แรงกดดันมหาศาลตอนนี้ของพรรคเพื่อไทย (และนปช.) ก็คือ คนเสื้อแดงที่ยังอยู่ในคุก ดังนั้นจึงต้องกระทำทุกวิถีทางเพื่อปลดปล่อยแรงกดดันนี้ให้คลี่คลายลง คือ เอาคนเสื้อแดงออกจากคุก
แต่คนเสื้อแดงที่ติดคุกตอนนี้ทั้งหมดครับย้ำว่าทั้งหมดไม่มีใครติดคุกเพราะฝ่าฝืน พ.ร.ก.หรือคดีเล็กๆ น้อยๆ เหลืออยู่แล้ว เพราะความผิดนั้นออกจากคุกมาหมดนานแล้ว พูดง่ายๆ คือ คนเสื้อแดงที่ติดคุกอยู่ตอนนี้มีแต่ติดคุกเพราะคดีเผาศาลากลางที่มีโทษตั้งแต่ 10 ปี-32 ปี และติดคุกเพราะยิงอาวุธสงครามทั้งสิ้น รวมไปถึงบางคนที่ติดคุกเพราะคดีหมิ่นฯ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 เช่น สมยศ สุรชัย
ดังนั้น “เจตนา” ของพรรคเพื่อไทย (และนปช.) ที่จะออกกม.นิรโทษกรรมต้องการช่วยคนเหล่านี้ครับ ไม่ใช่คนเล็กคนน้อยที่แค่ไปร่วมชุมนุมแล้วถูกจับ
แต่พรรคเพื่อไทย (และนปช.) รู้ว่าแรงต้านที่สำคัญที่สุดก็คือ พันธมิตรฯ จึงพยายามลากให้พันธมิตรฯ เข้าไปอยู่ในกระบวนการนี้ด้วย ในนามของ “ความปรองดอง” แต่ไม่ว่าจะเข้าร่วมในกระบวนการนี้หรือไม่ ผมคิดว่าเราต้องย้ำจุดยืนของเราก็คือ ไม่เอานิรโทษกรรมแอบแฝงช่วยทักษิณ ไม่นิรโทษคดีอาญาร้ายแรง คดีทุจริต ไม่นิรโทษคดี 112
เมื่อเราตอกย้ำ “จุดยืน” ของเรา เราก็เห็นอยู่แล้วว่ามันขัดกับ “เจตนา” ของพรรคเพื่อไทย (และนปช.) ที่กำลังเดินเกมนี้
เราไม่เอานิรโทษแอบแฝงช่วยทักษิณ ไม่นิรโทษคดีอาญาร้ายแรง คดีทุจริต ไม่นิรโทษ 112 ผมจึงคิดว่าทุกย่างก้าวของเรามีความสำคัญ ต้องรู้เท่าทันต้องยึดมั่นในจุดยืนไม่กลายเป็นเครื่องมือของพรรคเพื่อไทย (และนปช.)
ตอนนี้คนเสื้อแดงเองกำลังแตกแยกจากเรื่องนี้ คนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการให้เอาเรื่องนี้มากดดันรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลนี้บริหารประเทศไปได้นานๆ แต่คนเสื้อแดงอีกกลุ่มต้องการให้ช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่อยู่ในคุกเร็วๆ
กลายเป็นการเปิดศึกกันเป็นคู่ๆ ระหว่างหมอเหวงกับดารุณี ขวัญชัยกับแกนนำ นปช.
คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งบอกรอไม่ได้ที่จะให้เพื่อนที่ต่อสู้กันมาติดคุก ต้องเอาคนเสื้อแดงออกจากคุกทันที แต่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำ นปช.ต่างก็รู้ว่า เป้าหมายนิรโทษของพวกเขาไม่ได้ต้องการเพียงแต่เอาคนเสื้อแดงออกจากคุก แต่ต้องเอาทักษิณกลับบ้านโดยไม่มีความผิดด้วย ความพยายามนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว แต่ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์คัดค้านอย่างรุนแรง
การเอาคนเสื้อแดงในคุกมาผูกไว้กับทักษิณนี่เอง ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช.ต้องเดินเกมนอกสภาเพื่อลดแรงต่อต้านก่อนที่จะผลักดันกฎหมายเข้าสภา โดยพยายามตั้งวงพูดคุยกับพันธมิตรฯ และประชาธิปัตย์ ที่พูดคุยไปแล้วผ่านปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และไตรรงค์ สุวรรณคีรี และทั้งพันธมิตรฯ และประชาธิปัตย์ได้แสดงจุดยืนคล้ายกันว่า ไม่ขัดข้องที่จะนิรโทษให้คนที่มีความผิดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
แต่ดูเหมือนการพูดคุยเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้นเอง เพราะวรชัย เหมะ ประกาศแล้วว่า กลุ่ม ส.ส.เสื้อแดงจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภาภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้ทันปิดสมัยประชุมนี้ ขณะที่เจริญ จรรย์โกมล บอกว่าจะนัด 4 ฝ่ายคือ พรรคเพื่อไทย นปช. พันธมิตรฯ และประชาธิปัตย์มาพูดคุยในเดือนมีนาคม เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยจะเอาทั้งสองทางคือ ผลักดันกฎหมายไปด้วย เจรจาพูดคุยไปด้วย ถ้าใครออกมาคัดค้านก็จะบอกว่า เปิดพื้นที่ให้พูดคุยกันก่อนแล้วจะมาคัดค้านอะไรอีก กว่าจะรู้ตัวกฎหมายก็เดินหน้าไปไกลแล้ว
การเดินเกมของเจริญ จรรย์โกมล ไม่ใช่หมากตัวแรกที่ทักษิณใช้เดิน ก่อนหน้านี้ทักษิณเคยใช้ วัฒนา เมืองสุข กับสนธิบังมาแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ ผมว่า ถ้าจะพูดคุยตามคำนัดหมาย 4 ฝ่าย ช่วยให้เจริญพูดมาให้ชัดเลยครับว่า ทักษิณจะไม่ได้ประโยชน์จากร่างกฎหมายนิรโทษกรรมนี้ จริงอยู่เราไม่สามารถเขียนกฎหมายไม่ให้ใช้บังคับเฉพาะทักษิณได้ แต่เราเขียนกฎหมายเพื่อไม่ให้ครอบคลุมความผิดที่เกิดจากการทุจริตได้
และถ้าบริสุทธิ์ใจว่าจะช่วยประชาชนจริงๆ เอาให้ชัดเลยไหมว่า แกนนำทุกฝ่ายพร้อมจะสู้กันตามกระบวนการยุติธรรม เหมือนกับที่แกนนำพันธมิตรฯประกาศเสมอมา เพราะแค่ร่างกฎหมายออกมาแกนนำเสื้อแดงก็ออกมาปฏิเสธกันแล้วว่า ตัวเองไม่ได้เป็นแกนนำไม่มีอำนาจสั่งการอะไร กระโดดหนีเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์จากร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่อ้างว่าช่วยมวลชนบังหน้า
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่มีอิทธิพลต่อคนเสื้อแดงถึงกับประกาศว่า จะไม่เลือกพงศพัศเป็นผู้ว่าฯ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่จริงใจที่จะทำเรื่องนี้เพื่อช่วยคนที่ติดคุก สมศักดิ์เสนอให้นำเรื่องเข้าสภาไปโดยไม่ต้องฟังเสียงคัดค้าน ให้รัฐสภาใช้เสียงข้างมากในเชิงบริหารไปเลย สมศักดิ์ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้เปิดพื้นที่พูดคุยอย่างที่เจริญ จรรย์โกมล กำลังจับมือกับแกนนำ นปช.ร่วมกันเคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้ เพราะเขามองว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรก็มีเสียงคัดค้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนำข้าว รถคันแรก
ที่ตลกคือมีบางคนพยายามเอาคนเสื้อแดงที่ติดคุกไปเปรียบเทียบกับนิสิตนักศึกษา 14 ตุลา 2516 ว่า ตอนนั้นนักศึกษาก็เผาบ้านเผาเมืองเหมือนกันแต่ได้รับการนิรโทษ และได้รับพระราชทานเพลิงศพกลายเป็นวีรชน
หรือที่วัฒนา เมืองสุข บอกว่า ตอนพฤษภาทมิฬก็เผากองสลากเหมือนกันทำไมยอมกันได้
แต่ไม่มีใครพูดเลยว่าเป้าหมายการลุกขึ้นสู้ของนักศึกษา 14 ตุลา และประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬแตกต่างกับคนเสื้อแดงที่ลุกขึ้นสู้เพราะต้องการทวงอำนาจให้ทักษิณ การชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดงไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่เอาประชาธิปไตยมาเป็นข้ออ้างบังหน้า การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่แกนนำปลุกปั่นว่าเป็นสงครามระหว่างไพร่กับอำมาตย์นั้นจริงๆ แล้วเป็นเพียงสงครามเพื่อทวงอำนาจให้ทักษิณ
เพราะสังคมไทยไม่เคยปิดกั้นทางชนชั้น
จริงๆ แล้วคนเสื้อแดงที่ตายและติดคุกถูกหลอกให้เข้าใจว่าตายและติดคุกเพื่อประชาธิปไตย เพราะทักษิณสามารถสร้างแนวร่วมกับนักวิชาการและปัญญาชนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เอาสถาบันและต่อต้านการรัฐประหาร นักวิชาการและปัญญาชนเหล่านี้ก็หวังจะใช้มวลชนของทักษิณเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและอุดมการณ์ของตัวเอง ทักษิณเองก็ไม่ได้ปฏิเสธนักวิชาการและปัญญาชนเหล่านี้ เพราะรู้ว่า ทำให้การต่อสู้ของตัวเองสามารถอำพรางได้ว่าเป็นการต่อสู้เชิงอุดมการณ์ประชาธิปไตย
นักวิชาการและปัญญาชนที่ไม่เอาสถาบันกับทักษิณจึงยอมให้ตัวเองเป็นเครื่องมือของกันและกัน
บอกตรงๆ ครับว่า ผมเองก็เห็นใจคนเสื้อแดงที่ติดคุก เพราะรู้อยู่ว่าคนเหล่านั้นออกมาชุมนุมสร้างความรุนแรง เพราะการปลุกปั่นของแกนนำเสื้อแดงและทักษิณ ลึกๆ แล้วผมก็อยากให้พวกเขาได้กลับไปอยู่กับครอบครัว แต่ถ้าจะนิรโทษคดีอาญาร้ายแรงเหล่านี้จริงๆ แกนนำเสื้อแดงที่สั่งการประกาศออกมาสิครับว่า ให้ปล่อยตัวพี่น้องไปแล้วพวกผมพร้อมจะสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
สังคมไทยจะได้เป็นสังคมที่พิสูจน์ความถูกผิดกันด้วยกฎหมาย และพิสูจน์กันว่า การต่อสู้ของเสื้อแดงคือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือเพื่อทักษิณกันแน่
แต่คนเสื้อแดงที่ติดคุกตอนนี้ทั้งหมดครับย้ำว่าทั้งหมดไม่มีใครติดคุกเพราะฝ่าฝืน พ.ร.ก.หรือคดีเล็กๆ น้อยๆ เหลืออยู่แล้ว เพราะความผิดนั้นออกจากคุกมาหมดนานแล้ว พูดง่ายๆ คือ คนเสื้อแดงที่ติดคุกอยู่ตอนนี้มีแต่ติดคุกเพราะคดีเผาศาลากลางที่มีโทษตั้งแต่ 10 ปี-32 ปี และติดคุกเพราะยิงอาวุธสงครามทั้งสิ้น รวมไปถึงบางคนที่ติดคุกเพราะคดีหมิ่นฯ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 เช่น สมยศ สุรชัย
ดังนั้น “เจตนา” ของพรรคเพื่อไทย (และนปช.) ที่จะออกกม.นิรโทษกรรมต้องการช่วยคนเหล่านี้ครับ ไม่ใช่คนเล็กคนน้อยที่แค่ไปร่วมชุมนุมแล้วถูกจับ
แต่พรรคเพื่อไทย (และนปช.) รู้ว่าแรงต้านที่สำคัญที่สุดก็คือ พันธมิตรฯ จึงพยายามลากให้พันธมิตรฯ เข้าไปอยู่ในกระบวนการนี้ด้วย ในนามของ “ความปรองดอง” แต่ไม่ว่าจะเข้าร่วมในกระบวนการนี้หรือไม่ ผมคิดว่าเราต้องย้ำจุดยืนของเราก็คือ ไม่เอานิรโทษกรรมแอบแฝงช่วยทักษิณ ไม่นิรโทษคดีอาญาร้ายแรง คดีทุจริต ไม่นิรโทษคดี 112
เมื่อเราตอกย้ำ “จุดยืน” ของเรา เราก็เห็นอยู่แล้วว่ามันขัดกับ “เจตนา” ของพรรคเพื่อไทย (และนปช.) ที่กำลังเดินเกมนี้
เราไม่เอานิรโทษแอบแฝงช่วยทักษิณ ไม่นิรโทษคดีอาญาร้ายแรง คดีทุจริต ไม่นิรโทษ 112 ผมจึงคิดว่าทุกย่างก้าวของเรามีความสำคัญ ต้องรู้เท่าทันต้องยึดมั่นในจุดยืนไม่กลายเป็นเครื่องมือของพรรคเพื่อไทย (และนปช.)
ตอนนี้คนเสื้อแดงเองกำลังแตกแยกจากเรื่องนี้ คนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการให้เอาเรื่องนี้มากดดันรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลนี้บริหารประเทศไปได้นานๆ แต่คนเสื้อแดงอีกกลุ่มต้องการให้ช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่อยู่ในคุกเร็วๆ
กลายเป็นการเปิดศึกกันเป็นคู่ๆ ระหว่างหมอเหวงกับดารุณี ขวัญชัยกับแกนนำ นปช.
คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งบอกรอไม่ได้ที่จะให้เพื่อนที่ต่อสู้กันมาติดคุก ต้องเอาคนเสื้อแดงออกจากคุกทันที แต่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำ นปช.ต่างก็รู้ว่า เป้าหมายนิรโทษของพวกเขาไม่ได้ต้องการเพียงแต่เอาคนเสื้อแดงออกจากคุก แต่ต้องเอาทักษิณกลับบ้านโดยไม่มีความผิดด้วย ความพยายามนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว แต่ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์คัดค้านอย่างรุนแรง
การเอาคนเสื้อแดงในคุกมาผูกไว้กับทักษิณนี่เอง ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช.ต้องเดินเกมนอกสภาเพื่อลดแรงต่อต้านก่อนที่จะผลักดันกฎหมายเข้าสภา โดยพยายามตั้งวงพูดคุยกับพันธมิตรฯ และประชาธิปัตย์ ที่พูดคุยไปแล้วผ่านปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และไตรรงค์ สุวรรณคีรี และทั้งพันธมิตรฯ และประชาธิปัตย์ได้แสดงจุดยืนคล้ายกันว่า ไม่ขัดข้องที่จะนิรโทษให้คนที่มีความผิดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
แต่ดูเหมือนการพูดคุยเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้นเอง เพราะวรชัย เหมะ ประกาศแล้วว่า กลุ่ม ส.ส.เสื้อแดงจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภาภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้ทันปิดสมัยประชุมนี้ ขณะที่เจริญ จรรย์โกมล บอกว่าจะนัด 4 ฝ่ายคือ พรรคเพื่อไทย นปช. พันธมิตรฯ และประชาธิปัตย์มาพูดคุยในเดือนมีนาคม เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยจะเอาทั้งสองทางคือ ผลักดันกฎหมายไปด้วย เจรจาพูดคุยไปด้วย ถ้าใครออกมาคัดค้านก็จะบอกว่า เปิดพื้นที่ให้พูดคุยกันก่อนแล้วจะมาคัดค้านอะไรอีก กว่าจะรู้ตัวกฎหมายก็เดินหน้าไปไกลแล้ว
การเดินเกมของเจริญ จรรย์โกมล ไม่ใช่หมากตัวแรกที่ทักษิณใช้เดิน ก่อนหน้านี้ทักษิณเคยใช้ วัฒนา เมืองสุข กับสนธิบังมาแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ ผมว่า ถ้าจะพูดคุยตามคำนัดหมาย 4 ฝ่าย ช่วยให้เจริญพูดมาให้ชัดเลยครับว่า ทักษิณจะไม่ได้ประโยชน์จากร่างกฎหมายนิรโทษกรรมนี้ จริงอยู่เราไม่สามารถเขียนกฎหมายไม่ให้ใช้บังคับเฉพาะทักษิณได้ แต่เราเขียนกฎหมายเพื่อไม่ให้ครอบคลุมความผิดที่เกิดจากการทุจริตได้
และถ้าบริสุทธิ์ใจว่าจะช่วยประชาชนจริงๆ เอาให้ชัดเลยไหมว่า แกนนำทุกฝ่ายพร้อมจะสู้กันตามกระบวนการยุติธรรม เหมือนกับที่แกนนำพันธมิตรฯประกาศเสมอมา เพราะแค่ร่างกฎหมายออกมาแกนนำเสื้อแดงก็ออกมาปฏิเสธกันแล้วว่า ตัวเองไม่ได้เป็นแกนนำไม่มีอำนาจสั่งการอะไร กระโดดหนีเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์จากร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่อ้างว่าช่วยมวลชนบังหน้า
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่มีอิทธิพลต่อคนเสื้อแดงถึงกับประกาศว่า จะไม่เลือกพงศพัศเป็นผู้ว่าฯ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่จริงใจที่จะทำเรื่องนี้เพื่อช่วยคนที่ติดคุก สมศักดิ์เสนอให้นำเรื่องเข้าสภาไปโดยไม่ต้องฟังเสียงคัดค้าน ให้รัฐสภาใช้เสียงข้างมากในเชิงบริหารไปเลย สมศักดิ์ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้เปิดพื้นที่พูดคุยอย่างที่เจริญ จรรย์โกมล กำลังจับมือกับแกนนำ นปช.ร่วมกันเคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้ เพราะเขามองว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรก็มีเสียงคัดค้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนำข้าว รถคันแรก
ที่ตลกคือมีบางคนพยายามเอาคนเสื้อแดงที่ติดคุกไปเปรียบเทียบกับนิสิตนักศึกษา 14 ตุลา 2516 ว่า ตอนนั้นนักศึกษาก็เผาบ้านเผาเมืองเหมือนกันแต่ได้รับการนิรโทษ และได้รับพระราชทานเพลิงศพกลายเป็นวีรชน
หรือที่วัฒนา เมืองสุข บอกว่า ตอนพฤษภาทมิฬก็เผากองสลากเหมือนกันทำไมยอมกันได้
แต่ไม่มีใครพูดเลยว่าเป้าหมายการลุกขึ้นสู้ของนักศึกษา 14 ตุลา และประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬแตกต่างกับคนเสื้อแดงที่ลุกขึ้นสู้เพราะต้องการทวงอำนาจให้ทักษิณ การชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดงไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่เอาประชาธิปไตยมาเป็นข้ออ้างบังหน้า การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่แกนนำปลุกปั่นว่าเป็นสงครามระหว่างไพร่กับอำมาตย์นั้นจริงๆ แล้วเป็นเพียงสงครามเพื่อทวงอำนาจให้ทักษิณ
เพราะสังคมไทยไม่เคยปิดกั้นทางชนชั้น
จริงๆ แล้วคนเสื้อแดงที่ตายและติดคุกถูกหลอกให้เข้าใจว่าตายและติดคุกเพื่อประชาธิปไตย เพราะทักษิณสามารถสร้างแนวร่วมกับนักวิชาการและปัญญาชนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เอาสถาบันและต่อต้านการรัฐประหาร นักวิชาการและปัญญาชนเหล่านี้ก็หวังจะใช้มวลชนของทักษิณเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและอุดมการณ์ของตัวเอง ทักษิณเองก็ไม่ได้ปฏิเสธนักวิชาการและปัญญาชนเหล่านี้ เพราะรู้ว่า ทำให้การต่อสู้ของตัวเองสามารถอำพรางได้ว่าเป็นการต่อสู้เชิงอุดมการณ์ประชาธิปไตย
นักวิชาการและปัญญาชนที่ไม่เอาสถาบันกับทักษิณจึงยอมให้ตัวเองเป็นเครื่องมือของกันและกัน
บอกตรงๆ ครับว่า ผมเองก็เห็นใจคนเสื้อแดงที่ติดคุก เพราะรู้อยู่ว่าคนเหล่านั้นออกมาชุมนุมสร้างความรุนแรง เพราะการปลุกปั่นของแกนนำเสื้อแดงและทักษิณ ลึกๆ แล้วผมก็อยากให้พวกเขาได้กลับไปอยู่กับครอบครัว แต่ถ้าจะนิรโทษคดีอาญาร้ายแรงเหล่านี้จริงๆ แกนนำเสื้อแดงที่สั่งการประกาศออกมาสิครับว่า ให้ปล่อยตัวพี่น้องไปแล้วพวกผมพร้อมจะสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
สังคมไทยจะได้เป็นสังคมที่พิสูจน์ความถูกผิดกันด้วยกฎหมาย และพิสูจน์กันว่า การต่อสู้ของเสื้อแดงคือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือเพื่อทักษิณกันแน่