ASTVผู้จัดการรายวัน –ศูนย์ข้อมูลฯ แนะจับตาหาดใหญ่ สงขลา บูมรับ AEC เอกชนชี้ชาวมาเลเซียแห่เที่ยวสถานบันเทิง เตือนภูเก็ตซัปพลายทะลัก แถมราคาที่ดินพุ่ง ศุภาลัยชะลอแผนลงทุนรอดูสถานการณ์ หวั่นระบบสาะรณูปโภคขยายตามไม่ทันเมือง
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ จัดงานสัมมนา เรื่อง วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดภูเก็ต - สงขลา (หาดใหญ่) โดยนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งเสริมให้อสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตและสงขลา มีอัตราการเติบโตค่อนข้างรวดเร็วมากจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในอนาคต –อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน – ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ – สนามบิน - การเดินทางที่มีความสะดวกสบายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญผู้ประกอบการจากส่วนกลางหันไปทำตลาดต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้จากการสำรวจภาคสนามของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2555 โดยเป็นข้อมูลจากโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย เฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วยในจังหวัดภูเก็ต มีหน่วยที่อยู่อาศัยในระหว่างการขายทั้งสิ้น 27,950 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยบ้านจัดสรร 13,400 หน่วย อาคารชุด 13,100 หน่วย และบ้านพักตากอากาศ 1,450 หน่วย
สำหรับบ้านจัดสรร 13,400 หน่วยนั้น มาจาก 93 โครงการ มูลค่า 50,800 ล้านบาท ขายได้แล้ว 10,200 หน่วย หรือ 76% มูลค่าที่ขายได้ 37,600 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 3,200 หน่วย มูลค่า 13,200 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการซึ่งเปิดขายตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา บ้านจัดสรร 72% อยู่ในระดับราคา 2-5 ล้านบาท อัตราการดูดซับของบ้านจัดสรรในภูเก็ตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 11.1 หรือคาดว่าจะขายหมดภายใน 9 เดือน
ส่วนอาคารชุด ประมาณ 13,100 หน่วย มาจากประมาณ 91 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 51,100 ล้านบาท ขายได้แล้วประมาณ 8,900 หน่วย หรือขายได้แล้วประมาณ 68% ของหน่วยในผังทั้งหมด มูลค่าที่ขายได้ประมาณ 30,700 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 4,200 หน่วย มูลค่าเหลือขาย 20,400 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการซึ่งเปิดการขายมาตั้งแต่ปี 2553 อัตราการดูดซับของห้องชุดในภูเก็ต 14.3% หรือหมายความว่าหากไม่มีการเปิดขายหน่วยห้องชุดใหม่เลย ตลาดจะขายได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 7 เดือน
ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาคใต้เป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพมากที่สุดของไทย เนื่องจากมีทั้งทรัพยากรทางทะเลที่เป็นแหล่งอาหารและแหล่งท่องเที่ยวของโลก ซึ่งศุภาลัยฯให้ความสำคัญมาถึง 20 ปีแล้ว และยังเชื่อว่าภาคใต้ยังมีศักยภาพที่เติบโตได้อีกมาก แม้ว่าภาคอื่นกำลังเติบโตตามมา แต่ภาคใต้คงจะเติบโตหนีออกไปอีก นอกจากแหล่งท่องเที่ยวแล้วภาคใต้ยังมีการค้าชายแดนขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ พืชเศรษฐกิจ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และมีแหล่งก๊าซธรรมชาติ มีศักยภาพในการขยายตัว ทำให้ภาคใต้ดูโดดเด่นมาก หากไม่มีปัญหาเรื่อง 3 จังหวัดชายแดน ก็จะดีกว่าที่เป็นอยู่ สำหรับตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต หาดใหญ่ ตลาดบ้านเช่ามีการเติบโตมาก ส่งผลให้ตลาดขายโตตาม จากการที่นักลงทุนซื้อไปปล่อยเช่า
“ตลาดอสังหาฯภูเก็ตเติบโตอย่างมากตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งราคาที่ดินยังปรับขึ้นแรงมาก บางแปลงขึ้นไปถึง 20-30% ภายในเวลาไม่กี่วัน มีโครงการเกิดขึ้นเยอะมาก จนทำให้ศุภาลัยขอรอดูสถานการณ์ก่อนกลับเข้าไปลงทุนใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาจะเปิดโครงการใหม่ 4-5 โครงการต่อปี แต่ปีนี้จะเปิดแค่ 2 โครงการ ส่วนที่หาดใหญ่ยังคงมีการเติบโตที่ดีอยู่ ” นายอธิปกล่าว
ด้านนายธนวัฒน์ พูนศิลป์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ที่ผ่านมาการพัฒนาโครงการต่างๆ จะกระจุกตัวเฉพาะหาดใหญ่ แต่มีแนวโน้มว่า อ.สะเดาจะเติบโตมาเทียบชั้นหาดใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ตลาดที่อยู่อาศัยในสะเดาจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดแน่นอน เนื่องจากอ.สะเดามีพื้นที่บางส่วนติดกับมาเลเซีย สิงคโปร์ มีการค้าขายชายแดนที่ดีมาก อีกทั้ง ปัจจุบันคนมาเลเซียนิยมมาท่องเที่ยวสถานบันเทิงในสะเดา ทำให้คนในธุรกิจบริการมีกำลังซื้อสูงขึ้น และมีความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้น โดยทั้งหาดใหญ่และสะเดา ราคาที่ดินในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เติบโตอย่างร้อนแรงกว่า 100%
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ จัดงานสัมมนา เรื่อง วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดภูเก็ต - สงขลา (หาดใหญ่) โดยนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งเสริมให้อสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตและสงขลา มีอัตราการเติบโตค่อนข้างรวดเร็วมากจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในอนาคต –อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน – ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ – สนามบิน - การเดินทางที่มีความสะดวกสบายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญผู้ประกอบการจากส่วนกลางหันไปทำตลาดต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้จากการสำรวจภาคสนามของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2555 โดยเป็นข้อมูลจากโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย เฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วยในจังหวัดภูเก็ต มีหน่วยที่อยู่อาศัยในระหว่างการขายทั้งสิ้น 27,950 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยบ้านจัดสรร 13,400 หน่วย อาคารชุด 13,100 หน่วย และบ้านพักตากอากาศ 1,450 หน่วย
สำหรับบ้านจัดสรร 13,400 หน่วยนั้น มาจาก 93 โครงการ มูลค่า 50,800 ล้านบาท ขายได้แล้ว 10,200 หน่วย หรือ 76% มูลค่าที่ขายได้ 37,600 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 3,200 หน่วย มูลค่า 13,200 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการซึ่งเปิดขายตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา บ้านจัดสรร 72% อยู่ในระดับราคา 2-5 ล้านบาท อัตราการดูดซับของบ้านจัดสรรในภูเก็ตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 11.1 หรือคาดว่าจะขายหมดภายใน 9 เดือน
ส่วนอาคารชุด ประมาณ 13,100 หน่วย มาจากประมาณ 91 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 51,100 ล้านบาท ขายได้แล้วประมาณ 8,900 หน่วย หรือขายได้แล้วประมาณ 68% ของหน่วยในผังทั้งหมด มูลค่าที่ขายได้ประมาณ 30,700 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 4,200 หน่วย มูลค่าเหลือขาย 20,400 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการซึ่งเปิดการขายมาตั้งแต่ปี 2553 อัตราการดูดซับของห้องชุดในภูเก็ต 14.3% หรือหมายความว่าหากไม่มีการเปิดขายหน่วยห้องชุดใหม่เลย ตลาดจะขายได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 7 เดือน
ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาคใต้เป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพมากที่สุดของไทย เนื่องจากมีทั้งทรัพยากรทางทะเลที่เป็นแหล่งอาหารและแหล่งท่องเที่ยวของโลก ซึ่งศุภาลัยฯให้ความสำคัญมาถึง 20 ปีแล้ว และยังเชื่อว่าภาคใต้ยังมีศักยภาพที่เติบโตได้อีกมาก แม้ว่าภาคอื่นกำลังเติบโตตามมา แต่ภาคใต้คงจะเติบโตหนีออกไปอีก นอกจากแหล่งท่องเที่ยวแล้วภาคใต้ยังมีการค้าชายแดนขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ พืชเศรษฐกิจ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และมีแหล่งก๊าซธรรมชาติ มีศักยภาพในการขยายตัว ทำให้ภาคใต้ดูโดดเด่นมาก หากไม่มีปัญหาเรื่อง 3 จังหวัดชายแดน ก็จะดีกว่าที่เป็นอยู่ สำหรับตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต หาดใหญ่ ตลาดบ้านเช่ามีการเติบโตมาก ส่งผลให้ตลาดขายโตตาม จากการที่นักลงทุนซื้อไปปล่อยเช่า
“ตลาดอสังหาฯภูเก็ตเติบโตอย่างมากตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งราคาที่ดินยังปรับขึ้นแรงมาก บางแปลงขึ้นไปถึง 20-30% ภายในเวลาไม่กี่วัน มีโครงการเกิดขึ้นเยอะมาก จนทำให้ศุภาลัยขอรอดูสถานการณ์ก่อนกลับเข้าไปลงทุนใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาจะเปิดโครงการใหม่ 4-5 โครงการต่อปี แต่ปีนี้จะเปิดแค่ 2 โครงการ ส่วนที่หาดใหญ่ยังคงมีการเติบโตที่ดีอยู่ ” นายอธิปกล่าว
ด้านนายธนวัฒน์ พูนศิลป์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ที่ผ่านมาการพัฒนาโครงการต่างๆ จะกระจุกตัวเฉพาะหาดใหญ่ แต่มีแนวโน้มว่า อ.สะเดาจะเติบโตมาเทียบชั้นหาดใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ตลาดที่อยู่อาศัยในสะเดาจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดแน่นอน เนื่องจากอ.สะเดามีพื้นที่บางส่วนติดกับมาเลเซีย สิงคโปร์ มีการค้าขายชายแดนที่ดีมาก อีกทั้ง ปัจจุบันคนมาเลเซียนิยมมาท่องเที่ยวสถานบันเทิงในสะเดา ทำให้คนในธุรกิจบริการมีกำลังซื้อสูงขึ้น และมีความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้น โดยทั้งหาดใหญ่และสะเดา ราคาที่ดินในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เติบโตอย่างร้อนแรงกว่า 100%
