xs
xsm
sm
md
lg

แผนแม้วยึดกรุง-ไม่เลือกเราเขามาแน่ ใครอยู่ใครไป!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ช่วงโค้งสุดท้ายเข้าทางตรงก่อนถึงเส้นชัยแบบนี้ ตามกฎหมายห้ามไม่ให้ทำโพลชี้นำให้น่ารำคาญ มันก็ดีไปอย่างหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้ชาวบ้านได้มีสมาธิ ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองขึ้นมาบ้างว่าเวลาที่เหลือไม่กี่วัน จะเลือกใครเข้ามาเป็นผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ และแน่นอนว่าในช่วงเวลานี้ แบบนี้ ถือว่าเป็นช่วงอันตรายอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

อย่างที่รับรู้กันมาหลายสัปดาห์โดยผ่านทางโพลรับใช้การเมืองบางสำนักที่ชี้นำมาตลอดว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทย “เสาไฟฟ้า” ที่ ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคส่งมาให้คนกรุงเทพฯ ได้เลือกมีคะแนนมาตลอด และโพลดังกล่าวก็ตอกย้ำมาทุกสัปดาห์ “นำห่าง” มาเรื่อยๆ

แต่แล้วจู่ๆ เมื่อเจอทีเด็ดจากพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงโค้งสุดท้ายสร้าง “กระแสแห่งความกลัว” ตามถนัดนั่นคือ “สะกิด” อารมณ์โกรธ อารมณ์เกลียด และอารมณ์กลัวของคนกรุงเทพมหานครแท้ๆให้เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะเหตุการณ์กลียุคในช่วง “เผาเมือง” เมื่อปี 52 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 53 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของบรรดา “หัวโจก” คนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย ภายใต้คำบงการของ ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ ซึ่งก็หมายรวมถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน แม้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร แต่รับรองว่าในความรู้สึกของคนกรุงเทพฯ ที่ได้รับความเดือดร้อนไม่มีวันลืมเลือนได้อย่างแน่นอน

คำพูดที่ว่า “เผามันเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นว่าสุนัขที่ไหนจะโผล่หัวออกมารับผิดชอบ มีแต่เห็น คนที่ชื่อ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ดีเป็นรัฐมนตรี จากไพร่กลายเป็นอำมาตย์หน้าตาเฉย

ขณะเดียวกัน สโลแกนที่ชูขึ้นมาก่อนหน้านี้ ขอโอกาสทำงานกับรัฐบาลแบบ “ไร้รอยต่อ” หากผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร เป็นคนจากพรรคเพื่อไทยกลายเป็นว่ากำลังถูกปลุกให้เห็นว่า “ถ้าโกงแบบไร้รอยต่อ” และ เพราะปัจจุบันขนาด “โกงแบบมีรอยต่อ” ชาวบ้านเขายังแย่กันขนาดนี้ และยังหามือใครดมไม่ได้เลย ถ้าสุมหัวกันโกงทั้งรัฐบาล และท้องถิ่นมันไม่ไปกันใหญ่หรือ รวมไปถึงเรื่อง “หุ่นเชิด” รายใหม่ หลังจากเรามีนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประจักษ์ในเรื่องความรู้ความสามารถมาแล้ว ต่อไปเราก็จะมีผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ที่ต้องรับฟังคำสั่งจาก “ดูไบ” ไปอีกคน

กรณีของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ยังถือว่าเห็นแก่ตัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลังจากที่ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) มาลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแล้ว จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการแต่งตั้งบุคคลมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว เหมือนกับว่า หากเจ้าจูดี้ คนนี้สอบตก ก็จะกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม มีแต่กำไรกับเสมอตัวเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาอันน่าหวาดเสียวแบบนี้ ต้องไม่ประมาทพลพรรคแมลงสาบเป็นอันขาด เพราะถือว่ามีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการปลุกกระแส สร้างบรรยากาศให้เบี่ยงเบนไปอีกแบบ โดยเฉพาะแผนต่อเนื่องจากกระแส “ไม่เลือกเรา เขามาแน่ ” มาจนถึง “สะกิดอารมณ์โกรธเรื่องเผาเมือง” ขึ้นมา พร้อมกับระดมพลออกมาหาเสียงปูพรมพร้อมกันครั้งใหญ่ในช่วงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะการพุ่งเป้าเจาะจงไปที่ ทักษิณ ชินวัตร อีกรอบตอกย้ำในเรื่องแผน “ยึดเมืองหลวง” แบบเบ็ดเสร็จ

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า กระแสของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เริ่มแผ่วลงจริงๆ เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้ บรรดาพวกแกนนำเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จตุพร พรหมพันธุ์ เป็นต้น กลับหายหัวไปแบบดื้อๆ นั่นแสดงว่าต้องการหลบกระแสความเกลียดของคนกรุงเทพฯไม่กล้าเอาออกมาโชว์ตัว หรือแม้แต่ตัว ทักษิณ ชินวัตร ก็เก็บตัวเงียบ แสดงว่าผวากับอารมณ์คนกรุงจริงๆ อีกทั้งต้องไม่ลืมว่าแม้ผลโพลจะชี้นำว่าดีอย่างไรก็ตาม แต่ของจริงที่ออกมาอาจตรงกันข้าม เหมือนกับเสียงดีแต่คะแนนไม่มีก็ได้

ส่วนทางด้าน “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ก็ใช้ไม้ตายท่าสุดท้ายประกาศเดิมพันถ้าพลาดท่าเที่ยวนี้จะขอพักการเมือง แต่มีห้อยติ่งว่า จะช่วยพรรคต่อไป นั่นก็หมายความว่า จะหันมาลงสนามการเมืองระดับชาติอีกรอบก็ได้

อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสังเกตก็คือในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคราวนี้บทบาทสำคัญในพรรคประชาธิปัตย์ยังอยู่ที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ เช่นเดิม เพราะทีมงานที่ออกมาเคลื่อนไหวเป็นทีม ล้วนอยู่ในสายของเขาทั้งสิ้น ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจว่าการออกตัวแบบที่เห็นจะสามารถกระชากใจคนกรุงให้กลับมาได้หรือเปล่า ที่สำคัญคนพวกนี้สร้างความเชื่อมั่นได้แค่ไหน

ถามว่าไม่เลือกเราเขามาแน่ แล้วไง “เขา” และ “เรา” มันต่างกันตรงไหน!!
กำลังโหลดความคิดเห็น