xs
xsm
sm
md
lg

DSIฟัน"พีซีซีฯ"ฮั้วประมูล พ่วงฉ้อโกง20บริษัทผู้รับช่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (6 มี.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แถลงว่า จากการสืบสวนสอบสวน กรณี ทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่งนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในขั้นตอนการแข่งขันการเสนอราคา หรือเคาะราคาจากราคาเริ่มต้น 6,388,000,000 บาท ในจำนวนผู้ที่เสนอราคานั้น บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ได้เสนอราคา ต่ำมากกว่าปกติ โดยเสนอราคาสุดท้าย 5,848,000,000 บาท ต่ำกว่าราคากลางถึงกว่า 540 ล้านบาท จนเห็นได้ชัดว่า เป็นการผิดปกติวิสัยในการเสนอราคาปกติ และเป็นผู้ได้เข้าทำสัญญากับสตช.
แต่หลังจากทำสัญญากลับนำงานก่อสร้างโรงพักไปจ้างผู้รับเหมารายย่อยมารับช่วงอีกต่อหนึ่ง จำนวนหลายบริษัท โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากสตช. ประการสำคัญคือ มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า บริษัท พีซีซีฯ รู้อยู่แล้วว่า ไม่สามารถทำงานตามสัญญาได้มาตั้งแต่ต้น แต่ยังเข้าร่วมการแข่งขันเสนอราคาโดยทุจริต มีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และการกระทำดังกล่าว เป็นเหตุให้ไม่สามารถก่อสร้างโรงพักให้แล้วเสร็จตามสัญญา ภายใน 450 วันได้ แม้ว่า สตช. จะขยายเวลามาอีก 2-3 ครั้งแล้วก็ตาม จนเกิดความเสียหายต่อทางราชการ ตามที่ปรากฏให้เห็นอยู่อย่างชัดเจนแล้ว ตามพฤติการณ์มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตามสมควรว่า บริษัท พีซีซีฯ น่าจะได้กระทำผิดตามพ.ร.บ.ความผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 8
นายธาริต กล่าวด้วยว่า คดีนี้เป็นคดีความผิดที่ต่อเนื่อง เกี่ยวพันกับความผิดฐานฮั้วประมูล และฐานฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วง ที่ DSI ได้สอบสวนอยู่ โดยได้มอบหมายให้ พ.ต.ท. ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กับคณะทำการแยกคดีสอบสวนเป็นคดีพิเศษอีกคดีหนึ่งต่างหาก และความผิดเรื่องนี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน แม้ สตช. จะไม่มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ DSI ก็มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับกระทำผิดได้ และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะแจ้งข้อหาดังกล่าวแก่ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด , นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นผู้กระทำการดังกล่าวแทนบริษัทฯ ในวันที่ 7 มี.ค. นี้ เวลา 09.30 น. พร้อมกับข้อหาฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วงอีก 20 รายด้วย

**"มาร์ค"อัดDSIส่งคดีโดยไม่เรียกชี้แจง

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเรื่องโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) ไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ว่า คงจะพูดรายละเอียดอะไรได้ยากมาก เพราะเป็นการส่งเรื่องไปโดยที่ไม่เคยเรียกไปชี้แจง ไม่เคยแสดงเอกสารหลักฐานอะไร ที่ใช้ในการที่จะกล่าวหา เพราะฉะนั้นก็คงทำได้เพียงแค่รอการพิจารณาของ ป.ป.ช. หากเห็นว่ามีมูลแล้วเรียกไปให้ข้อเท็จจริง ตนก็มีสิทธิ์ในการที่จะทราบในรายละเอียดของข้อกล่าวหา แต่ที่แปลกใจคือ ดีเอสไอ ตั้งข้อหาว่า ทำผิดเพราะฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี ในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนค่อนข้างมั่นใจว่าในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างนั้น ตนไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไร ถ้าจะมีเกี่ยวข้องกับตนนั้น ก็ต้องเข้าครม. ถ้าเข้าครม.แล้ว มติครม.ของรัฐบาลตน ก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงมติครม.ของรัฐบาลชุดก่อน หรือแม้กระทั่งรัฐบาลชุดของตนเองได้อยู่แล้ว ก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นความผิดอย่างไร แต่เท่าที่จำได้นั้นก็เข้าใจว่า ครม. นั้นไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวว่า จะจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีใด ส่วนความพยายามที่จะกล่าวหาตน กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ว่าเข้าไปล้วงลูก ทางพล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ อดีตจเรตำรวจ ก็พูดชัดเจนว่าไม่มีการล้วงลูก จึงไม่ทราบว่า พยานหลักฐานที่ดีเอสไอใช้ คืออะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดีเอสไอ ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เข้าข่ายมีความผิดในมาตรา 157 และนายสุเทพ เข้าข่าย 2 กรณี คือ มาตรา 157 และมาตราที่ว่าด้วย พ.ร.บ.การฮั้วการประมูล โดยที่ไม่มีข้าราชการตำรวจฝ่ายประจำ ซึ่งเกี่ยวข้องกับหนังสือนี้โดยตรง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คงมองเป็นอื่นยาก คนที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้มีหลายคน และเอกสารระบุชัดเจน ว่า ใครเกี่ยวข้องบ้าง แม้กระทั่งตอนที่ประมูลเสร็จแล้ว ซึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีต รอง ผบ.ตร. ก็เป็นคนเสนอมา ว่าทุกอย่างถูกต้อง ทำไมไม่มีการกล่าวหาด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น