ใครจะเป็นเหยื่อของความหายนะก่อนกัน ระหว่างรัฐบาลแม่นางโพยปูโพรกเน่าใน และรัฐไทยที่อ่อนล้าไร้พลัง? นี่เป็นคำถามซึ่งหลายคนอยากรู้!
หรือจะไปพร้อมกัน เมื่อความผุกร่อนของระบบโครงสร้าง ทำให้ความแข็งแกร่งที่เคยมีต้องพังพาบ ด้วยสาเหตุจากนโยบายของการบริหารบ้านเมืองเชิงทำลาย มุ่งเน้นโครงการประชานิยมผสมกับการทุจริต คอร์รัปชัน กินคำโต
ความล่มสลายของบ้านเมืองใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ ดูอย่างกลุ่มประเทศยูโรโซน ซึ่งใช้เงินเกินตัวจนรายได้ไม่พอกับรายจ่าย หรือกลุ่มประเทศละตินอเมริกา ซึ่งเกือบเจ๊งทั้งทวีปในยุคปี 1980 กว่า ใช้เวลาหลายปีกว่าจะพ้นวิกฤต
แต่หลายชาติได้ตกเป็นเหยื่อของนโยบายประชานิยมขายชาติ ดังเช่นอาร์เจนตินา เปรู และเพื่อนบ้าน ต้องขายทรัพย์สิน ลดสภาพจากประเทศที่มั่งคั่ง เป็นชาติมีหนี้สินล้นพ้นตัว เงินเฟ้อเพิ่มหลายพันเปอร์เซ็นต์ เงินตราไร้ค่า
ภาพเริ่มปรากฏชัดเมื่อองค์กรอาชญากรรม ซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้หน้าฉากของพรรคการเมืองสุมหัวกันโกงกินประเทศไทยขณะนี้ ยังไม่รู้สำนึก มองเห็นหายนะรออยู่ข้างหน้า ใช้เวลาเป็นปัจจัยยื้อ ขณะที่มุ่งโกงสะสมเงินให้มากที่สุด
ถ้าความพินาศวอดวายเกิดขึ้น จะมีโอกาสหนีลี้ภัย ขนทรัพย์สินไปเสวยสุขในต่างประเทศ ปล่อยให้ประชาชนต้องรับกรรม แบกหนี้สิน หรือต้องขายทรัพย์สินใช้หนี้ ภายใต้สภาวะเช่นนั้น ถ้าไม่เกิดมิคสัญญี สิ้นชาติก็บุญแล้ว
เราเห็นเค้าลางของความหายนะชัดทุกวัน เมื่อองค์กรอาชญากรรมกุมอำนาจรัฐ มีตำรวจ อัยการ และตุลาการบางส่วน ข้าราชการในหน่วยต่างๆ สยบอยู่ภายใต้อำนาจเถื่อน ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ทรยศประชาชน ไร้จิตสำนึก
หายนะจากโครงการรับจำนำข้าว ทำให้ ธ.ก.ส. เสียหายด้านสภาพคล่อง มีภาระกว่า 5 แสนล้านบาท ถ้าเป็นคนป่วยเลือดยังไหลไม่หยุด ใกล้สิ้นใจ และรัฐบาลไม่รับผิดชอบเมื่อสร้างความเสียหายจากนโยบายชั่ว “ซื้อแพง ขายถูก”
เพราะความโง่เขลา ความบัดซบ เจตนาร้าย “ซื้อข้าวแพง หวังจะขายแพงกว่า” เมื่อทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้ นั่นคือต้องยอมรับสภาพความหายนะ คือข้าวล้นโกดัง ขายไม่ออก เริ่มเน่า และไม่มีเงินและโกดังสำหรับข้าวจากฤดูใหม่
ไม่ต้องใช้นักการเมืองชั่วแกมโกงคิด เด็กสติปัญญาเล็กน้อยก็รู้ว่านโยบายชั่วร้ายบัดซบแบบนี้มีแต่ทำให้ธุรกรรมสิ้นคิดส่งผลให้ “เจ๊งกับเจ๊ง”
นี่เป็นการบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองอย่างปฏิเสธไม่ได้ เมื่อเล็งเห็นผลร้ายแต่ก็ยังกระทำ อุตสาหกรรมข้าวไทยจะย่อยยับ คุณภาพตกต่ำ สูญเสียตลาด ความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ ผู้บริโภคต้องยอมรับข้าวคุณภาพต่ำ ผลสุดท้าย ธ.ก.ส. เสี่ยงก่อปัญหาสภาพคล่อง ต้องเพิ่มทุนหรือพึ่งมาตรการอื่นๆ
แม่นางโพยรับบท “เลดี้กูกู้” จะนำพาประชาชนแบกหนี้อีก 2.2 ล้านล้านบาทเพื่อสนองตัณหา ศักยภาพการโกงกินของนักการเมืองชั่วร้าย อาชญากรกุมอำนาจรัฐ สั่งการโดยอาชญากรขายชาติโคตรโกงหนีคุกอยู่ต่างประเทศ
กลุ่มองค์กรอาชญากรรมเพิ่งอนุมัติโครงการล้างผลาญมโหฬารของทรัพยากรธรรมชาติ หวังใช้งบ 3.5 แสนล้านบาทเพื่อกอบโกยทรัพย์สินแผ่นดินผ่านโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนแม่วงก์ ต้องตัดต้นไม้ป่าสมบูรณ์หลายหมื่นไร่ สร้างความมั่งคั่งให้นักการเมือง พ่อค้า ข้าราชการชั่วร้ายได้เต็มอิ่ม
ได้ทั้งเงินหัวคิว กินเปอร์เซ็นต์ และทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งจะถูกทำลายถาวร โดยความคิดของนักการเมืองประวัติมัวหมอง เป็นตัวหลักในขบวนการอาชญากรกุมอำนาจรัฐในรัฐบาลหุ่นเชิดของอาชญากรหนีคุก ต้นแบบโกงชั่วทั้งโคตร
ธนาคารเอสเอ็มอี หรือแบงก์สมี และไอแบงก์ มีปัญหาสภาพคล่องเพราะการปล่อยกู้แบบมีเงื่อนงำ สะสมหนี้เน่า ขาดผู้รับผิดชอบ! ช่วงแรกวางแผนจะเอาหนี้เน่าไปละลายในธนาคารออมสิน แต่มีเสียงเอะอะโวยวาย
“ไอ้เสือไว้ลาย” จำเป็นต้องถอย หาจุดตั้งหลัก ก่อนออกมาตอแหล เอาตัวรอด และปัดความรับผิดชอบ เท่ากับว่าทั้งแบงก์สมี ไอแบงก์ และ ธ.ก.ส. อยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน! อาจเปิดช่องให้อาชญากรขนเงินซุกไว้จากต่างประเทศเข้ามาซื้อ หวังจะได้โฉนดที่ดินเอาไว้สะสม ปลูกข้าวขายราคาแพงให้คนไทย
โครงสร้างของประเทศเริ่มเสื่อมทรุด การค้าตกต่ำ การโกงกินระดับสูง การบริหารบ้านเมืองมีแต่ความโง่เขลาเบาปัญญาผสมกับความชั่วร้าย ไม่มีความน่าเชื่อถือ เปรียบเสมือน “รัฐล้มเหลว” เพียงไม่เป็นทางนิตินัยเท่านั้น
รัฐบาลแม่นางโพยจะอยู่ในสภาพยื้อ ตีกินต่อไปแบบนี้ โดยประชาชนส่วนใหญ่ไม่รับรู้ใส่ใจ เท่ากับเปิดทางสู่หายนะระดับประเทศ ถ้าระดับหนี้สินของประเทศเกินเส้นของความสามารถในการใช้คืน ทางออกที่เหมาะสมคือการสิ้นสุดอำนาจของกลุ่มอาชญากร พักเลิกการเมืองเพื่อฟื้นฟูประเทศ
รัฐบาลอยู่ในสภาพใกล้ถังแตก จ้องยึดอำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย! ยังดีที่พวกขบวนการเสื้อแดงก่อการร้ายฟัดกันเอง ลากไส้เน่าออกมาให้ชาวบ้านได้รู้ว่าปัญหาบ้านเมืองเกิดจากไอ้ตัวร้ายขายชาติเพียงคนเดียว
จะรอให้บ้านเมืองล่มจม หรือจัดการให้อาชญากรสิ้นอำนาจเสียก่อน?
หรือจะไปพร้อมกัน เมื่อความผุกร่อนของระบบโครงสร้าง ทำให้ความแข็งแกร่งที่เคยมีต้องพังพาบ ด้วยสาเหตุจากนโยบายของการบริหารบ้านเมืองเชิงทำลาย มุ่งเน้นโครงการประชานิยมผสมกับการทุจริต คอร์รัปชัน กินคำโต
ความล่มสลายของบ้านเมืองใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ ดูอย่างกลุ่มประเทศยูโรโซน ซึ่งใช้เงินเกินตัวจนรายได้ไม่พอกับรายจ่าย หรือกลุ่มประเทศละตินอเมริกา ซึ่งเกือบเจ๊งทั้งทวีปในยุคปี 1980 กว่า ใช้เวลาหลายปีกว่าจะพ้นวิกฤต
แต่หลายชาติได้ตกเป็นเหยื่อของนโยบายประชานิยมขายชาติ ดังเช่นอาร์เจนตินา เปรู และเพื่อนบ้าน ต้องขายทรัพย์สิน ลดสภาพจากประเทศที่มั่งคั่ง เป็นชาติมีหนี้สินล้นพ้นตัว เงินเฟ้อเพิ่มหลายพันเปอร์เซ็นต์ เงินตราไร้ค่า
ภาพเริ่มปรากฏชัดเมื่อองค์กรอาชญากรรม ซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้หน้าฉากของพรรคการเมืองสุมหัวกันโกงกินประเทศไทยขณะนี้ ยังไม่รู้สำนึก มองเห็นหายนะรออยู่ข้างหน้า ใช้เวลาเป็นปัจจัยยื้อ ขณะที่มุ่งโกงสะสมเงินให้มากที่สุด
ถ้าความพินาศวอดวายเกิดขึ้น จะมีโอกาสหนีลี้ภัย ขนทรัพย์สินไปเสวยสุขในต่างประเทศ ปล่อยให้ประชาชนต้องรับกรรม แบกหนี้สิน หรือต้องขายทรัพย์สินใช้หนี้ ภายใต้สภาวะเช่นนั้น ถ้าไม่เกิดมิคสัญญี สิ้นชาติก็บุญแล้ว
เราเห็นเค้าลางของความหายนะชัดทุกวัน เมื่อองค์กรอาชญากรรมกุมอำนาจรัฐ มีตำรวจ อัยการ และตุลาการบางส่วน ข้าราชการในหน่วยต่างๆ สยบอยู่ภายใต้อำนาจเถื่อน ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ทรยศประชาชน ไร้จิตสำนึก
หายนะจากโครงการรับจำนำข้าว ทำให้ ธ.ก.ส. เสียหายด้านสภาพคล่อง มีภาระกว่า 5 แสนล้านบาท ถ้าเป็นคนป่วยเลือดยังไหลไม่หยุด ใกล้สิ้นใจ และรัฐบาลไม่รับผิดชอบเมื่อสร้างความเสียหายจากนโยบายชั่ว “ซื้อแพง ขายถูก”
เพราะความโง่เขลา ความบัดซบ เจตนาร้าย “ซื้อข้าวแพง หวังจะขายแพงกว่า” เมื่อทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้ นั่นคือต้องยอมรับสภาพความหายนะ คือข้าวล้นโกดัง ขายไม่ออก เริ่มเน่า และไม่มีเงินและโกดังสำหรับข้าวจากฤดูใหม่
ไม่ต้องใช้นักการเมืองชั่วแกมโกงคิด เด็กสติปัญญาเล็กน้อยก็รู้ว่านโยบายชั่วร้ายบัดซบแบบนี้มีแต่ทำให้ธุรกรรมสิ้นคิดส่งผลให้ “เจ๊งกับเจ๊ง”
นี่เป็นการบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองอย่างปฏิเสธไม่ได้ เมื่อเล็งเห็นผลร้ายแต่ก็ยังกระทำ อุตสาหกรรมข้าวไทยจะย่อยยับ คุณภาพตกต่ำ สูญเสียตลาด ความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ ผู้บริโภคต้องยอมรับข้าวคุณภาพต่ำ ผลสุดท้าย ธ.ก.ส. เสี่ยงก่อปัญหาสภาพคล่อง ต้องเพิ่มทุนหรือพึ่งมาตรการอื่นๆ
แม่นางโพยรับบท “เลดี้กูกู้” จะนำพาประชาชนแบกหนี้อีก 2.2 ล้านล้านบาทเพื่อสนองตัณหา ศักยภาพการโกงกินของนักการเมืองชั่วร้าย อาชญากรกุมอำนาจรัฐ สั่งการโดยอาชญากรขายชาติโคตรโกงหนีคุกอยู่ต่างประเทศ
กลุ่มองค์กรอาชญากรรมเพิ่งอนุมัติโครงการล้างผลาญมโหฬารของทรัพยากรธรรมชาติ หวังใช้งบ 3.5 แสนล้านบาทเพื่อกอบโกยทรัพย์สินแผ่นดินผ่านโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนแม่วงก์ ต้องตัดต้นไม้ป่าสมบูรณ์หลายหมื่นไร่ สร้างความมั่งคั่งให้นักการเมือง พ่อค้า ข้าราชการชั่วร้ายได้เต็มอิ่ม
ได้ทั้งเงินหัวคิว กินเปอร์เซ็นต์ และทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งจะถูกทำลายถาวร โดยความคิดของนักการเมืองประวัติมัวหมอง เป็นตัวหลักในขบวนการอาชญากรกุมอำนาจรัฐในรัฐบาลหุ่นเชิดของอาชญากรหนีคุก ต้นแบบโกงชั่วทั้งโคตร
ธนาคารเอสเอ็มอี หรือแบงก์สมี และไอแบงก์ มีปัญหาสภาพคล่องเพราะการปล่อยกู้แบบมีเงื่อนงำ สะสมหนี้เน่า ขาดผู้รับผิดชอบ! ช่วงแรกวางแผนจะเอาหนี้เน่าไปละลายในธนาคารออมสิน แต่มีเสียงเอะอะโวยวาย
“ไอ้เสือไว้ลาย” จำเป็นต้องถอย หาจุดตั้งหลัก ก่อนออกมาตอแหล เอาตัวรอด และปัดความรับผิดชอบ เท่ากับว่าทั้งแบงก์สมี ไอแบงก์ และ ธ.ก.ส. อยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน! อาจเปิดช่องให้อาชญากรขนเงินซุกไว้จากต่างประเทศเข้ามาซื้อ หวังจะได้โฉนดที่ดินเอาไว้สะสม ปลูกข้าวขายราคาแพงให้คนไทย
โครงสร้างของประเทศเริ่มเสื่อมทรุด การค้าตกต่ำ การโกงกินระดับสูง การบริหารบ้านเมืองมีแต่ความโง่เขลาเบาปัญญาผสมกับความชั่วร้าย ไม่มีความน่าเชื่อถือ เปรียบเสมือน “รัฐล้มเหลว” เพียงไม่เป็นทางนิตินัยเท่านั้น
รัฐบาลแม่นางโพยจะอยู่ในสภาพยื้อ ตีกินต่อไปแบบนี้ โดยประชาชนส่วนใหญ่ไม่รับรู้ใส่ใจ เท่ากับเปิดทางสู่หายนะระดับประเทศ ถ้าระดับหนี้สินของประเทศเกินเส้นของความสามารถในการใช้คืน ทางออกที่เหมาะสมคือการสิ้นสุดอำนาจของกลุ่มอาชญากร พักเลิกการเมืองเพื่อฟื้นฟูประเทศ
รัฐบาลอยู่ในสภาพใกล้ถังแตก จ้องยึดอำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย! ยังดีที่พวกขบวนการเสื้อแดงก่อการร้ายฟัดกันเอง ลากไส้เน่าออกมาให้ชาวบ้านได้รู้ว่าปัญหาบ้านเมืองเกิดจากไอ้ตัวร้ายขายชาติเพียงคนเดียว
จะรอให้บ้านเมืองล่มจม หรือจัดการให้อาชญากรสิ้นอำนาจเสียก่อน?