หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บี้ “พงศพัศ” แจงไม่ลาออกจากเลขาฯ ป.ป.ส. แสดงสปิริตสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม ยก “สุขุมพันธุ์” ข่ม ไม่คิดเอาเปรียบลาออกจากผู้ว่าฯ กทม.ทันทีเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดี พร้อมเรีกยร้อง กกต.ดูแล “นายกฯ ปู” ใช้ทรัพยากรของรัฐช่วยผู้สมัครเพื่อไทยหาเสียง เหน็บเล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์ ทำไม “ปลอดประสพ” ยุคนกรุงเทพฯ ให้เบื่อ “คุณชายหมู”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความไม่สบายใจกรณี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งเลขาฯ ป.ป.ส. โดยเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พงศพัศทำสถานะของตัวเองให้ชัดเจน เพราะเปิดตัวแล้วจะได้ไม่มีปัญหาข้อกฎหมายตามมา เนื่องจากคนที่ดำรงตำแหน่งราชการมีตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ขณะเดียวกันก็ยังเดินหน้าหาเสียงทางการเมืองด้วย ถือว่าไม่เหมาะสม จึงอยากให้ทำอย่างตรงไปตรงมา แสดงความบริสุทธิ์ใจในเรื่องการแข่งขันที่เป็นธรรมเพื่อไม่ให้มีข้อคลางแคลงใจ เหมือนกับที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครของพรรคก็ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ก่อนครบวาระ เพื่อไม่ให้อยู่ในตำแหน่งรักษาการ จะได้ไม่ทำให้ข้าราชการเกิดความลำบากใจ ถ้า พล.ต.อ.พงศพัศยังไม่ออกจากการเป็นเลขาฯ ป.ป.ส. ย่อมมีผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบในทางการเมือง เพราะเท่ากับว่าทุกวันที่เดินหาเสียง พล.ต.อ.พงศพัศมีผู้ใต้บังคับบัญชา มีหน่วยงานที่เป็นกลไกของรัฐอยู่ในมือ
“ถ้าพรรคเพื่อไทยบอกว่าจะหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ก็ควรเริ่มต้นด้วยการเป็นแบบอย่างว่าทุกฝ่ายต้องการให้การเลือกตั้งอยู่บนพื้นฐานความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ต้องถามเจ้าตัวว่ามีความจำเป็นอะไรถึงต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไป”
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต.เคยมีหนังสือกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในระหว่างการเลือกตั้ง โดยระบุห้ามไม่ให้มีการใช้ทรัพยากรของรัฐ และเวลาราชการ แต่ในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้รถราชการในการช่วย พล.ต.อ.พงศพัศหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า หลักเรื่องนี้มีอยู่ง่ายๆ ว่าทรัพย์ เวลาราชการ และสถานะขณะดำรงตำแหน่ง ต้องไม่นำมาใช้ในการเลือกตั้ง จึงอยากให้ กกต.เข้ามาพิจารณาและทำให้เกิดความชัดเจน เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องที่ต้องมาเถียงกันหยุมหยิมระหว่างนักการเมือง จะได้เดินหน้าพูดเรื่องนโยบายหาเสียงกับประชาชน แต่ถ้าเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัยก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ไม่มีปัญหา
ส่วนผลสำรวจความนิยมที่ระบุว่ามีความใกล้เคียงกันระหว่าง 2 ผู้สมัครจากพรรคการเมืองใหญ่นั้น นายอภิสิทธิ์เห็นว่าคงจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเชื่อว่าจะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น จึงต้องทำงานหนักและไม่ประมาท แต่กรณีที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเชิญให้คนกรุงเบื่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และให้โอกาส พล.ต.อ.พงศพัศนั้น ก็ต้องถามกลับไปว่านี่คือการเมืองสร้างสรรค์หรือไม่ที่ชวนให้เบื่อคนอื่น