“ยะใส” ตั้งข้อสังเกต พ.ร.ก.นิรโทษกรรมไม่ครอบคลุมคนสั่งการ แกนนำแดงหวังโยนผิด “ทักษิณ” คนเดียว เชื่อเป็นแค่เกมต่อรองทางการเมือง ไม่ได้ช่วยประชาชนอย่างแท้จริง ท้า “ณัฐวุฒิ” กล้าชงเข้า ครม.หรือเปล่า ด้าน “ส.ว.ไพบูลย์” แนะ นปช.ล่า 1 หมื่นรายชื่อเสนอเป็น พ.ร.บ.เลย พิสูจน์ความจริงใจต่อมวลชน
วันที่ 17 ม.ค. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
นายไพบูลย์กล่าวถึงการเสนอ พ.ร.ก.นิรโทษกรรมของ นปช.ว่า รัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจนในมาตรา 184 เรื่องของหลักการและเงื่อนไขการออก พ.ร.ก. เช่นจะต้องมีเรื่องของการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ ความปลอดภัยของประเทศ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ภัยพิบัติต่างๆ และเงื่อนไขความจำเป็นเร่งด่วนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งประเด็นที่ นปช.เสนอนี้ไม่มีทางเข้ามาตรา 184 เลย ถ้ารัฐบาลขืนออก พ.ร.ก.ตามนี้ก็ตาย เพราะว่าออกเสร็จไม่ได้มีผลเลย ส.ว.-ส.ส.สามารถเข้าชื่อกัน 1 ใน 5 ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ถ้าวินิจฉัยแล้วไม่เข้าข่ายเรื่องก็ตกไป ฉะนั้นไม่มีประโยชน์ที่รัฐบาลจะทำอย่างนั้น แต่กลับเป็นโทษ เพราะถ้าศาลบอกว่าทำไม่ได้รัฐบาลคงถูกเช็กบิล เรื่องนี้ตนคิดว่ารัฐบาลไปร่วมไม่ได้อย่างแน่นอน แต่สงสัยว่าเมื่อปลายปีที่แล้วจะออกเป็น พ.ร.บ. แต่ตอนนี้จะเอาเป็น พ.ร.ก. ไม่รู้เพราะมีอะไรเปลี่ยนแปลงช่วงระหว่างที่โบนันซ่าหรือเปล่า และตนขอพูดไปยังนางธิดา ถาวรเศรษฐ ว่าให้รวบรวมรายชื่อเสื้อแดง 1 หมื่นรายชื่อ ซึ่งหาได้มากกว่านี้แน่นอน เสนอร่างนี้เป็น พ.ร.บ.เข้าสภาเลย ให้ทางฝ่ายรัฐบาลไปผลักดันเอาเอง นี่น่าจะเป็นกระบวนการที่ถูกต้อง มวลชนเสื้อแดงน่าจะเร่งรัดแกนนำ อย่ามัวแต่พูด ส่วนรัฐบาลไม่ทำให้จะได้รู้กัน
แต่เรียนว่าร่าง พ.ร.ก.นี้ สิ่งหนึ่งที่ตนมองตั้งแต่สมัย พ.ร.บ.ปรองดอง มันก็เป็นแค่กระบวนการที่คนอยู่เมืองนอกพยายามจับประชาชนมาเป็นตัวประกัน เวลาขอปรองดอง นิรโทษกรรม จริงๆ มีอยู่ 2 ส่วน คือ ประชาชน และนักการเมือง แต่เขาไม่ยอมแยกสองส่วนนี้ออกจากกัน ถ้าแยกแล้วทำสำเร็จ ประชาชนเสื้อแดงที่เดือดร้อนได้รับการปัดเป่าก็จบแล้ว แต่คนเมืองนอกก็จะไม่ได้รับการช่วยไปด้วย อันนี้ก็เหมือนการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐบาลปล่อยให้พรรคร่วมแก้เรื่องยุบพรรค แก้เรื่องวาระ ส.ว. หากแก้เสร็จแรงขับที่จะมาร่วมกันแก้เพื่อลบมาตรา 309 หรือแก้ทั้งฉบับก็จะหมดไป เขาเลยจับเป็นตัวประกันไว้ เข้าใจความทุกข์ของประชาชนเสื้อแดง ฉะนั้นอย่ามัวแต่เรียกร้อง ลงมือเข้าชื่อเสนอกฎหมายผ่านรัฐบาลเข้าไปเลย
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ทำไมเปลี่ยนจาก พ.ร.บ.มาเป็น พ.ร.ก. เพราะออกโดย ครม.เท่านั้นเอง ถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการ เสื้อแดงก็จะบอกว่าทำแล้วแต่รัฐบาลไม่ทำ แต่ถ้าเป็น พ.ร.บ.ก็จะโดนว่าทำไมไม่รวบรวมรายชื่อเสนอ ทำอย่างนี้แกนนำแดงก็ให้มวลชนเห็นว่าจะช่วยแล้ว และโยนทุกอย่างไปที่ ครม. ซึ่งระยะหลังเสื้อแดงกับ ครม.พูดไปคนละทางหลายเรื่อง อย่าผ่านวาระ 3 พวก ครม.กลัวหลุดจากอำนาจ ส่วน นปช.ก็เร่งให้ผ่านไปเลย ทั้งหมดน่าพิสูจน์ความจริงใจรัฐบาลด้วยการที่แกนนำเสื้อแดงล่ารายชื่อเสนอกฎหมายเลย
นายสุริยะใสกล่าวว่า ร่าง พ.ร.ก. มี 4 มาตรา ที่มีนัยสำคัญเพียงมาตรา 3 ระบุว่า “บรรดาผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2550 จนถึง วันที่ 31 ธ.ค. 2554” ตนไม่เข้าใจทำไมกำหนดระยะเวลาตรงนี้ ต่างจากนิติราษฎร์ ต่างจากข้อเท็จจริงทางการเมืองที่ความขัดแย้งทางการเมืองเกิดตั้งแต่ปี 48 ปลายๆ แล้วเขียนต่อว่า “ไม่ว่าจะได้รับโทษจำคุกจากคำพิพากษาอันถึงที่สุด หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีซึ่งยังไม่ถึงที่สุด ให้ถือว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด และให้พ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง” อันนี้หนักกว่าข้อเสนอของนิติราษฎร์อีก คือไล่ศาลกลับบ้านเลย และวรรคสุดท้าย “ความในวรรคก่อนไม่รวมถึงผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจหรือสั่งการ ให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ในห้วงเวลาดังกล่าว” วรรคนี้ถูกตีความประโยคที่ว่า “ไม่รวมถึงผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจหรือสั่งการ” สำหรับเสื้อเหลืองชัดเจนว่าแกนนำมี 4 คน แต่แกนนำ นปช.คือ พ.ต.ท.ทักษิณหรือเปล่า ถ้าอำนาจสั่งการอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว แกนนำ นปช.ทั้ง 13 คนก็จะหลุดจากความผิดหมด แต่ทักษิณโดนคนเดียว นี่เสื้อแดงกำลังวางยาทักษิณหรือเปล่า
และนี่อาจเป็นเหตุให้นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงถึงความหงุดหงิดต่อ พ.ร.ก.นี้ ว่าพวกนี้เสนออะไรมั่วไปหมด นั่นก็เพราะอาจเนื่องมาจากการปรับครม.ที่นายจตุพรพลาดตำแหน่ง อีกทั้งปฏิญญาเขาใหญ่ก็ถูกทักษิณแช่แข็งหมดเลย เลยมากันลูกนี้เลย
อย่างที่ว่าให้ประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ร.บ.เลย แต่ปัญหาคนที่ไม่ทำคือพรรคเพื่อไทย ดังนั้น พ.ร.ก.นี้เป็นแค่เกมต่อรองทักษิณเท่านั้นเอง โดยหลักการฟังดูดีมากคือนิรโทษกรรมให้ประชาชนที่บริสุทธิ์ทุกสี แต่พอเขียนแบบนี้มันซ่อนเร้นเยอะ
นายสุริยะใสกล่าวด้วยว่า มันสะท้อนความขัดแย้งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าช่วงเป็นรัฐบาลใหม่ๆ นปช.จะแถลงหนุนนิติราษฎร์ แต่อันนี้ไม่รอ ออก พ.ร.ก.เลยเร็วดี แล้วจะได้วัดใจเลยรัฐบาลจะช่วยหรือเปล่า ฉะนั้นนี่เป็นเกมชิงมวลชนระหว่างแกนนำเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทย ใครได้ประโยชน์จากการต่อสู้ของเสื้อแดงมากกว่า ตนขอถามกลับไปที่นายณัฐวุฒิ ที่บอกว่าประชาชนทุกสีได้ประโยชน์ ขยายความให้ชัดได้หรือไม่ ถ้าชัดเจนประชาชนกลางๆ อาจร่วมเข้าชื่อก็ได้ แต่การเขียนที่มีนัยแฝงเร้นต่อรองการเมือง ไม่มีใครเล่นกับคุณหรอก ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจมากกว่านี้ แต่เท่าที่เห็นเป็นเพียงเกมต่อรองการเมืองของคุณเท่านั้นเอง หรือเอาอย่างนี้ในเมื่อนายณัฐวุฒิเข้าประชุม ครม. กล้าเสนอร่าง พ.ร.ก.เลยไหม
