ASTVผู้จัดการรายวัน - เผยผลสำรวจคอนโด “ชะอำ-หัวหิน” ระบุกระแสซีวิวสไตล์หนุนตลาดปี55โตก้าวกระโดด หลังพบโครงการเกิดใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัว ชี้ความนิยมคนไทย-ต่างชาติ ดันยอดซื้อทุกตลาดรวมเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวจากปีก่อนหน้า เชื่อปี 56 เติบโตต่อเนื่อง คาดราคาขายปรับตัวขึ้น 5-10%
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “ตลาดคอนโดมิเนียมในเมืองตากอากาศชายทะเล มีอัตราการเติบโตเร็วมาก โดยพบว่าความนิยมในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ ใน อำเภอชะอำและหัวหินเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยพบว่าราคาที่ดินปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปรากฏการณ์ Sea View Style (ห้องชุดใหม่ในพื้นที่ใกล้ชายหาดแบบเห็นวิวทะเล) เริ่มรุกตลาดห้องชุดในเมืองตากอากาศ
จากรายงานของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัสฯ ในหัวข้อ “คอนโด ชะอำ-หัวหิน มาแรงตามกระซีวิวสไตล์” ระบุว่า การเติบโตของอสังหาริมทรัพย์พื้นที่ชะอำ-หัวหิน ปี 2555 ที่ผ่านมา ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด การเปลี่ยนแปลงของตลาดสะท้อนให้เห็นชัดเจนเมื่อซัปพลายรวมทุกตลาดเติบโตเกือบ 3 เท่าตัว สอดรับกับปริมาณดีมานด์รวมทุกตลาดที่ตอบรับได้ดีขึ้นกว่า 4 เท่าตัว จึงทำให้ยอดคอนโดรวมที่เสนอขายในปี 55 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14,145 ยูนิต โดยมียอดจำหน่ายรวมแล้ว 8,200 ยูนิต คิดเป็น 58% จากยอดเสนอขายรวม
อย่างไรก็ตาม โซนชะอำ ยังคงเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความสนใจของทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคในปัจจุบัน เนื่องจากซับพลายและดีมานด์ มีการเติบโตสูงสุดเป็น 9 เท่าตัวถึง 11 เท่าตัวเมื่อเทียบจากปี 2554 ส่วนใหญ่นิยมเสนอขาย ในช่วงราคา 60,000-79,999 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งมีอัตรายอดขายได้สูงถึง 57% จากอุปทานในช่วงราคานี้ที่ 6,442 ยูนิต รองลงมาคือหัวหินฝั่งเขาตะเกียบฯ โดยจะเน้นที่ราคา 40,000-59,999 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งมียอดอัตราขายได้ 60% จากยอดอุปทานในช่วงราคานี้ที่ 1,640 ยูนิต
นายอนุกูล กล่าวว่า สำหรับทิศทางตลาดในปี 2556 คาดว่ากลุ่มคอนโดมิเนียมยังเป็นตลาดที่จะเติบโตได้ดี โดยเฉพาะราคาต่ำกว่า 80,000 บาทต่อตารางเมตร ในพื้นที่ชะอำ เขาตะเกียบ-เขาเต่า ยังเป็นพื้นที่ที่น่าจับตา เนื่องจากเชื่อว่ายังมีอุปสงค์รองรับได้จานวนมาก ทั้งนี้ช่วงราคาที่เหมาะสมในพื้นที่ชะอำควรอยู่ในระดับ 50,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนเขาตะเกียบ-เขาเต่า ควรอยู่ที่ระดับ 40,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร คาดว่าดีมานด์จะตอบสนองได้ดีที่สุด
ส่วนพื้นที่ฝั่งทะเล คาดว่าอุปสงค์ที่ต้องการห้องชุดราคาแพงยังพอมีกำลังซื้อที่ราคาสูงกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับตลาดคอนโดบริเวณฝั่งภูเขายังต้องเฝ้าระวัง ส่วนตลาดแนวราบปีนี้คาดยังทรงตัวเท่าปีก่อนหน้า ด้านราคาเสนอขายคาดว่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อย 5-10% ในตลาดคอนโดมิเนียม โดยจะยังเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ส่วนตลาดแนวราบคาดว่าราคายังทรงตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “ตลาดคอนโดมิเนียมในเมืองตากอากาศชายทะเล มีอัตราการเติบโตเร็วมาก โดยพบว่าความนิยมในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ ใน อำเภอชะอำและหัวหินเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยพบว่าราคาที่ดินปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปรากฏการณ์ Sea View Style (ห้องชุดใหม่ในพื้นที่ใกล้ชายหาดแบบเห็นวิวทะเล) เริ่มรุกตลาดห้องชุดในเมืองตากอากาศ
จากรายงานของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัสฯ ในหัวข้อ “คอนโด ชะอำ-หัวหิน มาแรงตามกระซีวิวสไตล์” ระบุว่า การเติบโตของอสังหาริมทรัพย์พื้นที่ชะอำ-หัวหิน ปี 2555 ที่ผ่านมา ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด การเปลี่ยนแปลงของตลาดสะท้อนให้เห็นชัดเจนเมื่อซัปพลายรวมทุกตลาดเติบโตเกือบ 3 เท่าตัว สอดรับกับปริมาณดีมานด์รวมทุกตลาดที่ตอบรับได้ดีขึ้นกว่า 4 เท่าตัว จึงทำให้ยอดคอนโดรวมที่เสนอขายในปี 55 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14,145 ยูนิต โดยมียอดจำหน่ายรวมแล้ว 8,200 ยูนิต คิดเป็น 58% จากยอดเสนอขายรวม
อย่างไรก็ตาม โซนชะอำ ยังคงเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความสนใจของทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคในปัจจุบัน เนื่องจากซับพลายและดีมานด์ มีการเติบโตสูงสุดเป็น 9 เท่าตัวถึง 11 เท่าตัวเมื่อเทียบจากปี 2554 ส่วนใหญ่นิยมเสนอขาย ในช่วงราคา 60,000-79,999 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งมีอัตรายอดขายได้สูงถึง 57% จากอุปทานในช่วงราคานี้ที่ 6,442 ยูนิต รองลงมาคือหัวหินฝั่งเขาตะเกียบฯ โดยจะเน้นที่ราคา 40,000-59,999 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งมียอดอัตราขายได้ 60% จากยอดอุปทานในช่วงราคานี้ที่ 1,640 ยูนิต
นายอนุกูล กล่าวว่า สำหรับทิศทางตลาดในปี 2556 คาดว่ากลุ่มคอนโดมิเนียมยังเป็นตลาดที่จะเติบโตได้ดี โดยเฉพาะราคาต่ำกว่า 80,000 บาทต่อตารางเมตร ในพื้นที่ชะอำ เขาตะเกียบ-เขาเต่า ยังเป็นพื้นที่ที่น่าจับตา เนื่องจากเชื่อว่ายังมีอุปสงค์รองรับได้จานวนมาก ทั้งนี้ช่วงราคาที่เหมาะสมในพื้นที่ชะอำควรอยู่ในระดับ 50,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนเขาตะเกียบ-เขาเต่า ควรอยู่ที่ระดับ 40,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร คาดว่าดีมานด์จะตอบสนองได้ดีที่สุด
ส่วนพื้นที่ฝั่งทะเล คาดว่าอุปสงค์ที่ต้องการห้องชุดราคาแพงยังพอมีกำลังซื้อที่ราคาสูงกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับตลาดคอนโดบริเวณฝั่งภูเขายังต้องเฝ้าระวัง ส่วนตลาดแนวราบปีนี้คาดยังทรงตัวเท่าปีก่อนหน้า ด้านราคาเสนอขายคาดว่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อย 5-10% ในตลาดคอนโดมิเนียม โดยจะยังเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ส่วนตลาดแนวราบคาดว่าราคายังทรงตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้ว