“ชวนนท์” เรียกร้อง “ธาริต” เชิญ “พงศพัศ” แจงก่อสร้างสถานีตำรวจฉาว หลังพบเป็นคนร่างทีโออาร์ ฉะรัฐบาลสมรู้บริษัทผู้รับเหมา พบสิ่งผิดปกติไม่ยกเลิกสัญญา พร้อมโชว์หลักฐาน บ.พีซีซีฯ เคยรับงานบ้านเอื้ออาทร ยุค “นช.แม้ว” 4 พันล้านบาท ตอกหน้าดีเอสไอที่อ้างเป็นบริษัทเล็ก บี้ “เฉลิม” ลากคอคนผิดมาลงโทษ เชื่อคนโกงเกี่ยวพันรัฐบาลเพื่อไทย เหตุขยายสัญญาเอื้อ บ.พีซีซีฯ 3 ครั้ง เพื่อเลี่ยงจ่ายค่าปรับ ทำรัฐเสียหาย 1,026 ล้าน ขณะเดียวกันเฉ่ง “ปู” หนีกระทู้สภา เสมือนหนุนทุจริต จี้ ปลด “ณัฐวุฒิ” พ้นอำมาตย์ แจงกระทู้ข้าวเน่ามั่ว แถมขู่เอาผิดคนตรวจสอบ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนทั่วประเทศ และอาคารที่พักเจ้าหน้าที่หรือแฟลตตำรวจว่า เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลเอาจริงเอาจังในการตรวจสอบความผิดปกติ และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทางราชการ กรณีที่ผู้รับเหมาไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญา พรรคยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอย่างเต็มที่ แต่เกรงว่าจะถูกตัดตอนเพราะการตรวจสอบของรัฐบาลทำให้เห็นข้อเท็จจริงว่าความผิดพลาด ความหละหลวม หรือแม้แต่หากมีการทุจริตคอร์รัปชันล้วนเกิดในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น
นายชวนนท์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบมีความผิดปกติคือ 1.มีความพยายามที่จะผลักความรับผิดชอบให้แก่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยอ้างเรื่องการรวมสัญญา ทั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สมัย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ที่เห็นว่าการประมูลเป็นรายภาคไม่น่าสอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกฯ เนื่องจากอนุมัติมายอดเดียว แต่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กลับไม่มีการพูดถึง อีกทั้งประธานกรรมการในการออกแบบการประมูลคือ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ยศขณะนั้น ทั้งนี้ ตนไม่ได้กล่าวหาว่า พล.ต.อ.พงศพัศ ทุจริต แต่แปลกใจว่าเหตุใด อธิบดีดีเอสไอจึงไม่เรียกสอบเพราะเป็นผู้กำหนดเสปกการทำงานทั้งหมด
นายชวนนท์ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลเห็นว่าไม่เป็นไปตามการปฏิบัติตามสัญญา หรือมีความผิดปกติตั้งแต่ต้นทำไมพรรคเพื่อไทยจึงไม่ยกเลิกสัญญา แต่กลับมีการต่ออายุสัญญาให้แก่บริษัท พีซีซีฯ ถึง 3 ครั้ง ครั้งละ 60 วัน รวมทั้งหมดต่อสัญญา 180 วัน ซึ่งหากไม่ต่อสัญญารัฐจะได้ค่าปรับวันละ 5.8 ล้านบาท รวมเงินที่ราชการเสียหาย 1,026 ล้านบาท จากการขยายเวลาให้บริษัทจึงต้องตั้งคำถามว่าฮั้วกันหรือไม่ เพราะหากไม่ต่อสัญญา บริษัท พีซีซีฯ ต้องชดใช้ราชการกว่าพันล้านบาท โดยมีการต่อสัญญาครั้งสุดท้ายวันที่ 7 พ.ย.2555 จากเดิมต้องเสร็จวันที่ 13 ม.ค.2556 ต่อเป็น 14 มี.ค.2556 จึงเป็นข้อสงสัยว่าต่อสัญญาทำไม แต่พอเห็นว่ามีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เข้มข้นดุเดือดจึงนำมาพลิกเป็นประเด็นเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์
2.หลังจากมีการประมูลราคากลาง 6,672 ล้านบาท ประมูลได้ 5,848 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท จึงไม่มีความผิดปกติเรื่องฮั้ว แต่นายธาริต อ้างว่า เป็นความตั้งใจประมูลต่ำเพื่อทิ้งงานเพราะเป็นบริษัทเล็กไม่สามารถทำงานใหญ่ได้ แต่ในความจริงคือ บริษัทดังกล่าวเริ่มรับงานตั้งแต่ปี 2548 สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร วงเงิน 4,200 ล้านบาท โดยรับงานต่อเนื่องจากพรรคไทยรักไทยถึงพรรคพลังประชาชนจะเรียกว่าเป็นบริษัทเล็กๆ ในสายตานายธาริตหรือไม่ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนว่าบริษัทนี้รับงานกับพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มาโดยตลอด ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด จึงฝากไปยังนายธาริตว่า หากบริษัทที่เคยรับงานกว่า 4 พันล้านได้เป็นบริษัทเล็กแล้วบริษัทใหญ่จะเป็นใคร
3.ฝากถึง ร.ต.อ.เฉลิม ที่บอกว่ามีการทุจริต ตนยืนยันว่าคงจะจริง อยากให้ไปดูว่าคนในพรรคเพื่อไทยมีใครได้ประโยชน์จากการต่อสัญญาจนรัฐเสียหาย และกรณีที่พูดถึงพ่อตานักการเมืองที่เชียงใหม่นั้น หากหมายถึงพ่อตานายเนวิน ชิดชอบ ยืนยันว่าไม่ใช่ ตนจึงอยากรู้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม หมายถึงพ่อตานักการเมืองคนใด เพราะเป็นถึงนักการเมืองใหญ่คำพูดต้องมีความน่าเชื่อถือ เพราะพ่อตาตนก็ทำธุรกิจก่อสร้างที่ภาคเหนือด้วย ช่วยเฉลยหน่อยว่าพ่อตาใคร อย่าหายไปกับสายลมต้องรับผิดชอบกับคำพูดของตนเองด้วย และขอให้นำคนผิดมาลงโทษให้ได้ว่าใครทุจริตคิดมิชอบต่องบประมาณของแผ่นดิน
นายชวนนท์ ยังกล่าวติติงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ไร้ความรับผิดชอบต่อปัญหาของประชาชน สะท้อนผ่านการตอบกระทู้สดของรัฐบาล เช่น กรณีโครงการจำนำข้าวที่มีความผิดปกติ และความเสียหายจากการโกงจำนำข้าว ที่นำข้าวคุณภาพต่ำไปไว้ในโกดังของรัฐบาลด้วยการนำข้าวเน่าไปเก็บในโกดังรัฐบาลแทนข้าวหอมมะลิ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับไม่ให้ความใส่ใจกับการทำงานในสภา จึงเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์คงจัดกำหนดการหนีการตอบกระทู้ในสภาล่วงหน้าไปตลอดจนครบวาระแล้ว
แต่เห็นว่าการมอบหมายนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ซึ่งไม่มีภูมิปัญญามาตอบคำถามทำให้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เพราะแทนที่จะตอบคำถาม หรือตรวจสอบการทุจริตแต่กลับขู่จะดำเนินคดีกับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้ ถือเป็นความตกต่ำของนักการเมืองที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องแก้ไข หากนายกฯ ไม่กล้ามาตอบเองก็ต้องให้รัฐมนตรีที่มีความรู้มาตอบแทน ไม่ใช่ปล่อยให้นายณัฐวุฒิ มาตอบจนทำให้ประเทศเสียหายประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ปัญหานี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีพฤติกรรมเหมือนส่งเสริมให้มีการทุจริตอย่างสบายใจ เพราะไม่มีความเอาจริงเอาจังในการดำเนินการแต่อย่างใด จึงขอเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบ เนื่องจากที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิ สร้างความเสียหายต่อการพยุงราคายางพารา 1.5 หมื่นล้านบาทมาแล้ว ตอนนี้กำลังขยับมาทำลายข้าวไทย ฆ่าพี่น้องชาวนาให้ตายจมดิน