค่าเหลือขายรวม 30,700 ล้านบาท หน่วยห้องชุด 19% อยู่ในระดับราคา 1-2 ล้านบาท ร้อยละ 18 อยู่ในระดับราคา 2-3 ล้านบาท และร้อยละ 34 อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท โดยอยู่ในอำเภอชะอำ 9,300 หน่วย อยู่ในอำเภอหัวหิน 4,600 หน่วย และอยู่ในอำเภอปราณบุรี 1,000 หน่วย
นายชนะกล่าวว่า แม้ว่าตลาดอสังหาฯในหัวหิน ชะอำและปราณบุรีจะมีลักษณะคล้ายกับพัทยา ชลบุรี คือมีสินค้ามากเกินไป แต่ตลาดมีความแข็งแกร่งต่างกัน เนื่องจากผู้ซื้อ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงสูงถึง 70% มีการซื้อเพื่อปล่อยเช่าน้อย ขณะที่ตลาดพัทยาซื้อเพื่อลงทุนและเก็งกำไรมากถึง 40-50%
ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดสัมมนา “ วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย จังหวัดชายทะเล ” ได้แก่ ชลบุรี ระยอง หัวหิน ชะอำ โดยนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงผลการสำรวจภาคสนามโครงการที่อยู่อาศัยในปี 2555 โครงการที่อยู่ระหว่างการขาย เฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย พบว่า ในชลบุรี โครงการของผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในระหว่างการขายทั้งสิ้น 96,600 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 39,800 หน่วย อาคารชุด 56,400 หน่วย และบ้านพักตากอากาศ 400 หน่วย
ในประเภทอาคารชุด ที่อยู่ระหว่างการขายมีมากถึง 56,400 หน่วย จาก 217 โครงการ จำนวนหน่วยและจำนวนโครงการมากเป็นที่สองรองจากกรุงเทพฯ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 170,200 ล้านบาท ขายได้แล้ว 37,400 หน่วย หรือขายได้แล้ว 66% ของหน่วยในผังทั้งหมด มูลค่าที่ขายได้ 113,800 ล้านบาท เหลือขาย 19,000 หน่วย มูลค่าเหลือขาย 56,400 ล้านบาท แบ่งตามพื้นที่ พบว่า อยู่ในอำเภอบางละมุงมากถึง 42,400 หน่วย
ในอำเภอเมือง 8,500 หน่วย สัตหีบ 3,600 หน่วย และศรีราชา 1,900 หน่วย
" อัตราการดูดซับของห้องชุดในชลบุรีอยู่ที่ 7.8 % หรือหมายความว่า หากไม่มีการเปิดขายหน่วยห้องชุดใหม่เลย ตลาดจะขายได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 13 เดือน "
สำหรับสถานะของการก่อสร้างพบว่า เป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้างประมาณ 12,100 หน่วย อยู่ระหว่างก่อสร้างมากถึงประมาณ 32,300 หน่วย และก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 11,900 หน่วย โดยจากหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มีเหลือขาย (หรือเป็นห้องว่าง) ประมาณ 2,300 หน่วย
สำหรับโครงการบ้านจัดสรร 39,800 หน่วย มาจาก 363 โครงการ มูลค่ารวม 113,000 ล้านบาท มากกว่าทุกจังหวัด รองจากกรุงเทพฯเท่านั้น ในจำนวนนี้ขายได้ 27,500 หน่วยมูลค่า 76,900 ล้านบาท หรือ 69%เหลือขาย 12,300 หน่วย มูลค่า 36,100 ล้านบาท ในจำนวนนี้ มี 256 โครงการ 26,400 หน่วย ที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา หน่วยบ้านจัดสรร 36% อยู่ในระดับราคา 1-2 ล้านบาท และ 72% อยู่ในระดับราคา 2-5 ล้านบาท โดยบ้านจัดสรรในระดับราคา 1-2 ล้านบาทเป็นทาวน์เฮาส์หรือบ้านเดี่ยวชั้นเดียวเป็นส่วนใหญ่
แบ่งตามพื้นที่ พบว่า อยู่ในอำเภอศรีราชา 13,000 หน่วย บางละมุง 11,200 หน่วย, ในอำเภอเมือง 8,100 หน่วย , สัตหีบ 4,700 หน่วย และพานทอง 2,900 หน่วย หากแบ่งตามประเภทจะเป็นบ้านเดี่ยว 19,500 หน่วย ทาวน์เฮาส์ 11,700 หน่วย บ้านแฝด 5,000 หน่วย และอาคารพาณิชย์ 3,500 หน่วย ส่วนหน่วยที่เหลือเป็นที่ดินเปล่า ซึ่งทุกอำเภอมีบ้านเดี่ยวมากกว่าทาวน์เฮาส์ ยกเว้นอำเภอเมืองชลบุรีมีทาวน์เฮาส์มากกว่าบ้านเดี่ยว
อัตราการดูดซับของบ้านจัดสรรในชลบุรีอยู่ที่ 6.3 % หรือ หมายความว่า หากไม่มีการเปิดขายหน่วยบ้านจัดสรรใหม่เลย ตลาดจะขายได้หมดภายในระยะเวลา 16 เดือน ส่วนการก่อสร้างพบว่า เป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง 4,100 หน่วย อยู่ระหว่างก่อสร้าง 12,800 หน่วย และส่วนใหญ่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 23,000 หน่วย โดยจากหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มีเหลือขาย (หรือเป็นบ้านว่าง) 2,100 หน่วย
“คอนโดฯในชลบุรีขณะนี้ถือว่าโอเวอร์ซัพพลายก็ว่าได้ เฉพาะปี 55 ปีเดียวมีคอนโดฯเปิดใหม่ในพื้นที่ชลบุรีมากถึง 15,000-20,000 หน่วย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่มากเกินไปเมื่อเทียบกับความต้องการที่มีน้อยกว่ามาก และสิ่งที่น่าเป็นห่วงตามมาคือการก่อสร้าง ที่เริ่มเห็นสัญญาณการก่อสร้างล่าช้า ประกอบกับปัญหาแรงงานขาดแคลนอย่างรุนแรง จะทำให้ผู้ประกอบการส่งมอบไม่ทัน และอาจทำให้ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วไม่ยอมโอนหรือทิ้งดาวน์ไปซื้อโครงการใหม่แทน”นายสัมมา กล่าวว่า
นักเก็งกำไรจ่อดัมพ์ราคา
ด้านนายชนะ นันทจันทูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) กล่าวยอมรับว่า มีโครงการคอนโดฯเปิดใหม่จำนวนมากเกินไป ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมามีโครงการเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าของบริษัทที่จะสร้างในปีนี้มีถึง 4 โครงการ กว่า 3,000 หน่วย และเริ่มเห็นสัญญาณของนักลงทุนที่ซื้อเก็งกำไรไม่สามารถขายหรือปล่อยเช่าได้ ซึ่งอาจเห็นการดัมพ์ราคาเกิดขึ้น
ส่วนในพื้นที่ชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี มีหน่วยที่อยู่อาศัยในผังของโครงการของผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในระหว่างการขายทั้งสิ้น 19,650 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยบ้านจัดสรร 4,750 หน่วย จาก 69 โครงการ มูลค่าโครงการการรวม 15,300 ล้านบาท ขายได้แล้ว 2,550 หน่วย หรือขายได้แล้วเพียง 54% ของหน่วยในผังทั้งหมด มูลค่าที่ขายได้แล้ว 8,600 ล้านบาท เหลือขาย 2,200 หน่วย มูลค่าเหลือขายรวม 6,700 ล้านบาท ระดับราคาต่อหน่วยบ้านจัดสรรค่อนข้างใกล้เคียงกันระหว่าง 1-2 ล้านบาท ระดับ 2-3 ล้านบาท และระดับ 3-5 ล้านบาทอัตราการดูดซับของบ้านจัดสรรอยู่ที่ประมาณ 5.9% หรือหมายความว่าหากไม่มีการเปิดขายหน่วยบ้านจัดสรรใหม่เลย ตลาดจะขายได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 17 เดือน สำหรับสถานะของการก่อสร้างพบว่า เป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้าง 1,600 หน่วย อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1,600 หน่วย และก่อสร้างแล้วเสร็จ 1,550 หน่วย โดยจากหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มีเหลือขาย (หรือเป็นบ้านว่าง) เพียง 130 หน่วย
ในประเภทอาคารชุด มีห้องชุดซึ่งอยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 14,900 หน่วย มาจาก 48 โครงการ มีมูลค่าโครงการการรวมกันทั้งสิ้น 67,600 ล้านบาท ขายได้แล้ว 8,000 หน่วย มูลค่าที่ขายได้ 36,900 ล้านบาท เหลือขาย 6,900 หน่วย มูลค่าเหลือขายรวม 30,700 ล้านบาท หน่วยห้องชุด 19% อยู่ในระดับราคา 1-2 ล้านบาท ร้อยละ 18 อยู่ในระดับราคา 2-3 ล้านบาท และร้อยละ 34 อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท โดยอยู่ในอำเภอชะอำ 9,300 หน่วย อยู่ในอำเภอหัวหิน 4,600 หน่วย และอยู่ในอำเภอปราณบุรี 1,000 หน่วย
นายชนะกล่าวว่า แม้ว่าตลาดอสังหาฯในหัวหิน ชะอำและปราณบุรีจะมีลักษณะคล้ายกับพัทยา ชลบุรี คือมีสินค้ามากเกินไป แต่ตลาดมีความแข็งแกร่งต่างกัน เนื่องจากผู้ซื้อ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงสูงถึง 70% มีการซื้อเพื่อปล่อยเช่าน้อย ขณะที่ตลาดพัทยาซื้อเพื่อลงทุนและเก็งกำไรมากถึง 40-50%