รายงานการเมือง
การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.รอบใหม่ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ คนกรุงเทพฯ คงต้องออกมาใช้สิทธิใช้เสียงกัน
แต่ชั่วโมงนี้ปี่กลองฉิ่งเชิดกันแล้ว ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาผู้สมัครที่เปิดตัวแล้วก็ลุยหาเสียงแจกแผ่นพับกันเกลื่อนเมือง ผู้สมัครที่จะมิดเม้มอยู่ไม่เปิดตัว ก็ใช้วิธีโฆษณาแฝงเนียนๆ ไป
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบันจากค่ายประชาธิปัตย์ ตอนนี้มีความชัดเจนจากพรรคต้นสังกัดว่าจะส่งลงสู้อีกสมัยแน่ แต่ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีความชัดเจนระหว่างรอคำตอบจากพรรคก็ขึ้นป้ายโชว์ผลงานทิ้งทวนอุตลุต ใครจะนินทาอย่างไรไม่สนใจ เพราะถึงอย่างไร “ข้าลงแน่”
ฝ่าย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ว่าที่ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ก็ขึ้นป้ายคู่ “ปูกรรเชียง-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เป็นว่าเล่น ป้ายแน่นเอี้ยดเต็มเมือง จนเป็นมลพิษทางสายตา กลายเป็นทัศนอุจาดไปเสียฉิบ
เมาท์กันให้แซ่ดว่าเป็นยุทธศาสตร์ตีกิน โดยใช้เครือข่ายภาครัฐเอื้อประโยชน์ ขึ้นป้ายคู่นายกฯ ด้วยนโยบายปราบปรามยาเสพติด ฝากบ้านกับตำรวจ เนียนไปได้เต็มที่ เนื่องจากยังไม่เปิดตัว เอาผิดไม่ได้ ซ้ำยังอัดงบได้เต็มที่ เพราะถ้าเปิดตัวแล้วคงทำแบบนี้ได้ไม่ถนัด
วันนี้ดูเหมือนแต่ละฝ่ายจาก 2 ค่ายยักษ์จะได้ตัวผู้สมัครเป็นที่ชัดเจนแล้ว หลังต้องต่อสู้ฟาดฟันกับศึกภายในพรรคมาพอสมควร โดย “คุณชายหมู” เล่นไม้แข็ง ประกาศเปิดตัวเองก่อนพรรคตัดสิน มาไม้นี้พรรคประชาธิปัตย์ถึงกับจุกเสียด พลิ้วไม่ออก ต้องจำยอมในที่สุด แม้บางคนบางฝ่ายในพรรคจะแค้นใจก็ทำอะไรไมได้ เพราะหากไม่ส่ง “สุขุมพันธุ์” ปล่อยให้ไปลงอิสระ ย่อมไม่เป็นผลดี
สุดท้ายจะตัดคะแนนกันเอง พังทั้งคู่ เพื่อไทยคว้าพุงปลาไปกิน!!
พรรคเพื่อไทย แม้เจ้าตัว “จูดี้” จะไม่หือ ลงก็ได้ไม่ลงก็ได้ แล้วแต่ผู้ใหญ่สั่งการมาก็ทำตามไว้ก่อนดีกว่า ชนะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. แพ้ก็มีโอกาสสูงจะได้คั่วตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต่อจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เอาไงเอากันครับเจ้านาย!!
อย่างไรก็ตาม กว่าทุกฝ่ายในพรรคจะยอมได้ก็เรียกว่าเถียงกันหน้าเขียว โดยเฉพาะเครือข่าย ส.ส. ส.ก. และ ส.ข.ในสังกัด “เจ๊ตุ๊กตาทองสองหน้า” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รู้แกวประกาศตีกรรเชียงไปก่อนล่วงหน้า แต่ดูเหมือนว่าลิ่วล้อจะไม่ยอมง่ายๆ ร้องแรกแหกกระเชอกันจนพรรคแทบแตก แต่สุดท้ายเห็นแล้วว่ายื้ออย่างไรก็ไม่ไหว เจ้าตัวก็ถอดใจไม่สู้ ไม่กล้าหักด้ามพร้าด้วยเข่า ก็ต้องจนใจเปิดทางให้ “พงศพัศ”
ไม่รู้ว่าถึงเวลาจริงจะช่วยหาเสียงกันเต็มที่มากน้อยแค่ไหน แค่เริ่มต้นยกแรกก็ดูเหมือนว่าจะตามตูดคู่แข่งซึ่งเป็นแชมป์เก่าห่างหลายช่วงตัว โพลต่างๆ ที่ทำกันตรงไปตรงมาชี้ชัด “พงศพัศ” ยังเป็นรอง ยกเว้นโพลเชลียร์รัฐบาลเท่านั้นที่หลับหูหลับตาดันขึ้นมาแซงหรือเสมอ
เพราะแม้แต่แกนนำพรรคเพื่อไทยยังประเมินว่า สถานการณ์ชั่วโมงนี้เป็นรองเยอะ ต้องสุมหัวคิดหาวิธีการมาเอาชนะ เรื่องนโยบายนั่นส่วนหนึ่งต้องคิดหาเอาไว้ในช่วงหาเสียง ต้องงัดผลงานเดิมๆ มาอวดอ้าง พร้อมเติมของใหม่ๆ แต่วิธีการที่คิดกันเอาเฉพาะหน้า งัดมาเล่นกันแบบแสบๆ แรงๆ คือการ “ดิสเครดิต” เอาข้อกฎหมายมาจัดการ
เรื่องการต่อสัญญารถไฟฟ้าที่พรรคเพื่อไทยเคยเปิดโปงเอาไว้เป็นปีๆ มาพ่นพิษเอาตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเป็นเรื่องอื่นใด เป็นเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซง เร่งรัดแหงแซะ มาเล่นกันเอาตอนที่ผู้ว่าฯ กทม.จะหมดวาระ และต้องเร่งหาเสียงรอบใหม่
เจตนามันก็ชัดเจน ใช้เครือข่ายอำนาจรัฐ โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เป็นหัวหอกเดินเรื่องตามเคย
ทุกวันนี้ ดีเอสไอถูกมองอย่างค่อนขอดว่าเป็นหน่วยงานรับใช้การเมืองไปหมดแล้ว เกียรติภูมิ อะไรแทบไม่เหลือ ข้าราชการในสังกัดล้วนเบื่อหน่ายหลายคนอยากลาออกให้มันรู้แล้วรู้รอด กรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ที่เหมือนรับคำสั่งมาจากฝ่ายรัฐบาลเอาผิด “มาร์ค-เทือก” ก็ทยอยออกมาต่อเนื่อง ล่าสุดจะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ก็ซัดไปที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ทำกันแบบไม่อายใครแล้ว
เกมชกใต้เข็มขัดยังไม่หมดเท่านั้น ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยได้ออกมาเดินหน้าลุยในเรื่องเดียวกัน จ่อยกเลิกสัญญาที่ กทม.ทำกับบริษัทกรุงเทพธนาคม สำทับซ้ำเพิ่มน้ำหนักของคดี จ้องเอา “สุขุมพันธุ์” ให้ตายคาเขียง
แผนการต่อสู้ชิงผู้ว่าฯ กทม.ก้าวแรกก็เริ่มด้วยวิชามารเสียแล้วสำหรับพรรคเพื่อไทย ไม่รู้ว่าต่อเนื่องหลังจากนี้จะมีอีกกี่เรื่องงัดมาดิสเครดิตกันอีก เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าชั่วโมงนี้กระแสพรรค รวมทั้งกระแสตัวบุคคล ยังสู้ไม่ไหว เมื่อขุนตัวเองไม่ขึ้น ก็ใช้วิธีสาดโคลนให้คู่แข่งมอมแมม แบบนี้แหละง่ายดี!!
อย่างไรก็ดี เมื่อมองย้อนมาที่ฟากฝ่าย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ใช่ว่าดีเด่ใสสะอาดกว่ากันสักเท่าไร ถ้าว่าไปตามเนื้อผ้า สิ่งที่เกิดขึ้นการต่อสัญญารถไฟฟ้าก็ดูเหมือนหมกเม็ด จ้องจะโกง สัญญายังเหลืออีกนับ 10 ปี แต่แอบไปซิกแซ็กต่อกันก่อน ทำนิติกรรมอำพราง เร่งรีบกันอย่างมีพิรุธ
อย่างว่าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็อดอยากปากแห้ง แหล่งกอบโกยของพรรคประชาธิปัตย์ย่อมหนีไม่พ้นสนาม กทม.นี่แหละ จ้องจะกิน จ้องจะหาเศษหาเลย จนถูกจับได้ไล่ทัน การเมืองเลยดูสกปรกไปเสียหมด ชาวบ้านเอือมระอาจนไม่กล้าพึ่งหวังอะไรเต็มที่
เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งต่อไป ชาวกรุงเทพฯ ล้วนอยากเห็นผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ดูแล้วมีความหวัง สามารถเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ และชีวิตความเป็นอยู่ให้พวกเขา แต่แค่เริ่มต้นตัวผู้สมัครก็เห็นแล้วว่าไม่ได้คัดตัวเลือกที่ดีที่สุดมาให้ชาวบ้านเลือก
แต่เลือกมาเพราะจำใจ และด้วยเหตุผลแอบแฝงทางการเมือง คน กทม.เห็นหน้าผู้สมัครแล้วส่ายหน้า ไม่อยากไปลงคะแนนให้ใครเลย เสียเวลาเปล่า
และไม่ทันไรยังไม่ทันถึงวันเปิดรับสมัคร ขบวนการสาดโคลน ดิสเครดิต แฉพฤติกรรมก็ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไส้กี่ขดๆ ก็ถูกสาวไส้กันออกมา พอถึงเวลาเลือกตั้งจริงๆ แต่ละฝ่ายก็สภาพมอมแมม เต็มไปด้วยเรื่องฉาวคาวทุจริต
ประวัติปูมหลังมันไม่ใสสะอาด จะไปเสนอตัว เสนอนโยบายอะไรใครเขาจะเชื่อ เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. คราวนี้ แม้คนจะตื่นตัว แต่ไม่แน่ว่าพอถึงเวลาคนอาจไปใช้สิทธิน้อยกว่าที่คาด เพราะเบื่อหน่ายการเมือง
เลือกใครได้มามันก็เหมือนๆ กัน ไม่ได้ช่วยทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นเลยนี่หว่า!!