งาบโรงพัก รัฐบาลขว้างงูไม่พ้นคอ

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ช่วงนี้บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย กำลังจดจ่อ ทุ่มเท สมาธิไปที่การหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. หวังผลักดัน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นผู้ว่าฯกทม.ให้ได้

หากสามารถทำได้สำเร็จ นอกจากจะได้กุมอำนาจการบริหาร จัดการเมืองหลวงของประเทศแล้ว ยังถือว่าเป็นบันไดก้าวแรก ของแผนล้างบางประชาธิปัตย์ ให้สุญพันธุ์จากเมืองหลวง ตามที่วานฝันไว้

เรื่องใดที่จะมารบกวน หรือก่อกระแสให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ ตอนนี้รัฐบาลชะลอไว้หมด

อาทิ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การออกพ.ร.ก.นิรโทษให้ผู้ชุมนุมทางการเมือง ที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดง พยายามผลักดัน หรือการออกพ.ร.บ.นิรโทษฯ ตามที่ อุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคอ.นธ. เสนอมา ก็ถูกยื้อไว้ โดยรัฐบาลส่งไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาความเรียบร้อย ซึ่งไม่รู้เมื่อไรจะพิจารณาเสร็จ

แม้แต่เรื่องการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อการลงทุนเมกะโปรเจกต์ ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการเกี่ยวกับการเชื่อมต่อของระบบขนส่งภายในประเทศ เพื่อรองรับการเป็นฮับของอาเซียน ที่แต่เดิมมีกำหนดการนำเข้าสู่ที่ประชุมครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (5ก.พ.) ก็ถูกเลื่อนออกไป โดยนายกรัฐมนตรี อ้างว่าเพื่อให้กระทรวงคมนาคม กลับไปตรวจสอบรายละเอียดให้เรียบร้อยก่อน

นอกจากนี้ เรื่องการแถลงผลงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปี ต่อสภาผู้แทนราษฎร ที่ขณะนี้เลยเวลา 1 ปีมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนว่าจะแถลงกันเมื่อไร แต่มีคำยืนยันจาก สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ว่าเอาไว้หลังเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. โดยอ้างว่า วิป 3 ฝ่ายได้ตกลงกันไว้อย่างนั้น

จะเห็นได้เรื่องที่กล่าวมานั้น ล้วนเป็นเรื่องร้อน ที่จะก่อแสวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในทางลบได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือ พักไว้ก่อน

ขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐบาลก็พยายามโหมกระแสเรื่องการทุจริตการสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งการสร้างที่พักอาศัยของข้าราชการตำรวจ ที่มีการอนุมัติกันในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยพุ่งเป้าไปที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ขณะนั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

มีการชงเรื่องให้ "ดีเอสไอ" เจ้าเก่า ไล่บี้ด้วยอีกทาง หวังปลุกให้คนกรุงเห็นคล้อยตามว่า ประชาธิปัตย์ ก็คอร์รัปชัน โกงกินเหมือนกัน

ล่าสุด ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ผู้ที่เปิดประเด็นเรื่องนี้ ในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ได้ออกมาเปิดโปงอีกว่า การก่อสร้างโรงพักดังกล่าวเห็นชัดว่า ไม่เสร็จตามกำหนดสัญญา คือ 13 ม.ค.56 แต่ ครม.ยิ่งลักษณ์ กลับมีมติให้ขยายสัญญาออกไปอีก 60 วัน คือไปสิ้นสุดวันที่ 14 มี.ค.56

ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่ การต่อสัญญาดังกล่าวเพื่อให้ผู้รับเหมา ไม่ต้องเสียค่าปรับ วันละ 5.8 ล้านบาทเป็นเวลา 60 วันรวมเป็นเงิน 348 ล้านบาท

แน่อนว่า เรื่องแบบนี้ ต้องมีเงินหล่นใกล้ๆกับผู้มีอำนาจในการอนุมัติ หลายสิบเปอร์เซ็นต์ ถึงจะผ่านไปได้ ดังนั้น คนดีเอสไอ ควรจะเชิญตัวมาสอบด้วยก็คือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น และรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังได้นำเอกสาร ทีโออาร์ ที่มีชื่อ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในขณะนั้น เป็นประธานกรรมการจัดทำขอบเขตงานก่อสร้าง และเห็นชอบการประกวดราคาการก่อสร้างอาคารสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่งทั่วประเทศด้วย

เรื่องนี้เห็นทีคงเข้าตำรา "ขว้างงูไม่พ้นคอ" เพราะคอร์รัปชันในวงราชการและนักการเมือง แตะตรงไหน เจอตรงนั้น !!