วานนี้(21 ม.ค.56) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์และแกนนำกลุ่มนปช. ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอร่างพ.ร.ก.นิรโทษกรรมต่อรัฐบาล ว่า ยังไม่ได้ยื่นร่างดังกล่าวให้กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายกฯติดภารกิจ การเตรียมการของนปช.ใน4ประเด็นมีความพร้อมอยู่แล้ว คิดว่าถ้ามีโอกาสประสานนัดหมายกันได้คงจะเข้าไปในนำเสนอ เบื้องต้นตนได้นำเรียนนายกฯคร่าวๆแล้ว ซึ่งนายกฯรับทราบ แต่ยังไม่เห็นในรายละเอียด คงจะต้องดูในตัวบทกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถามว่า จะกลายชนวนเป็นความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่ นายณัฐวุฒิ ตอบว่า ถ้าไม่มีเงื่อนไขของแกนนำแต่ละกลุ่มเข้าไปร่วม ตนเชื่อมั่นว่าประชาชนไม่ว่าสีไหนที่ประสบชะตากรรมถูกดำเนินคดีจากการเคลื่อนไหวการเมืองจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกฝ่ายที่อยู่ในระดับแกนนำต้องเห็นพ้องต้องกัน ถ้าทุกคนสร้างเงื่อนไขและล็อกสถานการณ์ไว้ไม่ให้ขยับไปทางไหนเลยมีแต่จะรอวิกฤตที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต เราทำพยายามจะถอดสลักความขัดแย้ง ดูแลสถานการณ์ไม่ให้เกิดความตึงเครียดบานปลายขึ้นมาอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางเข้าสักการะอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองอุตรดิตถ์ มีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 17 จังหวัดภาคเหนือ นำโดยนายปัณณวัฒน์ นาคมูล ประธาน นปช. จังหวัดอุตรดิตถ์ ยื่นหนังสือสนับสนุนการออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมต่อนายกฯ โดยมีเนื้อหาว่า เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาที่มีประชาชนออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แล้วถูกจับกุมคุมขังไร้ซึ่งอิสระภาพเป็นจำนวนมา ขณะนี้ก็ยังอยู่ในเรือนจำอีกจำนวนหนึ่ง
ดังนั้นกลุ่มนปช. 17 จังหวัดภาคเหนือเห็นว่าประชาชนที่ถูกคุมขังขณะนี้ควรจะได้รับการปล่อยตัว ควรให้ได้รับอิสรภาพโดยเร็วเพราะเป็นประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีความคิดเห็นที่แตกต่างในทางการเมืองเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ร้ายหรืออาชญากรแต่อย่างใด ดังนั้นจึงกราบเรียนมายังนายกฯเพื่อได้โปรดช่วยพิจารณาออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรมคืนอิสรภาพให้ผู้ถูกคุมขังคนเดียว
ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ส.ว.สรรหา หารือถึงการดำเนินการคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในกรณีการสลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ว่า ขณะนี้ดีเอสไอกำลังดำเนินคดีกับอดีตนายกฯและอดีตรองนายกฯในฐานะผู้ที่รับผิดชอบและผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ซึ่งแนวทางจะต้องตรวจสอบถึงความถูกต้องและความชอบธรรมควบคู่กันไป ซึ่งอธิบดีดีเอสไอถือว่ามีส่วนร่วมในการกระทำที่ตนเองกล่าวหา แต่ขณะนี้กลับมาดำเนินคดีต่อบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันมา แม้ในทางกฏหมายการสอบสวนคดีเป็นเอกสิทธิ์ของพนักงานสอบสวนแต่ตามปกครองการบังคับบัญชาตามสายงานในกรมดีเอสไอรวมถึงพฤติกรรม อธิบดีฯส่อแสดงให้เห็นถึงการก้าวล่วงเข้าไปเกี่ยวข้องรับรู้ในสำนวนคดีการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบอยู่อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อธำรงไว้เพื่อความยุติธรรมจึงขอเรียนไปยัง รมว.ยุติธรรม นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาปรับเปลี่ยนตัวอธิบดีดีเอสไอในระหว่างการสอบสวนคดีในครั้งนี้เพื่อให้เกิดความถูกต้องและชอบธรรมในคดีโดยเร่งด่วน.
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีที่แกนนำ นปช.เสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ให้กับผู้ที่รับโทษสืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองนั้น โดยส่วนตัวเห็นด้วยหากที่จะให้ความช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่เป็นประชาชนจริงๆ ที่ออกมาชุมนุมทางการเมืองแล้วได้รับการกล่าวโทษว่ากระทำผิดทางอาญา แต่ไม่เห็นกับกฎหมายนิรโทษกรรมที่ทางแกนนำ นปช.เสนอต่อรัฐบาลใน 3 ประการ ได้แก่
ประการที่ 1.กรณีที่มีร่างกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมที่อ้างว่าสืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นการร่างกฎหมายเพื่อช่วยเหลือนักการเมืองในคดีอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง เพราะคดีความขัดแย้งทางการเมืองจะมีคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจรติคอรัปชั่นสามารถนำมากล่าวอ้างว่าเป็นการขัดแย้งทางการเมืองได้ด้วย รวมไปถึงกรณีที่นักการเมืองขัดแย้งกันเองก็จะได้รับนิรโทษกรรมด้วย และในประการสำคัญผู้ที่กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยการหมิ่นสถาบันนั้นก็จะนำมาอ้างว่าเป็นการขัดแย้งทางการเมืองและจะได้รับการนิรโทษกรรมด้วย
ส่วนประการที่ 2 เรื่องที่กำหนดการยกเว้นบุคคลที่ได้รับผลการนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ที่สั่งการ ซึ่งการกำหนดเช่นนี้เป็นการหมกเม็ด เพื่อช่วยเหลือนักการเมืองที่เป็นพวกเดียวกัน จึงต้องกำหนดความหมายที่แยกนักการเมืองออกจากประชาชนให้ชัดเจน โดยต้องกำหนดว่าไม่มีผลต่อผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย และประการที่ 3. การกำหนดช่วงเวลากฎหมายให้มีผล ในวันที่ 1 มกราคม 2553 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2554 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการเอื้อเฉพาะกลุ่ม จึงเห็นว่าควรจะเปลี่ยนเป็นตั้งแต่ ปี 2548 จนถึง ปี 2555 จึงจะเป็นการออกกฎหมายที่ไม่เลือกปฏิบัติ
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ตนขอเรียกร้องไปยังกลุ่มมวลชนทั้งสีเหลือง และสีแดง ต้องรู้เท่าทันนักการเมืองที่จับประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อออกกฎหมายที่นิรโทษพวกตนเอง โดยไม่ได้ต้องการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ญาติผู้เสียชีวิต ประมาณ 10 ราย นำโดยนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาน.ส.กมนเกด อัคฮาด ที่เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อมอบดอกกุหลาบสีแดงให้กำลังใจการทำงานของดีเอสไอ โดยกล่าวว่าตนและญาติผู้เสียชีวิตต้องการให้กำลังใจเพราะเห็นว่าขณะนี้ดีเอสไอถูกโจมตีการทำงาน ซึ่งญาติผู้เสียชีวิตเชื่อว่าการทำงานของดีเอสไอกำลังเดินหน้าดำเนินคดีการเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะยังมีญาติผู้เสียชีวิตอีกหลายคนที่รอความยุติธรรม
ดังนั้นไมว่าดีเอสไอจะถูกโจมตีอย่างไรขอให้รู้ว่ายังมีกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตที่คอยให้กำลังใจดีเอสไอและพนักงานสอบสวนทุกคน พร้อมกันนี้นางพะเยาว์ยังได้มอบภาพถถ่ายคู่กันระหว่างพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง กับน.ส.กมนเกด โดยฝากว่าทุกครั้งที่รู้สึกท้อแท้ขอให้มองดูรูปนี้ว่าบุคคลทั้ง 2 ในรูปยังรอคอยความยุติธรรมอยู่
ด้านนายธาริต กล่าวว่า จะนำกำลังใจที่ได้รับไปบอกกับพนักงานสอบสวนทุกคนเพื่อให้มีกำลังใจในการทำงานต่อไป ทั้งนี้เชื่อว่าการถูกโจมตีในขณะนี้เป็นความต้องการลดความน่าเชื่อถือของดีเอสไอ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานรู้สึกท้อถอย แต่ตนเองยืนยันว่าจะทำหน้าที่สืบหาความจริงเรื่องดังกล่าว
อีกเรื่องความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหันรีหันขวางสุดท้ายต้องไปใช้บริการ 3 สถาบันการศึกษา แต่มีการตั้งโจทย์ให้เสร็จ ขอเรียกว่าเป็นการซ่อนหรืออำพราง เพราะแท้จริงต้องการนำไปสู่การยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ปลดล็อกพันธนาการให้กับใครบางคน ยกเลิกองค์กรอิสระ ขอฝากไปยังอธิการบดีของทั้ง 3 สถาบัน เเละคณบดีคณะนิติศาสตร์ทั้งหมดว่าเสรีภาพทางวิชาการอยู่ตรงไหน ทำไมต้องให้คนอื่นตั้งโจทย์ให้ ทั้งที่สามารถพิจารณาตั้งโจทย์ได้เองว่า ทำอย่างไรจะเกิดผลดีต่อการร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมด
วันเดียวกัน มีผู้โพตส์คลิปวีดีโอผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุข้อความ พระมหาโชว์ ทสฺสนีโย "พระมหาโชว์" ฉะ 3 รัฐมนตรี ชุปมือเปิปจากผลงานของคนเสื้อแดง พวกรัฐมนตรีชุปมือเปิป ไม่ได้ทำห่าอะไร ผ่านเวปไซด์ยูทิป โดยในคลิปอ้างว่า มหาโชว์ ได้ขึ้นปราศรัย บนเวทีคนเสื้อแดงปทุมธานี ด่ารัฐมนตรีที่ชุบมือเปิบจากคนเสื้อแดง เช่น นายวราเทพ รัตนากร ,น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ ,พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ,นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล (https://www.youtube.com/watch?v=jCjFgPkQypo)
“คนเสื้อเเดงเขามาตอกปูน เขามาตอกเสาเข็ม เขามาก่ออิฐถือปูน “ท้ายที่สุดเหลือกระเบื้อง2-3 เเผ่นจะเสร็จไอ้พวกเปรตนี้มันก็เข้ามา ขอฝากกระเบื้องมุงหลังคา”“วราเทพ รัตนากร” ก็ไม่ได้ทำห่าอะไรหรอก“ศันสนีย์ นาคพงศ์” ก็ไม่ได้ทำห่าอะไรหรอก “รมต.มหาดไทย” ได้ทำห่าอะไรไหม ไม่ได้ทำห่าอะไรเลย “ประชา พรหมนอก” ได้ทำห่าอะไรไหม ไม่ได้ทำห่าอะไรเลย “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” ได้ทำห่าอะไรไหม ไม่ได้ทำห่าอะไรเลย
มันได้ดีกันหมด เอ้าปรบมือ เเช่งมันสักทีเหอะ “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” ได้ทำห่าอะไรบ้างไหม ไปเซ็นต์ไหมศาลระหว่างประเทศ มันกล้าไหม เเล้วเป็นรัฐมนตรีอะไรโยม เป็นรัฐมนตรีห่า หมายเหตุ : พระมหาโชว์ เป็นพระขาประจำที่ขึ้นเวทีเสื้อเเดงมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางเข้าสักการะอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองอุตรดิตถ์ มีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 17 จังหวัดภาคเหนือ นำโดยนายปัณณวัฒน์ นาคมูล ประธาน นปช. จังหวัดอุตรดิตถ์ ยื่นหนังสือสนับสนุนการออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมต่อนายกฯ โดยมีเนื้อหาว่า เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาที่มีประชาชนออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แล้วถูกจับกุมคุมขังไร้ซึ่งอิสระภาพเป็นจำนวนมา ขณะนี้ก็ยังอยู่ในเรือนจำอีกจำนวนหนึ่ง
ดังนั้นกลุ่มนปช. 17 จังหวัดภาคเหนือเห็นว่าประชาชนที่ถูกคุมขังขณะนี้ควรจะได้รับการปล่อยตัว ควรให้ได้รับอิสรภาพโดยเร็วเพราะเป็นประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีความคิดเห็นที่แตกต่างในทางการเมืองเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ร้ายหรืออาชญากรแต่อย่างใด ดังนั้นจึงกราบเรียนมายังนายกฯเพื่อได้โปรดช่วยพิจารณาออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรมคืนอิสรภาพให้ผู้ถูกคุมขังคนเดียว
ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ส.ว.สรรหา หารือถึงการดำเนินการคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในกรณีการสลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ว่า ขณะนี้ดีเอสไอกำลังดำเนินคดีกับอดีตนายกฯและอดีตรองนายกฯในฐานะผู้ที่รับผิดชอบและผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ซึ่งแนวทางจะต้องตรวจสอบถึงความถูกต้องและความชอบธรรมควบคู่กันไป ซึ่งอธิบดีดีเอสไอถือว่ามีส่วนร่วมในการกระทำที่ตนเองกล่าวหา แต่ขณะนี้กลับมาดำเนินคดีต่อบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันมา แม้ในทางกฏหมายการสอบสวนคดีเป็นเอกสิทธิ์ของพนักงานสอบสวนแต่ตามปกครองการบังคับบัญชาตามสายงานในกรมดีเอสไอรวมถึงพฤติกรรม อธิบดีฯส่อแสดงให้เห็นถึงการก้าวล่วงเข้าไปเกี่ยวข้องรับรู้ในสำนวนคดีการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบอยู่อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อธำรงไว้เพื่อความยุติธรรมจึงขอเรียนไปยัง รมว.ยุติธรรม นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาปรับเปลี่ยนตัวอธิบดีดีเอสไอในระหว่างการสอบสวนคดีในครั้งนี้เพื่อให้เกิดความถูกต้องและชอบธรรมในคดีโดยเร่งด่วน.
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีที่แกนนำ นปช.เสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ให้กับผู้ที่รับโทษสืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองนั้น โดยส่วนตัวเห็นด้วยหากที่จะให้ความช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่เป็นประชาชนจริงๆ ที่ออกมาชุมนุมทางการเมืองแล้วได้รับการกล่าวโทษว่ากระทำผิดทางอาญา แต่ไม่เห็นกับกฎหมายนิรโทษกรรมที่ทางแกนนำ นปช.เสนอต่อรัฐบาลใน 3 ประการ ได้แก่
ประการที่ 1.กรณีที่มีร่างกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมที่อ้างว่าสืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นการร่างกฎหมายเพื่อช่วยเหลือนักการเมืองในคดีอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง เพราะคดีความขัดแย้งทางการเมืองจะมีคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจรติคอรัปชั่นสามารถนำมากล่าวอ้างว่าเป็นการขัดแย้งทางการเมืองได้ด้วย รวมไปถึงกรณีที่นักการเมืองขัดแย้งกันเองก็จะได้รับนิรโทษกรรมด้วย และในประการสำคัญผู้ที่กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยการหมิ่นสถาบันนั้นก็จะนำมาอ้างว่าเป็นการขัดแย้งทางการเมืองและจะได้รับการนิรโทษกรรมด้วย
ส่วนประการที่ 2 เรื่องที่กำหนดการยกเว้นบุคคลที่ได้รับผลการนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ที่สั่งการ ซึ่งการกำหนดเช่นนี้เป็นการหมกเม็ด เพื่อช่วยเหลือนักการเมืองที่เป็นพวกเดียวกัน จึงต้องกำหนดความหมายที่แยกนักการเมืองออกจากประชาชนให้ชัดเจน โดยต้องกำหนดว่าไม่มีผลต่อผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย และประการที่ 3. การกำหนดช่วงเวลากฎหมายให้มีผล ในวันที่ 1 มกราคม 2553 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2554 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการเอื้อเฉพาะกลุ่ม จึงเห็นว่าควรจะเปลี่ยนเป็นตั้งแต่ ปี 2548 จนถึง ปี 2555 จึงจะเป็นการออกกฎหมายที่ไม่เลือกปฏิบัติ
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ตนขอเรียกร้องไปยังกลุ่มมวลชนทั้งสีเหลือง และสีแดง ต้องรู้เท่าทันนักการเมืองที่จับประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อออกกฎหมายที่นิรโทษพวกตนเอง โดยไม่ได้ต้องการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ญาติผู้เสียชีวิต ประมาณ 10 ราย นำโดยนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาน.ส.กมนเกด อัคฮาด ที่เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อมอบดอกกุหลาบสีแดงให้กำลังใจการทำงานของดีเอสไอ โดยกล่าวว่าตนและญาติผู้เสียชีวิตต้องการให้กำลังใจเพราะเห็นว่าขณะนี้ดีเอสไอถูกโจมตีการทำงาน ซึ่งญาติผู้เสียชีวิตเชื่อว่าการทำงานของดีเอสไอกำลังเดินหน้าดำเนินคดีการเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะยังมีญาติผู้เสียชีวิตอีกหลายคนที่รอความยุติธรรม
ดังนั้นไมว่าดีเอสไอจะถูกโจมตีอย่างไรขอให้รู้ว่ายังมีกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตที่คอยให้กำลังใจดีเอสไอและพนักงานสอบสวนทุกคน พร้อมกันนี้นางพะเยาว์ยังได้มอบภาพถถ่ายคู่กันระหว่างพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง กับน.ส.กมนเกด โดยฝากว่าทุกครั้งที่รู้สึกท้อแท้ขอให้มองดูรูปนี้ว่าบุคคลทั้ง 2 ในรูปยังรอคอยความยุติธรรมอยู่
ด้านนายธาริต กล่าวว่า จะนำกำลังใจที่ได้รับไปบอกกับพนักงานสอบสวนทุกคนเพื่อให้มีกำลังใจในการทำงานต่อไป ทั้งนี้เชื่อว่าการถูกโจมตีในขณะนี้เป็นความต้องการลดความน่าเชื่อถือของดีเอสไอ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานรู้สึกท้อถอย แต่ตนเองยืนยันว่าจะทำหน้าที่สืบหาความจริงเรื่องดังกล่าว
อีกเรื่องความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหันรีหันขวางสุดท้ายต้องไปใช้บริการ 3 สถาบันการศึกษา แต่มีการตั้งโจทย์ให้เสร็จ ขอเรียกว่าเป็นการซ่อนหรืออำพราง เพราะแท้จริงต้องการนำไปสู่การยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ปลดล็อกพันธนาการให้กับใครบางคน ยกเลิกองค์กรอิสระ ขอฝากไปยังอธิการบดีของทั้ง 3 สถาบัน เเละคณบดีคณะนิติศาสตร์ทั้งหมดว่าเสรีภาพทางวิชาการอยู่ตรงไหน ทำไมต้องให้คนอื่นตั้งโจทย์ให้ ทั้งที่สามารถพิจารณาตั้งโจทย์ได้เองว่า ทำอย่างไรจะเกิดผลดีต่อการร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมด
วันเดียวกัน มีผู้โพตส์คลิปวีดีโอผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุข้อความ พระมหาโชว์ ทสฺสนีโย "พระมหาโชว์" ฉะ 3 รัฐมนตรี ชุปมือเปิปจากผลงานของคนเสื้อแดง พวกรัฐมนตรีชุปมือเปิป ไม่ได้ทำห่าอะไร ผ่านเวปไซด์ยูทิป โดยในคลิปอ้างว่า มหาโชว์ ได้ขึ้นปราศรัย บนเวทีคนเสื้อแดงปทุมธานี ด่ารัฐมนตรีที่ชุบมือเปิบจากคนเสื้อแดง เช่น นายวราเทพ รัตนากร ,น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ ,พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ,นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล (https://www.youtube.com/watch?v=jCjFgPkQypo)
“คนเสื้อเเดงเขามาตอกปูน เขามาตอกเสาเข็ม เขามาก่ออิฐถือปูน “ท้ายที่สุดเหลือกระเบื้อง2-3 เเผ่นจะเสร็จไอ้พวกเปรตนี้มันก็เข้ามา ขอฝากกระเบื้องมุงหลังคา”“วราเทพ รัตนากร” ก็ไม่ได้ทำห่าอะไรหรอก“ศันสนีย์ นาคพงศ์” ก็ไม่ได้ทำห่าอะไรหรอก “รมต.มหาดไทย” ได้ทำห่าอะไรไหม ไม่ได้ทำห่าอะไรเลย “ประชา พรหมนอก” ได้ทำห่าอะไรไหม ไม่ได้ทำห่าอะไรเลย “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” ได้ทำห่าอะไรไหม ไม่ได้ทำห่าอะไรเลย
มันได้ดีกันหมด เอ้าปรบมือ เเช่งมันสักทีเหอะ “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” ได้ทำห่าอะไรบ้างไหม ไปเซ็นต์ไหมศาลระหว่างประเทศ มันกล้าไหม เเล้วเป็นรัฐมนตรีอะไรโยม เป็นรัฐมนตรีห่า หมายเหตุ : พระมหาโชว์ เป็นพระขาประจำที่ขึ้นเวทีเสื้อเเดงมาโดยตลอด