รายงานการเมือง
เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อยู่ระหว่างการหาเสียงเข้มข้น แต่ละรายเดินหาเสียงจนรองเท้าสึก บางรายเช่น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เล่นมุกเป้ากางเกงขาด ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือจงใจ แต่ได้ภาพเป็นข่าวขึ้นหน้า 1 อีกครั้ง ดูเหมือนว่ากลเม็ดเด็ดพรายในการเป็นข่าวออกสื่อจะเหนือกว่าผู้สมัครรายอื่นๆ ทั้งหมด!!
ต้องยอมรับว่าคู่ชิงดำที่แท้จริงหนีไม่พ้น “จูดี้” กับ “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร แชมป์เก่าจากพรรคประชาธิปัตย์ ผลโพลผลัดกันนำผลัดกันตาม แต่ช่วงหลัง “พงศพัศ” มาแรงกว่า กระนั้นเองก็ไม่มีฝ่ายไหนไว้วางใจได้ว่าจะชนะ 100% สำหรับผู้สมัครรายอื่นคงเป็นได้เพียงไม้ประดับ สร้างสีสัน
รายของ สุหฤท สยามวาลา อาจได้คะแนนบ้างบางส่วนจากกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มโซเชียลเน็ตเวิร์ก เลือกเพื่อความสะใจ แหวกแนว เช่นเดียวกับ “บิ๊กตู่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จะได้เสียงจากคนเบื่อการเมือง 2 ขั้ว และหากจะเป็นการตัดแต้มของใครน่าจะไปตัดแต้ม “ชายหมู” มากกว่า เพราะคนเลือกพรรคเพื่อไทยยังไงเสียก็ต้องเลือก ทุ่มพลังโค่นบัลลังก์แชมป์เก่าให้ได้ ส่วนคนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์อาจเบื่อของเก่า อยากลองของใหม่
สำหรับวงการสีกากี ข่าววงในว่าเตรียมเทคะแนนให้ “พงศพัศ” แบบทางเดียว แว่วว่ามีการสั่งการภายในให้เลือก “จูดี้” ทั้งหมด นัยหนึ่งเป็นเพราะคำสั่ง “รัฐตำรวจ”
อีกนัยหนึ่งเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการตำรวจเองก็อยากขจัด “พงศพัศ” ให้พ้นทางไม่ต้องมายืนขวางตำแหน่ง หากไปเป็นผู้ว่าฯ กทม. ตำแหน่งของ “จูดี้” ก็ว่างลง หากไม่ชนะเลือกตั้งและกลับเข้ารับราชการตำรวจ ดีไม่ดีอาจผงาดขึ้นเป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะภายใต้รัฐบาลชุดนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้??
อย่างไรก็ตาม อีกแนวทางหนึ่งที่วางไลน์เอาไว้หาก พล.ต.อ.พงศพัศไม่ได้รับการเลือกตั้ง อาจเข้าไปมีตำแหน่งใน ครม. ในการปรับ ครม.ครั้งถัดๆ ไป หรืออย่างน้อยๆ ตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงใหญ่” คุมบอร์ดบางแห่งงบประมาณมหาศาล รอเสียบเข้าทวารอยู่แล้ว
เป็นการตบรางวัลให้ที่ยอมตรากตรำทำศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ “พงศพัศ” ถูก ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่หลบหนีคดี และ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกฯ ปูกรรเชียง ชี้ขาดให้ลงสนามก่อน สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่ กทม. ดังนั้นไม่ทอดทิ้งแน่หากพลาดท่าเสียที
การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ ถือเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ของพรรคเพื่อไทย นำทุกสรรพกำลังของพรรคมาหาเสียงกันอย่างเต็มที่ จากเมื่อก่อนที่ลงสู้ศึกแบบไม่เน้น ปล่อยให้ภาค กทม. ลุยเดี่ยวเป็นเจ้าภาพหลัก มาครั้งนี้พรรคหยิบมาบัญชาการเอง ปล่อยให้ภาค กทม.เหวอ ถูกลดบทบาทลงไปบาน เป็นเหตุแห่งการทะเลาะเบาะแว้งที่ผ่านมา!!
วันนี้ ส.ส.และรัฐมนตรีถูกเกณฑ์มาประจำการเมืองหลวง ช่วยหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เต็มที่ จนการงานหน้าที่หลักแทบไม่เป็นอันจะทำกัน มุ่งมั่นหาเสียงกันอย่างเดียว ส.ส.ทั่วประเทศกว่า 250 คน ต้องมาช่วยกันหมด ที่น่าสนใจคือการวางตัวรัฐมนตรีในแต่ละจุดที่มีนัยทางการเมือง
พื้นที่ไหนเป็นของเพื่อไทย อย่าง กทม.รอบนอก หรือโซนตะวันออก ก็ไม่จำเป็นต้องออกอาวุธมากนัก แต่ในพื้นที่ กทม.ชั้นในให้จับตาดูให้ดี ช่วงโค้งสุดท้าย อาจมีการสาดกระสุนกันแบบชุดใหญ่ ตามยุทธศาสตร์รักษาฐานรอบนอก เจาะชั้นใน นอกจากนั้นยังเตรียมนโยบายทีเด็ดรอ “ปล่อยของ” ตบท้ายกระชากใจคนกรุงฯ ซึ่งทางฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์เองก็น่าจะมีเช่นเดียวกัน
ช่วงเดือนนี้พรรคเพื่อไทยนัดประชุมวางแผนกันทุกวัน “ปูกรรเชียง” และ “เลขาฯ อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัยเข้าร่วมหารือและกำหนดยุทธศาสตร์อยู่ตลอด มีการปรับแผนหาเสียงกันเป็นระยะ หลังจากปูพรมหว่านนโยบายพร้อมเปิดตัวผู้สมัครให้เป็นที่รู้จักกันแล้ว ก็เริ่มเน้นไปที่การอัดนโยบาย
แต่ดูเหมือนการเปิดนโยบายเฟสแรกจะไม่หวือหวาสักเท่าไหร่ กระแสตอบรับยังเฉยๆ เพราะนโยบายต่างๆ เหมือนถูกเปิดออกมาก่อนหน้านี้ แค่ถูกนำมารวบรวมเป็นหมวดหมู่เท่านั้น ต้องจับตารอดู นโยบายแบบเจาะแต่ละด้านเช่นด้านความปลอดภัย ด้านจราจร จะหวือหวามากน้อยแค่ไหน
กระนั้นก็สู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้กลับมีความแปลกแยกอย่างน่าสนใจ เพราะตัวผู้สมัครกับคณะยุทธศาสตร์ของพรรคเหมือนจะแยกกันเดินหาเสียงแบบทางใครทางมัน
ตัวผู้สมัครเองไม่ค่อยสนใจการวางยุทธศาสตร์ของพรรค เดินหาเสียงดุ่ยๆ ตามแบบฉบับของตัวเอง ใครพูดใครชี้แนะอย่างไรไม่ค่อยจะรับฟังเท่าไหร่ เพราะเกมการเมืองภายในมันเยอะ มีคนจ้องรอเกี่ยวผลประโยชน์อยู่จึงไม่ไว้ใจใคร และขอฟังแต่ “ยิ่งลักษณ์” คนเดียว
ท่าทีของ “พงศพัศ” เลยทำให้ใครหลายคนในพรรค รวมถึงคณะยุทธศาสตร์มองว่าเป็นเด็กดื้อ ไม่ยอมหาเสียงตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ ทางฝ่ายพรรคเองครั้งนี้คาดหวังไว้มาก จึงกำหนดทีมหาเสียง ทีมปราศรัยกันเอง โดยไม่เกี่ยวตัวผู้สมัคร จัดเป็นสาย เป็นชุด ปูพรมทั่วทั้ง กทม. ก็เลยแปลกแปร่งๆ อย่างที่เห็น
แต่กระนั้นทั้งสองฝ่ายก็ต้องพึ่งกัน ตัวผู้สมัครเองกระแสส่วนตัวก็ถือว่าใช้ได้มาแรง ส่วนของพรรคก็มีคะแนนจัดตั้งและกระแสบางส่วน ขาดไปอย่างใดอย่างหนึ่งก็แพ้แน่นอน เพราะต้องยอมรับว่าฐานคะแนนจัดตั้งของพรรคเพื่อไทยใน กทม.สู้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
วันนี้แม้โพลต่างๆ จะชี้เปรี้ยงไปว่า “พงศพัศ” มาแรงแซงทุกคน แต่แกนนำพรรคเพื่อไทยรู้ดีว่ายังไว้วางใจไม่ได้ โพลที่พรรคทำยังสูสี ค่อนไปทางแพ้ จึงต้องปรับเกม เปลี่ยนรูปแบบหาเสียง และวางแผนถึงขั้นสาดกระสุน ต้องทุ่มทุกอย่าง เก็บละเอียดทุกคะแนนเสียง
เพราะเลือกตั้งครั้งนี้เดิมพันสุดตัว พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย ไม่เคยปักธงลงได้ในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คราวนี้หมายมั่นปั้นมืออย่างที่สุด หากชนะก็เตรียมตัวปิดพรรคฉลองกันเต็มเหนี่ยว “ชินวัตร” ยึดประเทศไทยสำเร็จแล้ว!!
แต่ถ้าพลาดท่าเสียทีพ่ายศึกครั้งนี้อีกคำรบ คงไม่ต้องเดาบรรยากาศมันจะวังเวงแค่ไหน คงต้องปิดพรรค ปิดทำเนียบไว้อาลัยกัน 3 วัน 3 คืน และก็คงพอกันทีกระมังสำหรับความคาดหวังที่จะแย่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ยกธงขาวไปยาวๆ...