ตรงเป้า/สามยอด
ปืนลั่นใส่พวกกันเอง ทุจริตสร้างโรงพัก ตร.ท่าทางจะกลายเป็นทํา “ปืนลั่น” ใส่พวกเดียวกันเองซะแล้ว การเปิดเกมรุกไล่ สุเทพ เทือกสุบรรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กํากับดูแลงานสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นจําเลย กรณีอนุมัติโครงการฉาว จัดสร้างสถานีตํารวจทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ มูลค่า 5,848 ล้านบาท ที่ต้องสะดุดหยุดลง เพราะผู้รับเหมาทิ้งงาน ปล่อยโรงพักกลายเป็นสุสานหินปูน ประจานมหาอภิการโกงกินในแวดวงสีกากีเป็นประวัติการณ์ โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บํารุง รองนายกรัฐมนตรี กํากับงานสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ส่งสัญญาณให้ดําเนินการขจัดความฉาวโฉ่ครั้งนี้อย่างเฉียบขาด มี ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทําหน้าที่ขับเคลื่อน เอาเรื่องตามกระบวนการกฎหมาย ควบคู่กับการดําเนินการยกเลิกสัญญาบริษัทคู่สัญญาที่ได้รับการว่าจ้างสร้างสถานีตํารวจครั้งนี้ ของผู้บริหารสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ที่ทุกอย่างกําลังคืบหน้าในการฟาดฟันคู่ปรับสุดฤทธิ์ ถึงขนาดอธิบดีดีเอสไอประกาศกร้าว
“การดําเนินงานโครงการนี้ถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรง เพราะมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน โดยใช้วิชาชีพของตัวเองมาแสวงหาผลประโยชนส่วนตน และทําให้ภาครัฐเสียหายอย่างมากมาย จะเร่งดําเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30-50 วัน” นอกจากนี้ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ยังเดินเกมรุกหนักด้วยการทําหนังสือเชิญผู้ที่เกี่ยวของโครงการจัดสร้างสถานีตํารวจ ทดแทนมาชี้แจงตั้งแต่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรรณ อดีต ผบ.ตร.ซึ่งเกี่ยวข้องในฐานะเป็นผู้ทําหนังสือเสนอ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ขอความเห็นชอบการจัดซื้อจัดจ้างในส่วนกลางแบบรวมกลางครั้งเดียว แยกการเสนอราคาเป็นรายภาค (บช.ภ.1-9) โดยให้พลาธิการและกรมสรรพาวุธเป็นผู้ดําเนินการ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาการ ผบ.ตร.ซึ่งเกี่ยวข้องในฐานะเป็นผู้ทําหนังสือขออนุมัติหลักการจัดจ้างโครงการสร้างสถานีตํารวจทดแทน และโครงการก่อสร้างที่พักอาศัยตํารวจด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์
ส่วน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร.เกี่ยวข้องในฐานะเป็นผู้นําสีกากีที่ช่วงที่มีการทําสัญญาจ้างการก่อสร้างสถานีตํารวจทดแทนกับบริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเมนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จํากัด ที่เสนอราคาการก่อสร้างต่ำกว่างบประมาณอยูที่ 5,848 ล้านบาท ขณะที่ สุเทพ เทือกสุบรรรณ ทาง “อธิบดีดีเอสไอ” ก็บอกจะออกหมายเรียกเขามาชี้แจงข้อเท็จจริง ในฐานะกํากับดูแลงานสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เป็นผู้อนุมัติโครงการตามที่สํานักงานตํารวจแหงชาติ เสนอขึ้นมา ดูเหมือนว่า การเปิดปฏิบัติการรุกไล่สุเทพครั้งนี้
ตามหน้าฉากที่ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม หรือ ธาริต รวมทั้งคนในรัฐบาล ออกมาให้ข้อมูลทําท่าหลักฐานต่างๆ จะพุ่งเป้าเข้าหาสุเทพแบบเต็มๆ ชนิดที่หลายคนรับฟังต่างก็เชื่อวางานนี้อดีตเลขาพรรคประชาธิปัตย์เสร็จแน่ แต่ยิ่งรุกก็เหมือนยิ่งไล่ให้จนตรอก สุดท้ายเมื่อสุเทพหันสู้ ด้วยการนําสัญญาการดําเนินงานโครงการสร้างโรงพักทดแทนมาเปิดเผยทุกขั้นทุกตอนอย่างละเอียด สัญญาณลบก็จะถูกตีกลับไปสู่ฟากฝ่ายรัฐบาลผู้รุกไล่คืน เพราะมีการนําข้อมูลในแต่ละขั้นตอนที่ฝ่ายรุกไล่ไม่พูดถึงมาแจกแจงเอาคืน และการเอาคืนครั้งนี้ ก็ตองบอกว่าทําให้รัฐบาลสะอึก เพราะในช่วงรอยต่อขณะที่ พล.ต.อ.ปทีป ขออนุมัติหลักการจัดจ้างเสนอผู้บังคับบัญชาตามลําดับชั้น สุเทพก็ตีตราประทับอนุมัติตามที่เสนอ ก็ต้องเข้าสู่การเปิดให้มีการแข่งขันประกวดราคา ซึ่งมีผู้สนใจยื่นซองทั้งหมด 5 ราย
สํานักงานตํารวจแห่งชาติ จึงตั้งคณะกรรมการกําหนดร่างขอบเขตของงาน หรือทีโออาร์ ไฮไลต์สําคัญคือ กรรมการทีโออาร์ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติชุดนี้ มีนายตํารวจที่ชื่อ พล.ต.ท.(ยศขณะนั้น) พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ตําแหน่งขณะนั้น) ซึ่งดูแลงานด้านบริหาร ทําหน้าที่ประธานคณะกรรมการ ร่วมกับ พล.ต.ต.ภัทรชัย หิรัญญะเวช รอง ผบช.กมส. พล.ต.ต.สมุทร เลิศทวีสินธุ ผบก.ประจํา สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.วิชัย ปิยะวงศ์วัฒนา ผบก.ประจํา สง.ผบ.ตร.และ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ บุญกลาง รอง ผบก.พธ.เป็นกรรมการ โดยคณะกรรมการทีโออาร์ชุดนี้ ได้ก็ดําเนินงานตามขั้นตอนเสนอต่อ พล.ต.อ.วิเชียร ที่เข้ามารับตําแหน่ง ผบ.ตร.ตัวจริง หลังจากปล่อยให้ พล.ต.อ.ปทีป สวมบทตัวแทนมานาน โดยได้ทําสัญญากับ บริษัท พีซีซี เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2554 มี พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผบช.ส่งกําลังบํารุง เป็นผู้ลงนามในสัญญาในส่วนของตํารวจ
แน่นอนการมีชื่อ “พงศพัศ” ซึ่งขณะนี้คงสถานะลาออกจากการรับราชการตํารวจ สมัครเขาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ในนามพรรคเพื่อไทย ยอมมีผลต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง เพราะขนาด พล.ต.อ.พงศพัศ เองยังถึงกลับบ่นว่ามีผลต่อการเลือกตั้งแน่ นอกจากนี้ การเปิดประเด็นใหม่ของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เรื่องที่มีการต่อสัญญาให้ขยายการก่อสร้างออกไปอีกถึง 3 ครั้ง รวมทั้งมติ ครม.วันที่ 7 พ.ย.2555 ให้มีการขยายสัญญาเพิ่มเติมไปอีก 60 วัน สิ้นสุดวันที่ 14 มี.ค.2556 มี พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผบช.ส่งกําลังบํารุง ลงนามขยายสัญญาแทน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.(ขณะนั้น) ทั้งที่รู้ว่ามีความไม่ถูกต้องในสัญญา แทนที่จะยกเลิกสัญญาทันที
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ก็อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จุดๆ นี้ฝ่ายรัฐบาล ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม และอธิบดีธาริต ก็ไม่มีการพูดถึง เพราะต้องไม่ลืมว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ไม่ใช่ตํารวจโนเนมที่ไหน แต่มีศักดิ์เป็นถึง “พี่ชาย” คุณหญิงอ้อ พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภรรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ความยุ่งยากในการจัดการกับสุเทพ จึงยากขึ้นเป็นเงาตามตัว ฉะนั้นเกมไล่บี้ขยี้สุเทพที่กระสุนกําลังจะพุ่งทะยานออกจากเกลียวกระบอกปืน กลับสะดุดรังเพลิง และทําท่าจะลั่นใส่ตัวเองเช่นนี้ หมากเกมนี้เลยต้องบอกว่าอาจเข้าตําราเดียวกับคดีขโมยของบ้านดาราแพนเค้ก ที่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เพราะถ้าขืนหยิกเล็บมีหวังเจ็บเนื้อแน่