หน.ปชป.ติงดีเอสไอสอบโกงงบสร้างโรงพักให้ครอบคลุม อย่าสอบเฉพาะ ปชป. จี้เอาผิดอนุมัติต่อสัญญา บี้เรียก “อ๊อบ” แจงนิ่งถือว่าเลียขารัฐ รับเซ็นงบโครงการ แต่ “ปู” บริหารสัญญา ท้า “เหลิม” อย่าเลือกปฏิบัติ จวก “ธาริต” กล้าๆ สอบ รบ. ขู่ไม่จบฟ้องแน่ แนะรัฐแก้ปัญหา เลิกโบ้ย-ไม่ทราบ “เจริญ” ร่างทรง “ค้อนปลอม” เจรจานิรโทษฯ หนุนแบบภรรยา “ร่มเกล้า” ยึดผลประโยชน์ประเทศ บี้ รบ.อย่าเอา ปชช.ที่ควรล้างผิดเป็นตัวประกัน ชี้ลุยต่อได้อยู่ที่จุดยืน รบ.
วันนี้ (8 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันความพร้อมที่จะไปชี้แจงต่อดีเอสไอ กรณีปัญหาการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศ แต่ยังไม่ทราบว่าดีเอสไอต้องการทราบอะไร และจะเชิญไปในฐานะอะไร และเห็นว่าการหยิบยกกรณีหนังสือร้องเรียนของผู้รับเหมามาเป็นข้ออ้างว่าเป็นหลักฐานสำคัญทั้งที่ไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะหากมีการร้องเรียนแล้วไม่มีการดำเนินการตามที่ร้องเรียนเป็นความผิดก็คงจะผิดกันทั้งประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ชัดเจนว่า ต้องการเอาผิดกับตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพราะหากดีเอสไอต้องการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ควรจะสอบสวนตั้งแต่ต้นทางจนจบ ไม่ใช่เว้นช่วงการบริหารสัญญา ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จในขณะนี้
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ตนจึงสงสัยว่าขณะนี้ประเด็นคืออะไร และแปลกใจว่าทำไมดีเอสไอ จึงไม่เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสัญญาไปชี้แจง จึงต้องดูว่าดีเอสไอ จะมีการไปตรวจสอบคนที่ปล่อยให้มีการต่ออายุขยายสัญญาการก่อสร้างให้แก่บริษัท จนเป็นปัญหาอุปสรรค์ในขณะนี้ไปสอบหรือยัง ไม่ใช่อยู่ดีๆ ตั้งธงว่า เอาผิดกับคนที่อนุมัติ ตามที่หน่วยงานเสนอมา
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ดีเอสไอจะต้องเชิญ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้บริหารสัญญายาวนานที่สุดมาชี้แจงด้วย จะยกเว้นไม่ได้ เพระมีส่วนสำคัญในการบริหารสัญญายาวนานมาก และต้องเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วย แต่ถ้ามีการยกเว้นก็ค่อนข้างชัดว่า การสอบมีสุดมุ่งหมายเป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว โดยไม่ได้คิดเอาคนผิดมาลงโทษ เพราะหากจะดำเนินคดีจริงต้องไล่ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ซึ่งตนยืนยันในส่วนที่เข้าไปเกี่ยวข้องมีเพียงแค่ ครม.อนุมัติเงินให้แก่โครงการนี้เท่านั้น แต่การบริหารสัญญาเกิดขึ้นในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งกินเวลานานกว่าหนึ่งปี จึงต้องไปตาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ว่าเหตุใดจึงละเว้นที่จะตรวจสอบการบริหารสัญญาในรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า สุดท้ายจะกลายเป็นว่ารัฐบาลขว้างงูไม่พ้นคอหรือไม่ เพราะกลับมาพันตัวเอง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ใครทำอะไรไว้ ใครต้องรับผิดชอบส่วนไหนก็ว่ากันตามข้อเท็จจริง อย่าเอาการเมืองมาเป็นตัวตั้ง จึงอยากให้ ร.ต.อ.เฉลิม และนายธาริตไปพิจารณาเรื่องอย่างละเอียด ซึ่งก็ต้องถามนายธาริตว่ามีความจริงจังที่จะดำเนินคดีหรือไม่ หากเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนทั้งของตำรวจ และชาวบ้านจากการก่อสร้างโรงพักไม่แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ร.ต.อ.เฉลิม และ ผบ.ตร คนปัจจุบันว่าจะทำอย่างไรให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่ใช้วิธีโยนความผิดไปรัฐบาลที่แล้ว เพราะทุกคนที่เข้ามาต่างก็มีหน้าที่ และความรับผิดชอบที่ต้องจัดการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากความผิดเกิดขึ้นในช่วงไหนก็ให้เป็นไปตามกระบวนการสอบสวน
ส่วนที่ สตช.เตรียมยกเลิกสัญญานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาทางออก หากไม่ยกเลิกสัญญาก็ต้องดูแลว่าจะทำให้โครงการแล้วเสร็จอย่างไร โดยต้องเร่งให้การก่อสร้างเสร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อประโยชน์ของข้าราชการตำรวจ ครอบครัวตำรวจ และประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การขยายเวลาจนทำให้รัฐเสียหายไม่ได้รับค่าปรับจากเอกชนกว่าหนึ่งพันล้านบาท จะต้องมีใครรับผิดชอบหรือไม่ นายอภิสิทธิกล่าวว่า หากเรื่องนี้ผิดคนรับผิดชอบคือ ผู้ที่ไปดำเนินการ และถ้ามีการนำเรื่องการต่ออายุครั้งสุดท้ายเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในวันที่ 7 พ.ย.55 ตามที่ปรากฏเป็นข่าว และนายธาริตใช้หลักปฏิบัติเดียวที่ทำกับตนก็ต้องให้ ครม.ชุดนี้รับผิดชอบด้วย แต่ต้องถามนายธาริตว่ากล้าหรือไม่ ทั้งนี้ในส่วนของตนยังไม่ได้ฟ้องนายธาริตฐานหมิ่นประมาท แต่ถ้ามีการพาดพิงที่ทำให้เกิดความเสียหายก็พร้อมที่จะรักษาสิทธิตามกฎหมาย
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พร้อมจะให้ความร่วมมือ หากนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เชิญไปหารือเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมที่จะไม่สร้างความขัดแย้ง หลังจากที่มีการหารือระหว่าง นายเจริญ ตัวแทนคนเสื้อแดง และกลุ่มพันธมิตรฯ ไปก่อนหน้านี้ โดยอยากให้มีการหารือครอบคลุมทุกฝ่าย แต่ยังไม่ทราบว่าแนวทางของนายเจริญจะเป็นอย่างไร และไม่ขอแสดงความเห็นที่บทบาทการเป็นแกนกลางในการเจรจากลายเป็นของนายเจริญ แทนที่จะเป็นของนายสมศักดิ์ เกียีตสุรนนท์ ประธานสภา เพราะไม่ทราบว่ามีใครมอบหมายให้นายเจริญหรือไม่ ทั้งนี้ เห็นว่าเป็นความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะออกกกฎหมายนิรโทษกรรม จึงขอยืนยันว่า ให้ยึดประโยชน์ส่วนรวมและประเทศ ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าความพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้ทุกฝ่ายยอมให้มีการนิรโทษกรรมทั้งหมดเพื่อไปเริ่มต้นใหม่เป็นเรื่องยาก และในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามา ทั้งนี้ ตนได้เสนอแนวทางอย่างชัดเจนไปแล้วว่า แนวทางที่นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ออกมาเสนอผ่านเฟซบุ๊กมีเหตุผล สอดคล้องกับที่ตนเคยเสนอให้จำกัดขอบเขตการนิรโทษกรรมให้ชัดเจน หากสนใจก็ควรมาพูดคุยกัน แต่ปัญหาที่ทำให้ยังเดินไม่ได้ในขณะนี้ เพราะรัฐบาลยังไม่ละทิ้งแนวความคิดเดิม กฎหมายปรองดองก็ยังค้างอยู่ในสภา โดยรัฐไม่คิดจำกัดขอบเขตการนิรโทษกรรมกลายเป็นว่าคนที่สมควรได้รับนิรโทษกรรมที่สุดถูกจับเป็นตัวประกันให้แก่คนที่ไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรม ดังนั้น หากต้องการให้เรื่องนี้ได้ข้อยุติอยากให้นายกฯ แสดงจุดยืนทางการเมืองเพราะปัญหาขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย แต่เป็นเรื่องจุดยืนทางการเมือง