xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ชี้รัฐดึงปมสร้างโรงพักเล่นการเมือง ติง “ธาริต” นิ่งโยง “จูดี้” บี้มติชนฟังอีกด้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
หน.ปชป.ย้ำปมโกงสร้างโรงพักถูกนำโยงการเมือง ตอกดีเอสไอเปลี่ยนข้อหาเล่น ปชป.ตลอด พอโยงรัฐกลับนิ่ง ชี้ สตช.เรื่องเข้าตัว ถึงแถลงไร้โกง ติงสื่อเชลียร์รัฐ เปิดหูฟังด้านอื่นบ้าง ปลุก “พงศพัศ” แจงทำทีโออาร์ชง “สุเทพ” อย่าหวังผลการเมืองโยนบาปคนอื่น บี้สอบซ้ำอาจมีนักการเมืองเอี่ยว เย้ย “เหลิม” จำนนหลักฐาน สตช.มอบพื้นที่ช้า เตือน “อดุลย์” ล้มโครงการเสียหายรับผิดชอบ จี้จับมืออดีต ผบ.ตร.ให้ปากคำ พร้อมเคลียร์ปมขยายสัญญา ส่อฟันดีเอสไอกลั่นแกล้ง

วันนี้ (15 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกมาแถลงข่าวว่าการก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ 396 แห่ง ไม่พบการฉ้อโกงและทุกขั้นตอนไม่มีการทุจริตว่า ตนเรียนมาแต่ต้นว่าเรื่องนี้ถูกนำมาเป็นประเด็นการเมือง โดยที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี หรือนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ มีการเปลี่ยนข้อกล่าวหาอยู่ตลอด ตั้งแต่เรื่องฮั้ว ไปถึงบริษัทจงใจทิ้งงาน และอ้างว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องแต่เมื่อข้อเท็จจริงและเอกสารที่ปรากฏในภายหลังไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่มีการกล่าวหาก็เปลี่ยนข้อหาอีก จนกระทั่งเจอปัญหาว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอเรื่องนี้ให้นายสุเทพ เทือสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ผ่าน ผบ.ตร. ก็ดูเหมือนจะทำให้เรื่องเงียบไปมีการเปลี่ยนท่าทีอีก หลังจากที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.แสดงความไม่พอใจ นายธาริตก็พูดง่ายๆ ว่าไม่เป็นไร เรื่องทั้งหมดจึงชัดว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่ตนเรียกร้องว่าปล่อยให้เป็นเรื่องการเมืองไม่ได้ ถ้ามีคนทำผิดก็ต้องเอาผิดแต่ถ้าไม่มีก็ต้องบอกว่าไม่มีอย่ามาเล่นการเมืองกัน

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า รู้สึกสงสัยว่ามาตรฐานการทำงานจะเป็นอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ สตช.ไม่เคยออกมาแถลงแต่เมื่อเรื่องเริ่มเข้าตัวก็ออกมาแถลงข่าวว่าไม่มีความผิดปกติในเรื่องนี้ และยังข้องใจว่าทำไม พล.ต.อ.พงศพัศจึงไม่พูดในเมื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และมติชน ข่าวสด ควรไปดูหลักฐานจะได้มีความรู้เพิ่มเติมด้วย เพราะยังตกร่องตาม ร.ต.อ.เฉลิมว่า พล.ต.อ.พงศพัศเกี่ยวข้องเฉพาะทีโออาร์ฉบับรายภาค ซึ่งไม่ใช่ เพราะเป็นผู้เสนอความเห็นให้ ผบ.ตร.ในขณะนั้นให้ความเห็นชอบในการว่าจ้าง บ.พีซีซีด้วย ถ้า พล.ต.อ.พงศพัศมั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ก็ต้องพูดไม่ใช่ทำเรื่องนี้ให้เกิดความคลุมเครือเพื่อหวังให้เล่นงานนายสุเทพ ลามมาถึงตน

“ผมต้องถามว่า พล.ต.อ.พงศพัศสนับสนุนการเมืองแบบนี้ใช่หรือไม่ เพราะถ้า พล.ต.อ.พงศพัศไม่สนับสนุนการเมืองแบบนี้ต้องมีความรับผิดชอบในฐานะที่เคยเสนอความเห็นให้นายสุเทพเพื่อจ้างบริษัทนี้ทำเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าคงมีความพยายามที่จะปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไปเฉยๆ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะได้ทราบว่านี่คือมาตรฐานการเมืองของ พล.ต.อ.พงศพัศ” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เริ่มมีเสียงครหาว่ารัฐบาลอาจมีเจตนาที่จะล้มโครงการนี้จึงปล่อยให้เกิดปัญหาการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนอยากให้สอบสวนอย่างจริงจังต่อไป เพราะดีไม่ดีอาจจะพบความจริงว่าความผิดมาเกิดขึ้นตอนหลัง และดีไม่ดีมีนักการเมืองไปวิ่งเต้นจึงอยากให้ไปดูให้ดีตามข้อเท็จจริง อย่าพยายามเอาเรื่องนี้มาเล่นการเมือง ซึ่งในส่วนของปัญหาการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าของสตช.นั้นก็เป็นความจริงที่เกิดขึ้น ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม จำนนต่อหลักฐานและข้อเท็จจริงจึงยอมรับว่ามีความผิดพลาดในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงปล่อยให้จบไปเฉยๆ เหมือนมวยล้มไม่ได้ เพราะหลายฝ่ายตรวจสอบอยู่ รวมถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์หัวหน้าพรรครักประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ยังไม่ทราบว่าดีเอสไอจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เพราะที่ผ่านมาก็ถนัดแต่แถลงข่าวดิสเครดิตแต่ยังไม่มีการทำจดหมายมาถึงตน รวมถึงในส่วนของนายสุเทพก็ยังไม่แน่ใจว่าทำจดหมายมาแล้วหรือยัง

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า กรณีนายสุเทพไม่ได้กระทำอะไรผิดเพราะอนุมัติตามที่หน่วยงานเสนอมา แต่ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นหาก ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า พล.ต.อ.พงศพัศจุดยืนชัดเพราะออกทีโออาร์แบบแรก แต่เมื่อออกทีโออาร์ฉบับที่สองจึงมีปัญหา และเมื่อ พล.ต.อ.พงศพัศเป็นผู้เสนอให้ความเห็นชอบตามทีโออาร์ฉบับที่สองในการประกวดราคาจนได้บริษัทที่เสนอราคาต่ำสุดก็แสดงว่า พล.ต.อ.พงศพัศต้องมีความผิดด้วย เพราะรู้แต่กลับแสดงความเห็นชอบ ขณะที่นายสุเทพไม่รู้ว่ามีความผิดปกติในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า สตช.ยืนยันว่าไม่มีการฉ้อโกงแต่ความเสียหายเกิดขึ้นกับทางราชการแล้วที่การก่อสร้างโรงพักไม่แล้วเสร็จตามกำหนดใครจะรับผิดชอบต่อความเสียหายดังกล่าว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าจะต้องมีการติดตามว่าความเสียหายเกิดขึ้นจากความผิดของใคร อย่างไร หากเป็นปัญหาที่สัญญา การปฏิบัติตามสัญญา หรือการบริหารสัญญา ก็ต้องได้ข้อยุติแล้วดำเนินการตามกฎระเบียบซึ่งเป็นแนวทางที่ควรจะเป็นมาตั้งแต่แรก ส่วนการที่ ผบ.ตร.จะยกเลิกสัญญานั้นก็สามารถทำได้แต่ถ้ามีความเสียหายกับทางราชการคนที่ทำให้เกิดความเสียก็ต้องรับผิดชอบ แม้ว่าความผิดส่วนหนึ่งจะเกิดเพราะราชการไม่มีความพร้อมด้วย ก็ต้องไปดูว่าความผิดอยู่ที่ใคร และเห็นว่าอดีต ผบ.ตร. รวมถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ควรจะไปชี้แจงต่อดีเอสไอถึงเหตุผลที่มีการขยายเวลาให้กับบริษัทรวมสามครั้งด้วย เพราะพวกตนไม่เคยพูดว่าใครผิดหรือไม่เพียงแต่บอกว่าให้ตรวจสอบตามความเป็นจริง ซึ่งตนก็แทบไม่ได้เกี่ยวข้องเลยเพียงแต่มีการอนุมัติในรัฐบาลของตนและนายสุเทพก็อนุมัติตามที่หน่วยงานเสนอมาไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านั้น แต่ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นคนตั้งประเด็นว่า พล.ต.อ.พงศพัศเคยเสนอทีโออาร์เดิมแต่กลับมีการไปเปลี่ยนแปลงโดยใช้คำว่ามันชัดว่าผิด ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่า พล.ต.อ.พงศพัศต้องรู้ว่าผิด จึงไม่อยากให้ ร.ต.อ.เฉลิมดำน้ำมากไป

ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ตั้งข้อสังเกตว่ามีการงดเว้นระเบียบบางประการเพื่อเอื้อประโยชน์ในการขยายเวลาก่อสร้างให้กับบริษัทพีซีซีในการขยายเวลายุคที่ พล.ต.อ.อดุลย์เป็น ผบ.ตร.นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องไปว่ากันว่ามีการเอื้อประโยชน์ในระยะไหน โดยใครก็ต้องดำเนินการ ซึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ก็ต้องชี้แจงในเรื่องนี้ด้วย เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันมาโดยตลอดว่าให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ เมื่อดีเอสไอหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็ต้องสอบให้ชัดว่าความผิดเป็นของใคร เพราะเมื่อจุดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วก็ต้องมีบทสรุปและเมื่อ สตช.สรุปว่าไม่มีใครผิดตนก็จะไปดูว่า ดีเอสไอมีความพยายามกลั่นแกล้งใครหรือไม่ เพราะจะมีความผิด ในทางกลับกันถ้าดีเอสไอยืนยันว่ามีความผิด ก็ต้องไปเล่นงานคนผิด และ สตช.ก็อาจจะต้องถูกสอบเพิ่มเติมด้วยว่าทำไมถึงยืนยันว่าไม่มีความผิดทั้งที่มีความผิด และเห็นว่าจะต้องหาความจริงให้ได้ โดยทุกคนต้องช่วยกันแต่จะเสร็จในรัฐบาลนี้หรือไม่ ไม่ทราบ แต่ชัดเจนแล้วว่าถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นทางการเมือง และอยากให้ ร.ต.อ.เฉลิมเลิกพูดเรื่องเก่าได้แล้ว มติชนก็เลิกฟังความข้างเดียว เขียนอยู่ข้างเดียวได้แล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น