“ธีระ” วอน รบ.ทำคดีทุบรื้อศาลฎีกาให้เป็นตัวอย่าง หลังกรมศิลป์ฟ้องเลขาฯ ศาลยุติธรรม เหตุถืออำนาจใน กม.ทั้งคู่-ตัวแทน 40 ส.ว.ติงโครงการซื้อรถเมล์เอ็นจีวีแพงไป ส่อล็อกสเปก บี้เปิดราคากลางตาม กม.ป.ป.ช. เตือน รบ.อย่าทำมีมลทินเพิ่ม หลังจำนำข้าวทำหนี้เพียบ
วันนี้ (7 ม.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานคนที่ 1 เป็นประธานโดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายธีระ สุวรรณกุล ส.ว.สรรหา หารือว่ากรณีการร้องเรียนการทุบรื้อศาลฎีกา ถ.ราชดำเนินใน โดยมีสำนักงานศาลยุติธรรมและกรมศิลปากรเป็นคดีความกันอยู่ โดยเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการศาสนา วุฒิสภา ได้ลงพื้นที่ดูอาคารดังกล่าวในส่วนที่เป็นโบราณสถานและได้ขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากรแล้วกำลังถูกทุบรื้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางเลขาธิการศาลยุติธรรมได้อ้างถึงสัญญาที่ได้กระทำไว้ว่าจะมีการทุบรื้อสิ้นสุดแค่ไหน จึงกลายเป็นประเด็นที่ยังต้องรอข้อมูลเพิ่มเติม
นายธีระกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม องค์กรภาคประชาชนก็ได้ร้องเรียนคัดค้านมายัง กมธ.อย่างต่อเนื่อง โดยทาง กมธ.ก็อยู่ระหว่างพิจารณาและเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ขณะที่ทางกรมศิลปากรได้แจ้งความดำเนินคดีสำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรมด้วย ตนจึงเป็นห่วงว่าหน่วยงานรัฐทั้งสอง โดยเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง และอีกฝ่ายเป็นหน่วยงานที่ใช้อำนาจตุลาการ มีความขัดแย้งกันเองในการใช้กฎหมายและการยกเว้นการใช้กฎหมาย จึงอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณา เพราะจะเป็นกรณีตัวอย่างต่อไปสำหรับเหตุที่อาจเกิดขึ้นคล้ายกันนี้
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เตรียมพิจารณาอนุมัติโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 3,183 คัน มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาทนั้น ตนเห็นด้วยที่จะมีรถเมล์ใหม่ และจำเป็นต้องเปลี่ยนรถเมล์ให้มาใช้ก๊าซเอ็นจีวีแทนน้ำมันดีเซล แต่ขอท้วงติงว่ารถเมล์ที่ราคาคันละ 4 ล้านบาท ถือว่าสูงกว่าที่ควรจะเป็น ที่ต้องไม่เกินคันละ 3 ล้านบาท อีกทั้งการใช้งบประมาณที่นั้นเป็นห่วงเรื่องการประมูลที่ให้มีเพียงสัญญาเดียว โดยประเด็นนี้ถือว่าเข้าข่ายการล็อกสเปก จำกัดจำนวนผู้มาประมูล เรื่องนี้ ป.ป.ช.เคยมีความเห็นและแจ้งไปยังรัฐบาลแล้วว่าควรแบ่งการประมูลออกเป็น 10 สัญญาๆ ละ 300 คัน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
“ที่สำคัญขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยราคากลาง ตามกฎหมาย ป.ป.ช.ที่ระบุให้รัฐบาลต้องเปิดเผย นอกจากนั้นแล้วตนในฐานะ ปธ.อนุ กมธ.กฎหมายป้องกันการทุจริตและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ขอให้รัฐบาลอย่าเพิ่มเรื่องให้ตกเป็นจำเลยของสังคมในประเด็นความไม่โปร่งใสอีก หลังจากที่ก่อนหน้านั้นมีเรื่องความไม่โปร่งใสในโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดทำให้ประเทศเสียหายเป็นมูลค่ากว่าปีละหลายล้านบาท” นายไพบูลย์กล่าว
