xs
xsm
sm
md
lg

"อภิสิทธิ์"ขู่ฟ้องกลับอธิบดี DSI หากพยายามยัดข้อหาปมสร้างโรงพัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วันนี้ (10 ก.พ.) ที่อาคารชายชล สวนหลวง ร.9 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงาน และปล่อยตัวนักวิ่งงานเดินวิ่งการกุศล "ดอนบอสโกมินิมาราธอนเพื่อการศึกษาครั้งที่ 11" ถึงกรณีที่มีการกล่าวถึง ปัญหาการก่อสร้างโครงการสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน)และอาคารที่พักตำรวจล่าช้าว่า สิ่งที่พรรคตั้งคำถามคือ เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ พยายามลากตนเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งที่ทุกคนทราบดีว่า การร้องเรียนในช่วงเวลาที่มีการประมูลเป็นเรื่องปกติ แต่ตนไม่มีหน้าที่แทรกแซงในการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ทำได้คือส่งเรื่องร้องเรียนทุกเรื่องให้ผู้ที่รับผิดชอบไปพิจารณาและติดตาม ซึ่งจำไม่ได้ว่ามีการร้องเรียนเรื่องนี้หรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ อ้างว่ามีการร้องคัดค้านในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 ก่อนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี จะลงนามอนุมัติในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2552 นั้น ต้องถามนายธาริตว่า หนังสือจะมาถึงตนได้อย่างไร เพราะเวลาห่างกันเพียงแค่ 2 วัน นายธาริตไม่ควรพูดลอยๆ เพราะเป็นพนักงานสอบสวนเรื่องไหนที่ยังไม่ได้ข้อยุติไม่ควรให้สัมภาษณ์ ต้องดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และไม่เป็นห่วงว่าจะมีการปั้นเอกสารขึ้นมาใหม่ เพื่อเอาผิดตน เพราะเชื่อว่าความจริงไม่มีวันตาย ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของการบริหารสัญญาให้เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาว่าจ้างระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช.กับผู้รับเหมา แต่แปลกใจว่าเมื่อขั้นตอนไหนไปเกี่ยวพันกับคนที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาล ดีเอสไอไม่สนใจในการที่จะเรียกไปสอบ ทั้งที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นคือ การบริหารสัญญาที่มีปัญหาเช่น ผู้ประมูลได้ไม่สามารถทำงานได้ ต้องถามว่าใครไปต่อสัญญาให้ การส่งมอบพื้นที่เป็นอย่างไร ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลที่แล้วแต่เกิดในรัฐบาลชุดนี้ หากถือคติแบบที่นายธาริต บอกว่า นายกรัฐมนตรีผู้บริหารสูงสุดต้องรับผิดชอบ ต้องเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไปด้วย จึงไม่อยากให้ดีเอสไอเบี่ยงเบนประเด็น นายธาริตและ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ต้องพูดความจริง ว่าเมื่อเขาประมูลได้แล้วทำไม่ได้จนเกิดปัญหาต้องดูว่าการบริหารสัญญาผิดพลาดอย่างไร
นอกจากนี้ ยังมีตำรวจหลายคนที่เกี่ยวข้องทำไม นายธาริต จึงไม่เรียกไปชี้แจง ดีเอสไอจะตัดตอนเอาเฉพาะแค่ช่วงการทำสัญญาโดยยกเว้นการบริหารสัญญาออกไปไม่ได้ เพราะหากตัดตอนนายธาริต อาจถูกดำเนินคดีอีกคดีหนึ่ง พวกตนไม่ได้ขอสิทธิพิเศษอะไรแค่ขอให้ทำตรงไปตรงมา อย่าให้สิทธิพิเศษกับคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับการติดต่อจากดีเอสไอในการเรียกให้เข้าชี้แจง แต่หากเชิญมาตนก็ต้องไปชี้แจงตามกฎหมายทุกอย่าง และหากดีเอสไอเห็นว่าตนเกี่ยวข้องจริง ต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ถ้าดีเอสไอดำเนินการกับตนกับนายสุเทพ พยายามยัดข้อหาโดยผิดกฎหมาย ตนก็ต้องฟ้องอีกเหมือนกับที่เคยฟ้องไปแล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า การที่นายธาริตอ้างว่า ผิดที่สัญญาโดยไม่พูดถึงการบริหารสัญญานั้น เป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้ เพราะหากเห็นว่าสัญญาผิดพลาดต้องมีการยกเลิก หรือ ระงับสัญญา ไม่ใช่ไปอำนวยความสะดวกต่ออายุสัญญาให้ เพราะนายธาริต ยืนยันว่า รู้ล่วงหน้าว่าบริษัทจะทิ้งงาน เหตุใดจึงไม่สงสัยว่า รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงานปีกว่าทำอะไรอยู่ เมื่อรู้ว่าบริษัทจะทิ้งงานแล้ว ไม่ทำอะไรก็เท่ากับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถ้านายธาริตยืนยันแนวคิดนี้ต้องเรียกคนในรัฐบาลนี้ทุกคนมาชี้แจง เพราะบอกว่าทุกคนรู้ได้ว่า จะทิ้งงานแต่กลับไม่ทำอะไร นอกจากนี้นายธาริต ควรเชิญนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาอภิปรายในสภามาชี้แจงด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น