** เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เที่ยวนี้ ต่อสู้ดุเดือด ทุ่มเดิมพันกันรุนแรงมากที่สุดครั้งหนี่งในประวัติศาสตร์ เนื่องเพราะการเมืองแบ่งขั้วอำนาจชัดเจน การแข่งขันจึงเข้มข้นตามไปด้วย ชั่วโมงนี้กระดานการเมืองไทยโฟกัสเหลือแค่อยู่ที่พรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค สนามเลือกตั้งเมืองหลวงนี้ จึงฟัดเอาผลชนะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
การแข่งขันคราวนี้น่าสนใจ น่าติดตาม เพราะผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ที่เป็นคู่ชิงดำ สุดสูสี คู่คี่ กะเก็งมาตั้งแต่ต้นว่า แพ้ชนะอาจถึงขั้นต้องตัดสินด้วยภาพถ่าย !!
กระนั้นก็ตาม น่าชื่นชมยินดีว่าการแข่งขันครั้งนี้แม้จะดูดุเดือดเข้มข้นเพียงใด แต่ไม่ปรากฏเหตุการณ์รุนแรง หรือการก่อเหตุอะไรเลยเถิด จนทำให้เกิดบรรยากาศไม่ดี
เมาท์กันให้แซ่ดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ มีปัจจัยภายนอกมาเกี่ยวพันเกี่ยวข้องเยอะมากกว่าครั้งที่ผ่านมา เรื่องตัวผู้สมัครนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะต้องยอมรับว่า ครั้งนี้ไม่โดดเด่นกระชากใจคนกรุงแบบสุดโต่ง
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นเอกเรื่องการสร้างภาพ แต่ผลงานไม่ปรากฏ ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ประชาชนก็เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย แม้แต่คนพรรคเดียวกันยังไม่อยากจะส่งลง ผู้สมัครอิสระบารมียังไม่แรงพอ
ท่ามกลางการลุ้นระทึกตลอดวันที่ 3 มี.ค. จนถึงเวลาบ่าย 3 กว่า มีการเปิดเผยเอ็กซิทโพลออก ปรากฏว่า "จูดี้" พล.ต.อ.พงศพัศ ชนะ "ชายหมู" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แทบทุกโพล ในขณะที่ผู้สมัครอิสระรายอื่นๆ ล้วนได้คะแนนจิ๊บจ๊อย ก็เล่นเอาบรรดากองเชียร์ แฟนคลับคนเสื้อแดงเฮกันลั่น ตะโกนเบอร์ 9 กันอย่างสนุกสนาน
แต่ทำไมทำมาเมื่อนับคะแนนจริงๆ กลับตาลปัตร คะแนนของสุขุมพันธุ์ เบอร์ 16 นำ พงศพัศ เบอร์ 9 อยู่ตลอด สร้างความฉงนสนเท่ห์อีกครั้ง และเป็นการ “ฉีกโพล” จนเละเทะหน้าแหกอีกครั้ง เช่นเดียวกับการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 54 ที่เอ็กซิทโพลก็ออกมาในรูปแบบนี้ พรรคเพื่อไทยได้ส.ส.ในกทม.หลายเขต แต่ความเป็นจริงกลับสวนทาง
วันนี้ "สุขุมพันธุ์" ชนะก็เพรากระแสเกลียดชังนักโทษหลบหนีคดี "ทักษิณ" ยังหนาแน่น กลัวการรวบอำนาจของตระกูลชินวัตร จนขึ้นสมอง คะแนนของผู้สมัครเองเพียวๆ เชื่อว่าคนกรุงฯเลือกด้วยปัจจัยนี้ไม่มากนัก
จะว่าไปก็เหมือนถูกบีบบังคับให้จำใจต้องเลือกคนของพรรคประชาธิปัตย์เหมือนกัน วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ควรไปทบทวนการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง และขอบคุณคนเมืองหลวงให้มากๆ ที่ยังคงให้ความไว้วางใจ แม้จะบริหารจัดการหรือคัดสรรคนมาห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม
**ฉะนั้น ปชป. ควรกลับไปคิดดูว่า อะไรที่ทำพลาดไป อย่าเห็นคนเมืองหลวงเป็นของเล่นอีก !!
สำหรับคะแนนเสียงที่ออกมาชัดเจนแล้ว กระแสต้าน ทักษิณ ชินวัตร และแดงเผาเมือง ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร เป็นการยืนยันอีกครั้งว่า ระบอบทักษิณ ระบอบประชานิยม ยังใช้ไม่ได้สำหรับคนกรุงฯ ถูกมองว่าฉาบฉวย หลอกลวง บอกว่าจะให้นั่นให้นี่ คนกทม.ไม่เคยสนใจ
ความเกลียด ความกลัว "ทักษิณ" กระจายคลุมไปทั่วกทม. จากการปลุกระดมของเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง ซึ่งปรากฏว่าได้ผลชะงัด เป็นการกระตุกต่อม ย้ำเตือนความทรงจำ ความระยำตำบอนของ ทักษิณ และสมุนเสื้อแดง ที่เคยก่อความวินาศไว้ในเมืองกรุง หลายครั้งหลายครา
การโหมประโคมวลีเด็ด “อย่าให้ชินวัตรยึดประเทศ” ก็ได้สร้างความหวาดกลัว และความจำเป็นในการกาเบอร์ 16
เลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัครอิสระรายอื่นๆ จึงได้เป็นเพียงคนประกอบฉาก เป็นเพียงหญ้าแพร กระหว่างช้างสาร 2 ตัวชนกัน คะแนนที่ได้มาจิ๊บจ๊อย เพราะคนกรุงคิดแล้วว่า เลือกไปก็ไม่มีประโยชน์ เลือกไปก็ไม่ชนะอย่างแน่นอน เมื่อถูกตอกย้ำจากเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ ที่เก่งในเรื่องของการใช้วลีดึงคะแนน บอกว่า เลือกผู้สมัครอิสระ คะแนนจะกระจาย ตัดแต้ม "ชายหมู" เสี่ยงแพ้ "จูดี้" ก็ยิ่งทำให้คะแนนผู้สมัครอิสระหดหายไปอีก
** กระนั้นก็ตาม ต้องยอมรับเหมือนกันว่า งวดนี้ผู้สมัครอิสระที่พาเหรดลงสนามมา ล้วนไม่โดดเด่นโดนใจ ยังไม่ดี เด่น พอจะเป็นทางเลือกที่ 3 ให้คนเมืองหลวง ฉะนั้นท้ายที่สุดจึงกาเพียงแค่ 2 เบอร์เท่านั้น วัดกันไปเลยว่า หัวหรือก้อย
มีบางความคิดเห็นพยายามออกมาปลุกระดมว่า ให้เลือกผู้สมัครตามที่ใจคิด ไม่ต้องสนผลแพ้ชนะ บอกว่าผลคะแนนที่ออกมาจะเป็นการสะท้อนความต้องการของคนกรุงเทพ ผ่านบุคลิกของผู้สมัครแต่ละคน จะทำให้คนที่เป็นผู้ว่าฯกทม. หรือพรรคการเมืองใหญ่นำไปศึกษา
แต่ที่สุดแล้วก็ไม่มีใครเชื่อความเห็นนี้ เพราะมองว่าอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีใครมาสนใจทำตามความเห็นของคนแพ้ให้เมื่อยก้นกบ !!
ฉะนั้น ไอ้ความคิดจะเปลี่ยนกรุงเทพทีละน้อย ความคิดโลกสวยอะไรต่างๆ ก็ต้องเก็บเข้าลิ้นชักตามระเบียบ
หันมาดูฟากผู้แพ้อย่าง "จูดี้" พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทย มีความมุ่งมั่น ทุ่มเท หาเสียงหนัก สำคัญเลยคือ การสร้างภาพ การตกเป็นข่าวเจ้าตัวทำได้แบบไม่เป็นสองรองใคร ถึงกระนั้นในที่สุดก็ได้รับการพิสูจน์ว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
การทำงานในกรุงเทพมหานคร คงต้องใช้หัวใจ และความสามารถจริงๆ ซึ่งคนกรุงฯไม่เชื่อว่า พล.ต.อ.พงศพัศ มีตรงนี้
** และสำคัญกว่านั้นคือ "พงศพัศ" อยู่ใต้ชายคาพรรคเพื่อไทย ภายใต้ระบอบทักษิณ ที่คนกรุงเทพยังเข็ดขยาดหวาดกลัว
ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่ "ทักษิณ" และเครือข่าย แพ้ซ้ำแพ้ซากเรื่อยมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงพรรคเพื่อไทย ได้สร้างความเจ็บปวดให้อย่างต่อเนื่องยาวนาน ไม่รู้จะหาหนทางใดมาเอาชนะใจคนกรุงฯให้ได้ ไม่รู้ว่าจะท้อแท้ถอดใจยอมแพ้แล้วหรือยัง
แน่นอนว่า หลังจากนี้ต้องเกิดอาฟเตอร์ช็อกไประยะหนึ่ง เพราะศึกครั้งนี้ถือว่าลงทุน ทุ่มแรงไปมาก อาจเห็นอาการหมาหงอย จ๋อยกันเป็นแถบ บรรยากาศวังเวงไปพักใหญ่ๆ
แต่ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นนักเลือกตั้งอย่างแท้จริง ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ และปรับปรุงแก้ไข ไม่ว่าจะต้องแพ้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ท้อใจไม่ได้ เพราะการเลือกตั้งมันคืออาชีพ คนที่ถอดใจยอมแพ้ย่อมไม่ใช่นักเลือกตั้ง แต่เป็นนักกอบโกย ที่เข้ามาหาผลประโยชน์มากกว่า
ขอแต่อย่าแพ้แล้วพาล หาเรื่องหาราวมาขัดขวางการทำงานของกทม. หาเรื่องโยนความผิดให้อยู่เนืองๆเหมือนเก่าก่อน ขอให้รักษาคำพูดว่า พร้อมจะบริหารกับใครก็ได้ แม้จะเป็นการเมืองขั้วตรงข้าม !!
**ถึงวันนี้กระดานการเมืองยังคงน่าสนใจต่อไป สุดท้ายก็ยังไม่มีใครผูกขาดเจ้าเดียว ยังคงมีเสน่ห์ชวนติดตาม เป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนเลือกแล้วต้องคานอำนาจกัน ไม่อยากให้ใครควบรวมกิจการประเทศเบ็ดเสร็จ !!
การแข่งขันคราวนี้น่าสนใจ น่าติดตาม เพราะผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ที่เป็นคู่ชิงดำ สุดสูสี คู่คี่ กะเก็งมาตั้งแต่ต้นว่า แพ้ชนะอาจถึงขั้นต้องตัดสินด้วยภาพถ่าย !!
กระนั้นก็ตาม น่าชื่นชมยินดีว่าการแข่งขันครั้งนี้แม้จะดูดุเดือดเข้มข้นเพียงใด แต่ไม่ปรากฏเหตุการณ์รุนแรง หรือการก่อเหตุอะไรเลยเถิด จนทำให้เกิดบรรยากาศไม่ดี
เมาท์กันให้แซ่ดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ มีปัจจัยภายนอกมาเกี่ยวพันเกี่ยวข้องเยอะมากกว่าครั้งที่ผ่านมา เรื่องตัวผู้สมัครนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะต้องยอมรับว่า ครั้งนี้ไม่โดดเด่นกระชากใจคนกรุงแบบสุดโต่ง
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นเอกเรื่องการสร้างภาพ แต่ผลงานไม่ปรากฏ ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ประชาชนก็เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย แม้แต่คนพรรคเดียวกันยังไม่อยากจะส่งลง ผู้สมัครอิสระบารมียังไม่แรงพอ
ท่ามกลางการลุ้นระทึกตลอดวันที่ 3 มี.ค. จนถึงเวลาบ่าย 3 กว่า มีการเปิดเผยเอ็กซิทโพลออก ปรากฏว่า "จูดี้" พล.ต.อ.พงศพัศ ชนะ "ชายหมู" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แทบทุกโพล ในขณะที่ผู้สมัครอิสระรายอื่นๆ ล้วนได้คะแนนจิ๊บจ๊อย ก็เล่นเอาบรรดากองเชียร์ แฟนคลับคนเสื้อแดงเฮกันลั่น ตะโกนเบอร์ 9 กันอย่างสนุกสนาน
แต่ทำไมทำมาเมื่อนับคะแนนจริงๆ กลับตาลปัตร คะแนนของสุขุมพันธุ์ เบอร์ 16 นำ พงศพัศ เบอร์ 9 อยู่ตลอด สร้างความฉงนสนเท่ห์อีกครั้ง และเป็นการ “ฉีกโพล” จนเละเทะหน้าแหกอีกครั้ง เช่นเดียวกับการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 54 ที่เอ็กซิทโพลก็ออกมาในรูปแบบนี้ พรรคเพื่อไทยได้ส.ส.ในกทม.หลายเขต แต่ความเป็นจริงกลับสวนทาง
วันนี้ "สุขุมพันธุ์" ชนะก็เพรากระแสเกลียดชังนักโทษหลบหนีคดี "ทักษิณ" ยังหนาแน่น กลัวการรวบอำนาจของตระกูลชินวัตร จนขึ้นสมอง คะแนนของผู้สมัครเองเพียวๆ เชื่อว่าคนกรุงฯเลือกด้วยปัจจัยนี้ไม่มากนัก
จะว่าไปก็เหมือนถูกบีบบังคับให้จำใจต้องเลือกคนของพรรคประชาธิปัตย์เหมือนกัน วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ควรไปทบทวนการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง และขอบคุณคนเมืองหลวงให้มากๆ ที่ยังคงให้ความไว้วางใจ แม้จะบริหารจัดการหรือคัดสรรคนมาห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม
**ฉะนั้น ปชป. ควรกลับไปคิดดูว่า อะไรที่ทำพลาดไป อย่าเห็นคนเมืองหลวงเป็นของเล่นอีก !!
สำหรับคะแนนเสียงที่ออกมาชัดเจนแล้ว กระแสต้าน ทักษิณ ชินวัตร และแดงเผาเมือง ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร เป็นการยืนยันอีกครั้งว่า ระบอบทักษิณ ระบอบประชานิยม ยังใช้ไม่ได้สำหรับคนกรุงฯ ถูกมองว่าฉาบฉวย หลอกลวง บอกว่าจะให้นั่นให้นี่ คนกทม.ไม่เคยสนใจ
ความเกลียด ความกลัว "ทักษิณ" กระจายคลุมไปทั่วกทม. จากการปลุกระดมของเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง ซึ่งปรากฏว่าได้ผลชะงัด เป็นการกระตุกต่อม ย้ำเตือนความทรงจำ ความระยำตำบอนของ ทักษิณ และสมุนเสื้อแดง ที่เคยก่อความวินาศไว้ในเมืองกรุง หลายครั้งหลายครา
การโหมประโคมวลีเด็ด “อย่าให้ชินวัตรยึดประเทศ” ก็ได้สร้างความหวาดกลัว และความจำเป็นในการกาเบอร์ 16
เลือกตั้งครั้งนี้ผู้สมัครอิสระรายอื่นๆ จึงได้เป็นเพียงคนประกอบฉาก เป็นเพียงหญ้าแพร กระหว่างช้างสาร 2 ตัวชนกัน คะแนนที่ได้มาจิ๊บจ๊อย เพราะคนกรุงคิดแล้วว่า เลือกไปก็ไม่มีประโยชน์ เลือกไปก็ไม่ชนะอย่างแน่นอน เมื่อถูกตอกย้ำจากเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ ที่เก่งในเรื่องของการใช้วลีดึงคะแนน บอกว่า เลือกผู้สมัครอิสระ คะแนนจะกระจาย ตัดแต้ม "ชายหมู" เสี่ยงแพ้ "จูดี้" ก็ยิ่งทำให้คะแนนผู้สมัครอิสระหดหายไปอีก
** กระนั้นก็ตาม ต้องยอมรับเหมือนกันว่า งวดนี้ผู้สมัครอิสระที่พาเหรดลงสนามมา ล้วนไม่โดดเด่นโดนใจ ยังไม่ดี เด่น พอจะเป็นทางเลือกที่ 3 ให้คนเมืองหลวง ฉะนั้นท้ายที่สุดจึงกาเพียงแค่ 2 เบอร์เท่านั้น วัดกันไปเลยว่า หัวหรือก้อย
มีบางความคิดเห็นพยายามออกมาปลุกระดมว่า ให้เลือกผู้สมัครตามที่ใจคิด ไม่ต้องสนผลแพ้ชนะ บอกว่าผลคะแนนที่ออกมาจะเป็นการสะท้อนความต้องการของคนกรุงเทพ ผ่านบุคลิกของผู้สมัครแต่ละคน จะทำให้คนที่เป็นผู้ว่าฯกทม. หรือพรรคการเมืองใหญ่นำไปศึกษา
แต่ที่สุดแล้วก็ไม่มีใครเชื่อความเห็นนี้ เพราะมองว่าอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีใครมาสนใจทำตามความเห็นของคนแพ้ให้เมื่อยก้นกบ !!
ฉะนั้น ไอ้ความคิดจะเปลี่ยนกรุงเทพทีละน้อย ความคิดโลกสวยอะไรต่างๆ ก็ต้องเก็บเข้าลิ้นชักตามระเบียบ
หันมาดูฟากผู้แพ้อย่าง "จูดี้" พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทย มีความมุ่งมั่น ทุ่มเท หาเสียงหนัก สำคัญเลยคือ การสร้างภาพ การตกเป็นข่าวเจ้าตัวทำได้แบบไม่เป็นสองรองใคร ถึงกระนั้นในที่สุดก็ได้รับการพิสูจน์ว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
การทำงานในกรุงเทพมหานคร คงต้องใช้หัวใจ และความสามารถจริงๆ ซึ่งคนกรุงฯไม่เชื่อว่า พล.ต.อ.พงศพัศ มีตรงนี้
** และสำคัญกว่านั้นคือ "พงศพัศ" อยู่ใต้ชายคาพรรคเพื่อไทย ภายใต้ระบอบทักษิณ ที่คนกรุงเทพยังเข็ดขยาดหวาดกลัว
ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่ "ทักษิณ" และเครือข่าย แพ้ซ้ำแพ้ซากเรื่อยมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงพรรคเพื่อไทย ได้สร้างความเจ็บปวดให้อย่างต่อเนื่องยาวนาน ไม่รู้จะหาหนทางใดมาเอาชนะใจคนกรุงฯให้ได้ ไม่รู้ว่าจะท้อแท้ถอดใจยอมแพ้แล้วหรือยัง
แน่นอนว่า หลังจากนี้ต้องเกิดอาฟเตอร์ช็อกไประยะหนึ่ง เพราะศึกครั้งนี้ถือว่าลงทุน ทุ่มแรงไปมาก อาจเห็นอาการหมาหงอย จ๋อยกันเป็นแถบ บรรยากาศวังเวงไปพักใหญ่ๆ
แต่ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นนักเลือกตั้งอย่างแท้จริง ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ และปรับปรุงแก้ไข ไม่ว่าจะต้องแพ้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ท้อใจไม่ได้ เพราะการเลือกตั้งมันคืออาชีพ คนที่ถอดใจยอมแพ้ย่อมไม่ใช่นักเลือกตั้ง แต่เป็นนักกอบโกย ที่เข้ามาหาผลประโยชน์มากกว่า
ขอแต่อย่าแพ้แล้วพาล หาเรื่องหาราวมาขัดขวางการทำงานของกทม. หาเรื่องโยนความผิดให้อยู่เนืองๆเหมือนเก่าก่อน ขอให้รักษาคำพูดว่า พร้อมจะบริหารกับใครก็ได้ แม้จะเป็นการเมืองขั้วตรงข้าม !!
**ถึงวันนี้กระดานการเมืองยังคงน่าสนใจต่อไป สุดท้ายก็ยังไม่มีใครผูกขาดเจ้าเดียว ยังคงมีเสน่ห์ชวนติดตาม เป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนเลือกแล้วต้องคานอำนาจกัน ไม่อยากให้ใครควบรวมกิจการประเทศเบ็ดเสร็จ !!