หน.ปชป.ทำใจรอ ป.ป.ช.เรียก หลังดีเอสไอชงข้ามหัวไม่ยอมเรียกสอบ มั่นใจไม่ฝืนมติ ครม.เรื่องจัดจ้าง ยกคำ “ปทีป” ยันไร้ล้วงลูก ชี้มี ตร.เอี่ยว ไม่ใช่แค่ตนกับ “สุเทพ” ยัน “จูดี้” รู้เห็น
วันนี้ (6 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเรื่องการก่อสร้างโครงการสถานีตำรวจ (ทดแทน) ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า คงจะพูดรายละเอียดอะไรได้ยากมาก เพราะเป็นการส่งเรื่องไปโดยที่ไม่เคยเรียกไปชี้แจง ไม่เคยแสดงเอกสารหลักฐานอะไรที่ใช้ในการที่จะกล่าวหา เพราะฉะนั้นก็คงทำได้เพียงแค่รอการพิจารณาของ ป.ป.ช. หากเห็นว่ามีมูลแล้วเรียกไปให้ข้อเท็จจริง ตนก็มีสิทธิ์ในการที่จะทราบในรายละเอียดข้อกล่าวหา แต่ที่แปลกใจคือ ดีเอสไอตั้งข้อหาว่าทำผิดเพราะฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนค่อนข้างมั่นใจว่าในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างนั้นไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไร ถ้าจะมีเกี่ยวข้องกับตนนั้นก็ต้องเข้า ครม. ถ้าเข้า ครม.แล้วมติ ครม.ของรัฐบาลตนก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงมติ ครม.ของรัฐบาลชุดก่อน หรือแม้กระทั่งรัฐบาลชุดของตนเองได้อยู่แล้ว ก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นความผิดอย่างไร แต่เท่าที่จำได้นั้นก็เข้าใจว่า ครม.นั้นไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวว่าจะจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีใด ส่วนความพยายามที่จะกล่าวหาตนกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ว่าเข้าไปล้วงลูก ทาง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตจเรตำรวจก็พูดชัดเจนว่าไม่มีการล้วงลูก จึงไม่ทราบว่าพยานหลักฐานที่ดีเอสไอใช้คืออะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดีเอสไอระบุว่านายอภิสิทธิ์เข้าข่ายมีความผิดในมาตรา 157 และนายสุเทพเข้าข่าย 2 กรณี คือ มาตรา 157 และมาตราที่ว่าด้วย พ.ร.บ.การฮั้วการประมูล โดยที่ไม่มีข้าราชการตำรวจฝ่ายประจำซึ่งเกี่ยวข้องกับหนังสือนี้โดยตรง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็คงมองเป็นอื่นยาก คนที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้มีหลายคน และเอกสารระบุชัดเจนว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง แม้กระทั่งตอนที่ประมูลเสร็จแล้ว ซึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ก็เป็นคนเสนอมาว่าทุกอย่างถูกต้อง ทำไมไม่มีการกล่าวหาด้วย