งัดวิชามาร!โค้งสุดท้าย เฟซบุ๊กแชร์ภาพเสมือนโฆษณา "พงศพัศ" เบอร์ 9 บนจอแอลอีดีบนห้างเซ็นทรัลเวิลด์ที่เคยถูกเผาเมื่อปี53 ปชป.เตรียมร่อนจดหมายเปิดผนึกจากใจถึงใจ "มาร์ค-สุขุมพันธุ์" พร้อมแฉวงพนันเชียร์เบอร์ 9 แทง100 จ่าย 500 "สุริยะใส" ชี้คำปราศรัย "ไร้รอยต่อ" ของนายกฯ ส่อผิดกฎหมาย -รธน.ใช้ตำแหน่งให้คุณให้โทษผู้สมัคร จงใจให้ประชาชนเข้าใจผิด "จาตุรนต์" เหน็บ "มาร์ค" โจมตีเพื่อไทยเผาบ้าน-เผาเมือง เพราะกลัวแพ้ แนะลาออกจากหัวหน้าพรรคได้แล้ว
วานนี้ (24 ก.พ.) มีรายงานว่า ในเครือข่ายเฟซบุ๊กของกลุ่มคนเสื้อแดง ได้มีการแชร์ภาพโฆษณาหาเสียงของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งปรากฏอยู่ในจอแอลอีดี บนอาคารห้างสรรพสินค้าเซน (เซน ทาวเวอร์) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สี่แยกราชประสงค์ เขตปทุมวัน กทม.
ภาพดังกล่าวเผยแพร่โดยเจ้าของภาพที่ชื่อ “ธีรศักดิ์ เจริญศิลป์” ซึ่งอัพโหลดผ่านมือถือโดยระบุข้อความประกอบภาพสั้นๆ ว่า “เห็นได้เห็นก็ชื่นใจ” ขณะที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ “Red Democracy ประชาธิปไตยในทัศนะของคนเสื้อแดง” ระบุข้อความว่า “เสื้อแดงเผา Centralworld แต่ดันให้ลงโฆษณาเบอร์ 9 ใหญ่เบิ๊มบนจอ LED ห้าง ...แหม่ โลกนี้ช่างซับซ้อน และย้อนแย้ง”
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพดังกล่าวจะถูกแชร์เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพจริงหรือมีการตัดต่อ
สำหรับสื่อโฆษณาดังกล่าว มีชื่อว่า “บิ๊ก เซน แอลอีดี” เป็นจอเวอร์ติคอลแอลอีดี (แนวตั้ง) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เจ้าของคือ บริษัท ดีไลท์ มัลติมีเดีย จำกัด ติดตั้งที่อาคารห้างสรรพสินค้าเซน (เซน ทาวเวอร์) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อใช้เป็นสื่อโฆษณาในรูปแบบสื่อนอกบ้าน (เอาท์ออฟโฮมมีเดีย) เปิดตัวเมื่อ 27 มี.ค. 55 หลังอาคารดังกล่าวได้ทำการบูรณะจากการถูกเผาทำลาย ในระหว่างการสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 และต้องทำการซ่อมแซมอาคารที่ถูกเผาเสียหายเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี กระทั่งอาคารดังกล่าวเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2554
**"มาร์ค"ส่งจม.อ้อนคนกรุงเลือกเบอร์16
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การณรงค์หาเสียงสัปดาห์สุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์ว่า จะเดินหน้ากระจายกำลังพบประชาชนทุกพื้นที่ แกนนำของพรรคทุกคนจะแบ่งกันเดินสายร่วมกับส.ส.พรรคทั่วประเทศ รวมทั้ง ส.ก.- ส.ข.ของพรรคไปพบประชาชน ซึ่งจากการณรรงค์ที่ผ่านมาพรรคมีความมั่นใจว่า ประชาชนชาว กทม.จะให้การสนับสนุนผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะการตอบรับของประชาชนใน กทม.ดีขึ้นตามลำดับ น่าจะทำให้ประชาธิปัตย์มีคะแนนนำผู้สมัครคนอื่นในการเลือกตั้งครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ในช่วงโค้งสุดท้ายจะรณรงค์หาเสียงทุกรูปแบบอย่างเต็มที่ เช่น การทำป้ายชุดใหม่ ประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้้ง 3 มีนาคม 56 มีข้อความ ร่วมทุกข์ร่วมสุข รักกรุงเทพร่วมพากรุงเทพเดินหน้าต่อทันที มีภาพ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ร่วมกับคนกรุงเทพทำความสะอาด กทม. และป้ายมุ่งมั่นทุ่มเท ดูแลทุกข์สุขให้คนกทม.
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า ต่อจากนี้จะเน้นนโยบายที่ ม.ร.ว.สุุขุมพันธุ์ ดำเนินการประสบความสำเร็จในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อาทิ การทำให้ กทม.ได้เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยว อันดับ 1 ของโลก และนโยบายที่จะทำต่อทันที หากได้เป็นผู้ว่าฯกทม. นอกจากนี้จะมีจดหมายเปิดผนึกจากใจถึงใจ ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้่าพรรค และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่า จดหมายเปิดผนึกของบุคคลทั้งสองจะมีส่วนอย่างสำคัญที่จะทำให้คนกทม.เข้าคูหา กากบาท เลือกหมายเลข 16 แม้ว่าที่ผ่านมาพี่น้องชาวกทม. อาจจะกำลังพิจารณาผู้สมัครท่านอื่น หรือพรรคการเมืองอื่น แต่เมื่อจดหมายเปิดผนึกออกไป เชื่อว่าประชาชนจะคิดถึงพรรคที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ตลอดระยะเวลานับสิบ ๆ ปีที่ผ่านมา
นายองอาจกล่าวว่า การรณรงค์ในช่วงโค้งสุดท้ายอยากเรียกร้องไปยังผู้สมัคร และบุคคลที่มีส่วนกับการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กกต. เจ้าหน้าที่รัฐ คือ 1. ควรละเว้นการใช้อำนาจรัฐทั้งทางตรงทางอ้อม เพื่อสนับสนุนผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนควรวางตัวเป็นกลาง 2. เรียกร้องให้ผู้สมัครทุกคนในช่วง 7 วันสุดท้าย รณรงค์หาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ตรงไปตรงไปตรงมา ไม่ใช่พูดหาเสียงสร้างสรรค์ แต่ปฏิบัติตรงกันข้าม 3. ให้ กกต.ระวังวิชามารทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในช่วง 7 วัน ในฐานะที่ กกต.เป็นหน่วยงานดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริต เที่ยงธรรม
**แทง "จูดี้"100บาท จ่าย 500 บาท
นายณัฐฏ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ดำเนินการใน 3 ประเด็น คือ
1. จับตาเป็นพิเศษเกี่ยวกับการพนัน เพราะคนที่ติดตามการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คงทราบดีว่ามีการพนันในวงกว้าง และราคาต่อรองมีความประหลาด ๆ เช่น เลือกหมายเลข 9 แทงร้อยบาท จ่าย 500 บาท เป็นข้อสังเกตว่า การให้ราคาแบบนี้ จะทำให้ผู้สมัครรายใดรายหนึ่งมีผลในการได้คะแนนจากการพนัน ซึ่งมีส่วนสำคัญ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะการพนันเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่แล้ว จึงอยากให้เข้มงวดจับตาเป็นพิเศษ รวมถึงการพนันออนไลน์ด้วย
2. การทำลายป้าย มีทั้งการทำลายและการไปเพิ่มเติมข้อความโจมตีป้ายของผู้สมัครแต่ละราย ซึ่งบางพื้นที่มีการแจ้งความดำเนินคดีไปบ้างแล้ว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้ด้วย เพราะทั้งการทำลายป้าย หรือนำสติ๊กเกอร์ไปปิดบนป้ายผู้สมัครนั้น ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับก็สามารถใช้กล้องซีซีทีวี เป็นเบาะแสได้
3 ให้วางตัวเป็นกลางรักษา กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะมีการประกาศกลุ่มมวลชนที่จัดตั้งเข้ามาอ้างว่า จะช่วยเหลือ แต่คิดว่าเป็นการแทรกแซงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งมากกว่า ตั้งแต่การขนหีบบัตรไปจนถึงการนับคะแนน ซึ่งกระบวนการนี้อาจเป็นการกดดันเจ้าหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง จึงขอให้ตำรวจรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด ใช้ความระมัดระวังในการรักษากฎหมาย
นอกจากนี้ ยังอยากให้ กกต.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอดส่องในเรื่องบอร์ดข้อมูลการเลือกตั้ง ทั้งรายชื่อผู้สมัคร ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพราะปรากฏว่า ในช่วงเวลาสองวันที่ผ่านมาพบว่า มีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหายไปจากกระดานข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เช่น เขตเลือกตั้งที่บางกะปิ บริเวณชุมชนลำสาลี ซ.ลาดพร้าว 101 มีการดึงเอารายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกไป และบางส่วนมีการกรีดพลาสติค เพื่อดึงรายชื่อออกไปด้วย โดยบางหน่วยเลือกตั้ง มี 6 บอร์ด ถูกดึงรายชื่อออกไป 5 บอร์ดเหลือแค่บอร์ดเดียว
ทั้งนี้ได้สอบถามไปที่สำนักงานเขต มีการแจ้งว่าจะนำรายชื่อมาติดใหม่อีกครั้งหนึ่ง จึงมีความเป็นห่วงว่าอาจมีการนำรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปสำรวจได้ว่า ประชาชนจะเลือกใคร ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะนำรายชื่อไปทำอะไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ กกต. ต้องเฝ้าระวังเรื่องนี้ให้มาก โดยได้ส่งให้ฝ่ายกฎหมาย ดูและติดตามเขตเลือกตั้งอื่นด้วยไม่ใช่เฉพาเเขตบางกะปิเพียงที่เดียวเท่านั้น เพราะได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่เขตว่า แม้แต่รายชื่อที่ติดอยู่ที่สำนักงานเขตก็หายเช่นเดียวกัน ประกอบกับมีการตั้งร้านสินค้าราคาถูก หรือ ร้านธงฟ้า การส่งใบรายชื่อสำรวจผู้ประสบปัญหาของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงต้องคิดว่าสิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกันหรือไม่ สามารถนำไปสู่การทุจริตเลือกตั้ง เพื่อช่วยผู้สมัครบางรายหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาดูแลอย่างรัดกุมมากขึ้น
**หาเสียง "ไร้รอยต่อ" ขัด รธน.
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ในความเห็นของตนนั้น การเดินสายของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี เพื่อช่วยหาเสียงให้กับพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคเพื่อไทย กำลังส่อว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพราะปราศรัยในทำนองว่า ถ้าเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ หมายเลข 9 จะใช้นโยบายรัฐบาลกับกทม. ประสานกันแบบไร้รอยต่อ ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลคิดทำอะไร สร้างอะไร ก็จะเชื่อมโยงโครงการนั้นเข้าด้วยกัน โดยไม่มีปัญหาโต้แย้งซึ่งกันและกันเลย
เช่น จะได้รถไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกหลายสาย จะได้รถเมล์ฟรี จะได้โครงการต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลทั้งสิ้น เพราะการใช้งบประมาณในโครงการใหญ่ๆ เช่นนี้ ถึงแม้ผู้ว่าฯกทม. จะเป็นบุคคลอื่น หรือพรรคอื่นมาเป็นก็ต้องทำอยู่แล้ว เพราะมีโครงการมาก่อน ลำพังแต่การใช้งบประมาณของกทม. จะทำไม่ได้อย่างแน่นอน
คำปราศรัยของนายกรัฐมนตรี เป็นการพูดหาเสียงให้ผู้สมัครหมายเลข 9 โดย เป็นการไปแสดงตัวในฐานะนายกรัฐมนตรี ดังจะเห็นได้จากคำพูดของพิธีกรบนเวที ได้เรียกเชิญด้วยคำว่า ฯพณฯนายกรัฐมนตรี ซึ่งการพูดหาเสียงในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็เท่ากับเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะที่เป็น“เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ตามความหมายในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
นอกจากนี้ในการนำเสนอนโยบายการทำงานร่วมกับผู้ว่าฯกทม. คนใหม่ คือ ผู้สมัครหมายเลข 9 ที่เรียกว่า การทำงานแบบไร้รอยต่อ พร้อมยกตัวอย่างโครงการรถไฟฟ้า ติดตั้งไฟส่องสว่าง รักษา 30 บาทรักษาทุกโรค เหล่านี้เมื่อประชาชนได้ฟังแล้ว ย่อมจะเข้าใจได้ว่า
ถ้าเลือกเบอร์ 9 จะใช้นโยบายทำงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ แต่ถ้าเลือกเบอร์อื่น การทำงานก็จะมีรอยต่อ คือ ไม่สามารถประสานกันได้ ถ้าเลือกเบอร์ 9 จะได้สิ่งต่างๆที่เสนอไว้ให้อย่างแน่นอน แต่ถ้าเลือกเบอร์อื่นๆ จะไม่ได้สิ่งใดทั้งสิ้น ถ้าเบอร์ 9 ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม. ขออะไรไม่ว่าจะเป็นเรื่องการร่วมมือกัน ประสานงานกัน หรือขอสนับสนุนงบประมาณ หรือโครงการใดๆ สามารถขอได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าไปเลือกเบอร์อื่นๆ ได้รับเลือกก็จะขออะไรมิได้เลย
คำปราศรัยของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ อาจเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงประชาชน หรือ การนำเสนอให้กับประชาชนในเรื่องต่างๆ คือ เรื่องขนส่งทางรางก็ดี การบริการสาธารณะต่างๆ ก็ดี ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เป็นหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะต้องจัดให้กับประชาชนตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
ดังนั้นการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยหาเสียงให้ผู้สมัครหมายเลข 9 ด้วยวิธีการนำเสนอนโยบายทำงานแบบไร้รอยต่อ จึงเป็นการพูดเพื่อหวังผล ให้เป็นคุณช่วยเหลือพรรคพวก คือ ผู้สมัคร หมายเลข 9 ที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น และยังมีผลในทางกลับกันก็คือ เมื่อประชาชนฟังแล้วเชื่อตามที่นายกรัฐมนตรีพูด ก็จะเป็นโทษกับผู้อื่นๆ คือไม่เลือกผู้สมัครหมายเลขอื่นๆ อันเป็นการจูงใจให้ประชาชนหลงเชื่อ และลงคะแนนให้ผู้สมัครหมายเลข 9 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ในเรื่องนี้กลุ่มกรีน กำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบข้อเท็จจริง และประมวลหลักฐานทั้งหมด ถ้าพบเข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็จะยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งใน 2-3 วันนี้
**เปิดนโยบายให้ความหวังคนกรุง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ในฐานะประธานกรรมการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการหาเสียงของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย ว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงนั้น ได้มีการเน้นนโยบายภาพรวมเป็นเรื่องสำคัญ และทยอยออกนโยบายใหม่อย่างต่อเนื่อง ในทุกวันพุธ ทั้งด้านความปลอดภัย การจราจร และคุณภาพชีวิต
ทั้งนี้มองว่า พล.ต.อ.พงศพัศ มีข้อดีของการที่ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม.มาก่อน ทำให้เห็นจุดบกพร่องของการบริหารงานของกทม. ทำให้วิเคราะห์นโยบายได้แบบไม่ต้องเกรงใจใคร โดยเชื่อว่านโยบายที่เสนอไปเป็นความแตกต่างจากที่ผ่านมา และมั่นใจว่า ทำได้จริง และในวันพุธที่ 27 ก.พ.นี้ พรรคจะเปิดนโยบายเรื่องเศรษฐกิจ ให้กทม.เป็นแหล่งรายได้ให้คนกทม.เห็นความหวังว่า จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
**ชูเผาบ้านเผาเมืองเพราะกลัวแพ้
ขณะเดียวกัน นายจาตุรนต์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสนใจนโยบายแค่สั้นๆ แต่กลับให้ความสนใจเรื่องการเมืองในระดับประเทศ ซึ่งไม่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของคนกทม. โดยพยายามยกประเด็นเรื่องการเผาบ้านเผาเมือง เพื่อหวังดิสเครดิต ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ตนเชื่อว่า น่าจะเป็นความกลัวของพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่ นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า การหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เชิญผู้ใหญ่ในพรรคไปช่วยหาเสียง ซึ่งหาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ แพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ก็ควรที่จะออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ดังนั้น การหยิบยกประเด็นการเมืองขึ้นมา เพราะกลัวว่าประชาชนจะเข้าใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้ความสนใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมถึงนายอภิสิทธิ์ คงกลัวว่าต้องออกจากเป็นหัวหน้าพรรค หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ พรรคประชาธิปัตย์ จึงเอาเรื่องการเผาบ้านเผาเมือง และประเด็นทางการเมืองอื่นที่ละเอียดอ่อนมาหาเสียงแทนนโยบาย ซึ่งถือเป็นการผิดหลักในการสร้างความปรองดองในสังคม ทำให้เกิดความแตกแยก
"การพูดในลักษณะเช่นนี้ จึงเป็นการไม่เคารพประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ถือเป็นการลดมาตรฐานในการแข่งขันหาเสียงผู้ว่าฯกทม. พร้อมกันนี้ ยังมองว่าเป็นประเด็นที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล เพราะจะเห็นได้จากการเลือกตั้งพรรคประประชาธิปัตย์ ก็โจมตีในเรื่องนี้ แต่ก็แพ้เลือกตั้งอยู่ดี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ว่าฯของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีนโยบาย และไม่มีผลงาน" นายจตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า ตนอยากเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงอย่างสร้างสรรค์ แข่งขันกันด้วยนโยบาย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯครั้งนี้ เพราะการเลือกตั้งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่หากประชาชนยังคงเน้นในประเด็นการเมืองเดิมๆ กทม.ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลต่อการทุจริตการเลือกตั้งกทม.ในครั้งนี้ นายจตุรนต์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยห่วงใยในเรื่องนี้มาตลอด เพราะเรามีบทเรียนจากการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา เพราะโพลทุกสำนักระบุว่า พรรคเพื่อไทย มีคะแนนนำในพื้นที่กทม. แต่ผลการเลือกตั้งแตกต่างจากโพลทุกสำนัก ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อไทยจึงระดมอาสาสมัครเข้าไปสังเกตการณ์ตามหน่วยเลือกตั้ง พร้อมทั้งเรียกร้อง กกต.ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมามีการร้องเรียน แต่กกต.ก็ไม่สนใจ จึงอยากให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และจากการที่นายอภิสิทธิ์ กังวลว่าจะมีการขนคนเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกทม. พรรคเพื่อไทยห่วงเรื่องนี้มาก เพราะการกระทำดังกล่าวจะต้องขนย้ายก่อน 1 ปีนับแต่วันเลือกตั้ง และถ้าหากย้อนกลับไปดู 1 ปีก่อน ผู้ที่มีหน้าที่ย้ายประชาชนเข้ามาในทะเบียนบ้าน ไม่ใช่กระทรวงมหาดไทย แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของ กทม.
**พท.ปูดมีรายชื่อผีโผล่ 3 เขตกทม.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีมีการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีการสวมสิทธิ์เข้าชื่อในทะเบียนบ้าน ในเขตภาษีเจริญ บางแค วังทองหลาง ซึ่งอาจเป็นการเตรียมการทุจริตการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า ขณะนี้ประชาชนไม่สามารถยื่นร้องคัดค้านต่อกกต.ได้แล้ว เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ยื่นร้อง 10 วันก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้เหลือเพียง 7 วัน ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้ประชาชนแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ในวันเลือกตั้งทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ขอให้ประชาชนตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในวันเลือกตั้งได้ อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องกกต.กทม. ตรวจสอบและดำเนินการอย่างจริงจัง
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐมีการชี้นำประชาชน ว่า ตนคิดว่าการออกมาระบุเช่นนี้ เป็นการพูดแบบแผ่นเสียงตกร่อง ถือเป็นการดูถูกประชาชน ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือเจ้าหน้าที่กทม. เขารับรู้ข่าวสารอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถชี้นำใครได้ ขอเรีกร้องให้นายชวน และนายอภิสิทธิ์ หาเสียงอย่างสร้างสรรค์ เน้นนโยบายจะดีกว่า
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมพรรคเพื่อไทย วันอังคารที่ 26 ก.พ.นี้ ที่ประชุมจะระดม ส.ส. -ส.ก. -ส.ข. -ขรก.การเมือง และสมาชิกพรรค ให้ลงพื้นที่พบปะประชาชนแบบปูพรมทุกวัน เพื่อชี้แจงนโยบายสร้างสรรค์ต่อประชาชน ทั้ง 50 เขต โดยเน้นให้ฝาก กทม.ไว้กับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่สามารถทำงานอย่างไร้รอยต่อกับรัฐบาลได้.
วานนี้ (24 ก.พ.) มีรายงานว่า ในเครือข่ายเฟซบุ๊กของกลุ่มคนเสื้อแดง ได้มีการแชร์ภาพโฆษณาหาเสียงของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งปรากฏอยู่ในจอแอลอีดี บนอาคารห้างสรรพสินค้าเซน (เซน ทาวเวอร์) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สี่แยกราชประสงค์ เขตปทุมวัน กทม.
ภาพดังกล่าวเผยแพร่โดยเจ้าของภาพที่ชื่อ “ธีรศักดิ์ เจริญศิลป์” ซึ่งอัพโหลดผ่านมือถือโดยระบุข้อความประกอบภาพสั้นๆ ว่า “เห็นได้เห็นก็ชื่นใจ” ขณะที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ “Red Democracy ประชาธิปไตยในทัศนะของคนเสื้อแดง” ระบุข้อความว่า “เสื้อแดงเผา Centralworld แต่ดันให้ลงโฆษณาเบอร์ 9 ใหญ่เบิ๊มบนจอ LED ห้าง ...แหม่ โลกนี้ช่างซับซ้อน และย้อนแย้ง”
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพดังกล่าวจะถูกแชร์เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพจริงหรือมีการตัดต่อ
สำหรับสื่อโฆษณาดังกล่าว มีชื่อว่า “บิ๊ก เซน แอลอีดี” เป็นจอเวอร์ติคอลแอลอีดี (แนวตั้ง) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เจ้าของคือ บริษัท ดีไลท์ มัลติมีเดีย จำกัด ติดตั้งที่อาคารห้างสรรพสินค้าเซน (เซน ทาวเวอร์) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อใช้เป็นสื่อโฆษณาในรูปแบบสื่อนอกบ้าน (เอาท์ออฟโฮมมีเดีย) เปิดตัวเมื่อ 27 มี.ค. 55 หลังอาคารดังกล่าวได้ทำการบูรณะจากการถูกเผาทำลาย ในระหว่างการสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 และต้องทำการซ่อมแซมอาคารที่ถูกเผาเสียหายเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี กระทั่งอาคารดังกล่าวเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2554
**"มาร์ค"ส่งจม.อ้อนคนกรุงเลือกเบอร์16
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การณรงค์หาเสียงสัปดาห์สุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์ว่า จะเดินหน้ากระจายกำลังพบประชาชนทุกพื้นที่ แกนนำของพรรคทุกคนจะแบ่งกันเดินสายร่วมกับส.ส.พรรคทั่วประเทศ รวมทั้ง ส.ก.- ส.ข.ของพรรคไปพบประชาชน ซึ่งจากการณรรงค์ที่ผ่านมาพรรคมีความมั่นใจว่า ประชาชนชาว กทม.จะให้การสนับสนุนผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะการตอบรับของประชาชนใน กทม.ดีขึ้นตามลำดับ น่าจะทำให้ประชาธิปัตย์มีคะแนนนำผู้สมัครคนอื่นในการเลือกตั้งครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ในช่วงโค้งสุดท้ายจะรณรงค์หาเสียงทุกรูปแบบอย่างเต็มที่ เช่น การทำป้ายชุดใหม่ ประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้้ง 3 มีนาคม 56 มีข้อความ ร่วมทุกข์ร่วมสุข รักกรุงเทพร่วมพากรุงเทพเดินหน้าต่อทันที มีภาพ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ร่วมกับคนกรุงเทพทำความสะอาด กทม. และป้ายมุ่งมั่นทุ่มเท ดูแลทุกข์สุขให้คนกทม.
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า ต่อจากนี้จะเน้นนโยบายที่ ม.ร.ว.สุุขุมพันธุ์ ดำเนินการประสบความสำเร็จในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อาทิ การทำให้ กทม.ได้เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยว อันดับ 1 ของโลก และนโยบายที่จะทำต่อทันที หากได้เป็นผู้ว่าฯกทม. นอกจากนี้จะมีจดหมายเปิดผนึกจากใจถึงใจ ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้่าพรรค และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่า จดหมายเปิดผนึกของบุคคลทั้งสองจะมีส่วนอย่างสำคัญที่จะทำให้คนกทม.เข้าคูหา กากบาท เลือกหมายเลข 16 แม้ว่าที่ผ่านมาพี่น้องชาวกทม. อาจจะกำลังพิจารณาผู้สมัครท่านอื่น หรือพรรคการเมืองอื่น แต่เมื่อจดหมายเปิดผนึกออกไป เชื่อว่าประชาชนจะคิดถึงพรรคที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ตลอดระยะเวลานับสิบ ๆ ปีที่ผ่านมา
นายองอาจกล่าวว่า การรณรงค์ในช่วงโค้งสุดท้ายอยากเรียกร้องไปยังผู้สมัคร และบุคคลที่มีส่วนกับการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กกต. เจ้าหน้าที่รัฐ คือ 1. ควรละเว้นการใช้อำนาจรัฐทั้งทางตรงทางอ้อม เพื่อสนับสนุนผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนควรวางตัวเป็นกลาง 2. เรียกร้องให้ผู้สมัครทุกคนในช่วง 7 วันสุดท้าย รณรงค์หาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ตรงไปตรงไปตรงมา ไม่ใช่พูดหาเสียงสร้างสรรค์ แต่ปฏิบัติตรงกันข้าม 3. ให้ กกต.ระวังวิชามารทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในช่วง 7 วัน ในฐานะที่ กกต.เป็นหน่วยงานดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริต เที่ยงธรรม
**แทง "จูดี้"100บาท จ่าย 500 บาท
นายณัฐฏ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ดำเนินการใน 3 ประเด็น คือ
1. จับตาเป็นพิเศษเกี่ยวกับการพนัน เพราะคนที่ติดตามการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คงทราบดีว่ามีการพนันในวงกว้าง และราคาต่อรองมีความประหลาด ๆ เช่น เลือกหมายเลข 9 แทงร้อยบาท จ่าย 500 บาท เป็นข้อสังเกตว่า การให้ราคาแบบนี้ จะทำให้ผู้สมัครรายใดรายหนึ่งมีผลในการได้คะแนนจากการพนัน ซึ่งมีส่วนสำคัญ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะการพนันเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่แล้ว จึงอยากให้เข้มงวดจับตาเป็นพิเศษ รวมถึงการพนันออนไลน์ด้วย
2. การทำลายป้าย มีทั้งการทำลายและการไปเพิ่มเติมข้อความโจมตีป้ายของผู้สมัครแต่ละราย ซึ่งบางพื้นที่มีการแจ้งความดำเนินคดีไปบ้างแล้ว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้ด้วย เพราะทั้งการทำลายป้าย หรือนำสติ๊กเกอร์ไปปิดบนป้ายผู้สมัครนั้น ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับก็สามารถใช้กล้องซีซีทีวี เป็นเบาะแสได้
3 ให้วางตัวเป็นกลางรักษา กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะมีการประกาศกลุ่มมวลชนที่จัดตั้งเข้ามาอ้างว่า จะช่วยเหลือ แต่คิดว่าเป็นการแทรกแซงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งมากกว่า ตั้งแต่การขนหีบบัตรไปจนถึงการนับคะแนน ซึ่งกระบวนการนี้อาจเป็นการกดดันเจ้าหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้ง จึงขอให้ตำรวจรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด ใช้ความระมัดระวังในการรักษากฎหมาย
นอกจากนี้ ยังอยากให้ กกต.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอดส่องในเรื่องบอร์ดข้อมูลการเลือกตั้ง ทั้งรายชื่อผู้สมัคร ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพราะปรากฏว่า ในช่วงเวลาสองวันที่ผ่านมาพบว่า มีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหายไปจากกระดานข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เช่น เขตเลือกตั้งที่บางกะปิ บริเวณชุมชนลำสาลี ซ.ลาดพร้าว 101 มีการดึงเอารายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกไป และบางส่วนมีการกรีดพลาสติค เพื่อดึงรายชื่อออกไปด้วย โดยบางหน่วยเลือกตั้ง มี 6 บอร์ด ถูกดึงรายชื่อออกไป 5 บอร์ดเหลือแค่บอร์ดเดียว
ทั้งนี้ได้สอบถามไปที่สำนักงานเขต มีการแจ้งว่าจะนำรายชื่อมาติดใหม่อีกครั้งหนึ่ง จึงมีความเป็นห่วงว่าอาจมีการนำรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปสำรวจได้ว่า ประชาชนจะเลือกใคร ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะนำรายชื่อไปทำอะไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ กกต. ต้องเฝ้าระวังเรื่องนี้ให้มาก โดยได้ส่งให้ฝ่ายกฎหมาย ดูและติดตามเขตเลือกตั้งอื่นด้วยไม่ใช่เฉพาเเขตบางกะปิเพียงที่เดียวเท่านั้น เพราะได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่เขตว่า แม้แต่รายชื่อที่ติดอยู่ที่สำนักงานเขตก็หายเช่นเดียวกัน ประกอบกับมีการตั้งร้านสินค้าราคาถูก หรือ ร้านธงฟ้า การส่งใบรายชื่อสำรวจผู้ประสบปัญหาของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงต้องคิดว่าสิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกันหรือไม่ สามารถนำไปสู่การทุจริตเลือกตั้ง เพื่อช่วยผู้สมัครบางรายหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาดูแลอย่างรัดกุมมากขึ้น
**หาเสียง "ไร้รอยต่อ" ขัด รธน.
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ในความเห็นของตนนั้น การเดินสายของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี เพื่อช่วยหาเสียงให้กับพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคเพื่อไทย กำลังส่อว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพราะปราศรัยในทำนองว่า ถ้าเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ หมายเลข 9 จะใช้นโยบายรัฐบาลกับกทม. ประสานกันแบบไร้รอยต่อ ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลคิดทำอะไร สร้างอะไร ก็จะเชื่อมโยงโครงการนั้นเข้าด้วยกัน โดยไม่มีปัญหาโต้แย้งซึ่งกันและกันเลย
เช่น จะได้รถไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกหลายสาย จะได้รถเมล์ฟรี จะได้โครงการต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลทั้งสิ้น เพราะการใช้งบประมาณในโครงการใหญ่ๆ เช่นนี้ ถึงแม้ผู้ว่าฯกทม. จะเป็นบุคคลอื่น หรือพรรคอื่นมาเป็นก็ต้องทำอยู่แล้ว เพราะมีโครงการมาก่อน ลำพังแต่การใช้งบประมาณของกทม. จะทำไม่ได้อย่างแน่นอน
คำปราศรัยของนายกรัฐมนตรี เป็นการพูดหาเสียงให้ผู้สมัครหมายเลข 9 โดย เป็นการไปแสดงตัวในฐานะนายกรัฐมนตรี ดังจะเห็นได้จากคำพูดของพิธีกรบนเวที ได้เรียกเชิญด้วยคำว่า ฯพณฯนายกรัฐมนตรี ซึ่งการพูดหาเสียงในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็เท่ากับเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะที่เป็น“เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ตามความหมายในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
นอกจากนี้ในการนำเสนอนโยบายการทำงานร่วมกับผู้ว่าฯกทม. คนใหม่ คือ ผู้สมัครหมายเลข 9 ที่เรียกว่า การทำงานแบบไร้รอยต่อ พร้อมยกตัวอย่างโครงการรถไฟฟ้า ติดตั้งไฟส่องสว่าง รักษา 30 บาทรักษาทุกโรค เหล่านี้เมื่อประชาชนได้ฟังแล้ว ย่อมจะเข้าใจได้ว่า
ถ้าเลือกเบอร์ 9 จะใช้นโยบายทำงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ แต่ถ้าเลือกเบอร์อื่น การทำงานก็จะมีรอยต่อ คือ ไม่สามารถประสานกันได้ ถ้าเลือกเบอร์ 9 จะได้สิ่งต่างๆที่เสนอไว้ให้อย่างแน่นอน แต่ถ้าเลือกเบอร์อื่นๆ จะไม่ได้สิ่งใดทั้งสิ้น ถ้าเบอร์ 9 ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม. ขออะไรไม่ว่าจะเป็นเรื่องการร่วมมือกัน ประสานงานกัน หรือขอสนับสนุนงบประมาณ หรือโครงการใดๆ สามารถขอได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าไปเลือกเบอร์อื่นๆ ได้รับเลือกก็จะขออะไรมิได้เลย
คำปราศรัยของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ อาจเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงประชาชน หรือ การนำเสนอให้กับประชาชนในเรื่องต่างๆ คือ เรื่องขนส่งทางรางก็ดี การบริการสาธารณะต่างๆ ก็ดี ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เป็นหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะต้องจัดให้กับประชาชนตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
ดังนั้นการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยหาเสียงให้ผู้สมัครหมายเลข 9 ด้วยวิธีการนำเสนอนโยบายทำงานแบบไร้รอยต่อ จึงเป็นการพูดเพื่อหวังผล ให้เป็นคุณช่วยเหลือพรรคพวก คือ ผู้สมัคร หมายเลข 9 ที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น และยังมีผลในทางกลับกันก็คือ เมื่อประชาชนฟังแล้วเชื่อตามที่นายกรัฐมนตรีพูด ก็จะเป็นโทษกับผู้อื่นๆ คือไม่เลือกผู้สมัครหมายเลขอื่นๆ อันเป็นการจูงใจให้ประชาชนหลงเชื่อ และลงคะแนนให้ผู้สมัครหมายเลข 9 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ในเรื่องนี้กลุ่มกรีน กำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบข้อเท็จจริง และประมวลหลักฐานทั้งหมด ถ้าพบเข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็จะยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งใน 2-3 วันนี้
**เปิดนโยบายให้ความหวังคนกรุง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ในฐานะประธานกรรมการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการหาเสียงของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย ว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงนั้น ได้มีการเน้นนโยบายภาพรวมเป็นเรื่องสำคัญ และทยอยออกนโยบายใหม่อย่างต่อเนื่อง ในทุกวันพุธ ทั้งด้านความปลอดภัย การจราจร และคุณภาพชีวิต
ทั้งนี้มองว่า พล.ต.อ.พงศพัศ มีข้อดีของการที่ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม.มาก่อน ทำให้เห็นจุดบกพร่องของการบริหารงานของกทม. ทำให้วิเคราะห์นโยบายได้แบบไม่ต้องเกรงใจใคร โดยเชื่อว่านโยบายที่เสนอไปเป็นความแตกต่างจากที่ผ่านมา และมั่นใจว่า ทำได้จริง และในวันพุธที่ 27 ก.พ.นี้ พรรคจะเปิดนโยบายเรื่องเศรษฐกิจ ให้กทม.เป็นแหล่งรายได้ให้คนกทม.เห็นความหวังว่า จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
**ชูเผาบ้านเผาเมืองเพราะกลัวแพ้
ขณะเดียวกัน นายจาตุรนต์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสนใจนโยบายแค่สั้นๆ แต่กลับให้ความสนใจเรื่องการเมืองในระดับประเทศ ซึ่งไม่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของคนกทม. โดยพยายามยกประเด็นเรื่องการเผาบ้านเผาเมือง เพื่อหวังดิสเครดิต ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ตนเชื่อว่า น่าจะเป็นความกลัวของพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่ นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า การหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เชิญผู้ใหญ่ในพรรคไปช่วยหาเสียง ซึ่งหาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ แพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ก็ควรที่จะออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ดังนั้น การหยิบยกประเด็นการเมืองขึ้นมา เพราะกลัวว่าประชาชนจะเข้าใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้ความสนใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมถึงนายอภิสิทธิ์ คงกลัวว่าต้องออกจากเป็นหัวหน้าพรรค หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ พรรคประชาธิปัตย์ จึงเอาเรื่องการเผาบ้านเผาเมือง และประเด็นทางการเมืองอื่นที่ละเอียดอ่อนมาหาเสียงแทนนโยบาย ซึ่งถือเป็นการผิดหลักในการสร้างความปรองดองในสังคม ทำให้เกิดความแตกแยก
"การพูดในลักษณะเช่นนี้ จึงเป็นการไม่เคารพประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ถือเป็นการลดมาตรฐานในการแข่งขันหาเสียงผู้ว่าฯกทม. พร้อมกันนี้ ยังมองว่าเป็นประเด็นที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล เพราะจะเห็นได้จากการเลือกตั้งพรรคประประชาธิปัตย์ ก็โจมตีในเรื่องนี้ แต่ก็แพ้เลือกตั้งอยู่ดี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ว่าฯของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีนโยบาย และไม่มีผลงาน" นายจตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า ตนอยากเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงอย่างสร้างสรรค์ แข่งขันกันด้วยนโยบาย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯครั้งนี้ เพราะการเลือกตั้งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่หากประชาชนยังคงเน้นในประเด็นการเมืองเดิมๆ กทม.ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลต่อการทุจริตการเลือกตั้งกทม.ในครั้งนี้ นายจตุรนต์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยห่วงใยในเรื่องนี้มาตลอด เพราะเรามีบทเรียนจากการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา เพราะโพลทุกสำนักระบุว่า พรรคเพื่อไทย มีคะแนนนำในพื้นที่กทม. แต่ผลการเลือกตั้งแตกต่างจากโพลทุกสำนัก ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อไทยจึงระดมอาสาสมัครเข้าไปสังเกตการณ์ตามหน่วยเลือกตั้ง พร้อมทั้งเรียกร้อง กกต.ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมามีการร้องเรียน แต่กกต.ก็ไม่สนใจ จึงอยากให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และจากการที่นายอภิสิทธิ์ กังวลว่าจะมีการขนคนเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกทม. พรรคเพื่อไทยห่วงเรื่องนี้มาก เพราะการกระทำดังกล่าวจะต้องขนย้ายก่อน 1 ปีนับแต่วันเลือกตั้ง และถ้าหากย้อนกลับไปดู 1 ปีก่อน ผู้ที่มีหน้าที่ย้ายประชาชนเข้ามาในทะเบียนบ้าน ไม่ใช่กระทรวงมหาดไทย แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของ กทม.
**พท.ปูดมีรายชื่อผีโผล่ 3 เขตกทม.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีมีการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีการสวมสิทธิ์เข้าชื่อในทะเบียนบ้าน ในเขตภาษีเจริญ บางแค วังทองหลาง ซึ่งอาจเป็นการเตรียมการทุจริตการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า ขณะนี้ประชาชนไม่สามารถยื่นร้องคัดค้านต่อกกต.ได้แล้ว เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ยื่นร้อง 10 วันก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้เหลือเพียง 7 วัน ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้ประชาชนแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ในวันเลือกตั้งทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ขอให้ประชาชนตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในวันเลือกตั้งได้ อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องกกต.กทม. ตรวจสอบและดำเนินการอย่างจริงจัง
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐมีการชี้นำประชาชน ว่า ตนคิดว่าการออกมาระบุเช่นนี้ เป็นการพูดแบบแผ่นเสียงตกร่อง ถือเป็นการดูถูกประชาชน ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือเจ้าหน้าที่กทม. เขารับรู้ข่าวสารอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถชี้นำใครได้ ขอเรีกร้องให้นายชวน และนายอภิสิทธิ์ หาเสียงอย่างสร้างสรรค์ เน้นนโยบายจะดีกว่า
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมพรรคเพื่อไทย วันอังคารที่ 26 ก.พ.นี้ ที่ประชุมจะระดม ส.ส. -ส.ก. -ส.ข. -ขรก.การเมือง และสมาชิกพรรค ให้ลงพื้นที่พบปะประชาชนแบบปูพรมทุกวัน เพื่อชี้แจงนโยบายสร้างสรรค์ต่อประชาชน ทั้ง 50 เขต โดยเน้นให้ฝาก กทม.ไว้กับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่สามารถทำงานอย่างไร้รอยต่อกับรัฐบาลได้.