“ชูวิทย์” ลงทุนกว่า 1 ล้านบาททำโปสเตอร์ขนาดใหญ่ติดประจานความอัปยศโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่งทั่วกรุง ลั่นไม่รื้อจนกว่าจะหาผู้กระทำได้ ซัด “อดุลย์” ทำมึนอ้างศักดิ์ศรีไม่ไปให้การดีเอสไอ ทั้งที่ความผิดอยู่ที่การบริหารสัญญาจนเกิดความเสียหาย เอื้อบริษัทผู้รับเหมาไม่ต้องเสียค่าปรับ ไม่เกี่ยวกับการทำสัญญา
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย แถลงว่า ตนได้ลงทุนกว่า 1 ล้านบาท จัดทำโปสเตอร์ขนาดใหญ่เพื่อประจานถึงกรณีการทุจริตในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ วงเงิน 5,848 ล้านบาท โดยมีข้อความ “โครงการโรงพักจำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ วงเงิน 5,848 ล้านบาท อีกโครงการอัปยศ อย่าปล่อยให้คอร์รัปชันลอยนวล” มีภาพประกอบโรงพักที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ซึ่งป้ายดังกล่าวกระจายทั่วกรุงเทพมหานคร จำนวน 2,000 ป้าย
นายชูวิทย์กล่าวว่า วันนี้จะขึ้นป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่บริเวณทางด่วนมักกะสัน เพื่อต้องการสื่อสารให้ประชาชนทราบ การกระทำครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้ความรู้แก่ประชาชนให้เข้าใจว่ามีการทุจริตคอรัปชันถึงขนาดนี้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะติดตั้งป้ายประจานดังกล่าวต่อเนื่องไปจนกว่าจะหาผู้กระทำผิดได้รวมทั้งมีผู้ออกมารับผิดชอบในเรื่องนี้
นายชูวิทย์กล่าวอีกว่า เรื่องการทุจริตในโครงการก่อสร้างโรงพัก (ทดแทน) ต้องบอกกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่าไม่เกี่ยวกับยศถาบรรดาศักดิ์ หรือศักดิ์ศรี แต่เป็นเรื่องของความถูกต้อง และความรับผิดชอบ เพราะเป็นการบริหารสัญญาที่ชุ่ย ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้น พล.ต.อ.อดุลย์อย่าแกล้งหลงประเด็น ตำรวจถนัดเรื่องเบี่ยงเบนประเด็น เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังสือสัญญา แต่อยู่ที่การบริหารสัญญา และขอฝากไปยังนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ว่านายธาริตก็ไม่มีความชอบธรรม เลือกที่รักมักที่ชัง ตนเห็นว่านายธาริตเป็นคนขยัน ทำงานถึงวันอาทิตย์ ก็อยากให้เชิญตนไปให้ข้อมูลเพื่อจะได้เอาหลักฐานไปให้
นายชูวิทย์กล่าวถึงการต่อสัญญาก่อสร้างรอบที่ 3 ให้กับบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ตามมติ ครม.วันที่ 7 สิงหาคม 2555 ระยะเวลา 60 วัน โดยมีกำหนดส่งมอบงานในวันที่ 14 มีนาคม 2556 ว่า หนังสือดังกล่าวลงนามโดย พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทน ผบ.ตร. แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กลับมีการตัดหลักเกณฑ์ที่เป็นโทษต่อผู้รับเหมาออก เหลือเพียงหลักเกณฑ์ที่เป็นคุณต่อผู้รับเหมาไว้ อาทิ ช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากประสบอุทกภัย ใน 10 จังหวัด แต่ สตช.กลับใช้หลักการนี้เป็นสัญญาเดียวกันทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังไม่ปฏิบัติตามมติ ครม.วันที่ 7 สิงหาคม 2555 ข้อ 1.6 ที่ระบุว่า หากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาและยังไม่เคยเข้ามาในทำงาน ในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันควร จนกระทั่งเกิดเหตุอุทกภัย ผู้รับจ้างไม่อาจขอรับความช่วยเหลือได้ ยังคงให้ถือปฏิบัติตามเดิม ก็ไม่ต้องขยายสัญญาและยกเลิกสัญญาได้
“เหตุใด สตช.จึงไม่ยกยกเลิกสัญญา เพราะมีเหตุให้เชื่อได้ว่าผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานได้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยหัวหน้าส่วนราชการสามารถบอกยกเลิกได้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2552 ข้อที่ 137 แต่กลับใช้ระเบียบข้อที่ 139 โดยการงดหรือลดค่าปรับให้กับคู่สัญญา ซึ่งเป็นเงินวันละ 5.8 ล้านบาท ถือว่าเป็นคุณแก่ผู้รับเหมา”