ASTVผู้จัดการรายวัน-คาดเงินสะพัดปีใหม่ทะลุแสนล้านบาท สูงสุดรอบ 7 ปี ได้อานิสงค์เศรษฐกิจดี นโยบายจำนำ ขึ้นค่าแรง เพิ่มเงินในกระเป๋า ประชาชนขอพรให้ในหลวง ราชินี ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ระบุ "ปู-มาร์ค-ชูวิทย์" คือคนที่อยากให้ของขวัญมากที่สุด
นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็นประเด็นเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ว่า ประชาชนจะมีการจับจ่ายใช้สอยถึง 105,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.6% เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่ใช้จ่าย 91,520 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้จ่ายเลี้ยงสังสรรค์ 7,341 ล้านบาท ทำบุญ 8,696 ล้านบาท ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 11,069 ล้านบาท สินค้าฟุ่มเฟือย 672 ล้านบาท สินค้าคงทน 1,291 ล้านบาท ท่องเที่ยวในประเทศ 49,286 ล้านบาท และท่องเที่ยวต่างประเทศ 27,468 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงปีใหม่จะมีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนที่ 9,153 บาท แบ่งเป็นการเลี้ยงสังสรรค์สูงสุด 29.1% รองลงมาเป็นทำบุญ16.6% ซื้อเสื้อผ้า รองเท้า 13.5% ท่องเที่ยว 11.6% และซื้อสุราไวน์ 10.5%
ส่วนการเปรียบเทียบมูลค่าการใช้จ่ายและจำนวนการซื้อสินค้าในช่วงปีใหม่ ด้านมูลค่า 49% ตอบว่าเท่าเดิม อีก 41.5% บอกเพิ่มขึ้น และ 8.7% ที่ซื้อลดลง ด้านจำนวนชิ้น 60.5% ตอบว่าเท่าเดิม อีก 18.1% เพิ่มขึ้น และ21.4% ลดลง ส่วนแหล่งที่มาของเงินใช้จ่าย ส่วนใหญ่ 65.6% มาจากเงินเดือนและรายได้ตามปกติ อีก 24% มาจากเงินออม และ 10.4% มาจากโบนัสรายได้พิเศษ
ขณะที่สัดส่วนการท่องเที่ยวต่างประเทศปีนี้มีมากถึง 10.9% เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่ประชาชนเที่ยวต่างประเทศเพียง2.3% ขณะที่การท่องเที่ยวในประเทศสัดส่วนลดลงจาก 97.7% เหลือ 89.1% โดยมีการใช้จ่ายท่องเที่ยวในประเทศเฉลี่ย 9,153 บาท และค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวต่างประเทศ 74,321 บาท โดยช่วงเวลาการท่องเที่ยวจะออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.2555-1ม.ค.2556 สำหรับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเอเชียมากที่สุด รองลงมาเป็นยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย ส่วนการท่องเที่ยวในประเทศภาคเหนือสูงสุด รองลงมาภาคกลาง อีสาน ใต้ และกทม.
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การใช้จ่ายช่วงปีใหม่ปี 2556 มีความคึกคักมาก โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายทะลุ 1 แสนล้านบาทเป็นปีแรก สูงสุดในรอบ 7 ปี และยังมีอัตราขยายตัวเป็นตัวเลขสองหลัก โดยมีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี ซึ่งศูนย์คาดการณ์ว่าปี 2555จะขยายตัวที่ 5.4% ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มคลายความกังวล นโยบายเศรษฐกิจในประเทศได้รับอานิสงส์จากนโยบายเพิ่มค่าแรงงาน โครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ส่งผลให้ประชาชนมีการใช้จ่ายมากขึ้น
นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การสำรวจความเห็นประเด็นปัญหาที่รัฐบาลควรแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุดในปี 2556 ส่วนใหญ่ 32.9% ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยรวม อีก 30.7% ต้องการให้รักษาเสถียรภาพทางการเมือง และ 25.3% อยากให้แก้ปัญหาสังคม แต่เมื่อถามถึง ภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2556 จะปรับตัวดีขึ้นจากปี 2555 หรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่ 44.3% เชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น และมีการขยายตัว 4.1-5.0%
ส่วนความเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนใหญ่ 40.9% ตอบว่าไม่แน่ใจ 30.3% เห็นว่าไม่ควรแก้ไข และ 28.8% ต้องการให้รัฐบาลแก้ไข ส่วนสถานการณ์การเมืองปี 2556 ส่วนใหญ่ 61.3% บอกเหมือนเดิม อีก 19.7% เชื่อว่าการเมืองจะดีขึ้น และ 18.9% คิดว่าแย่ลง ขณะที่คำอวยพรในช่วงปีใหม่ ประชาชนอยากขอให้พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง 38.7% ขอให้ภาคใต้สงบสุข 12.3% ขอให้ค้าขายดี 9.8% ขอให้คนไทยสมานฉันท์ 7.6% และขอให้เศรษฐกิจดีขึ้น 7.2%
สำหรับสิ่งที่ประชาชนอยากได้ของขวัญจากรัฐบาล 32.8% ต้องการความสงบสุข ขณะที่ 11.2% ต้องการให้เกิดความสามัคคี อีก 9.1% ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น 9% ให้ดูแลราคาสินค้า และ7.9% ให้ดูแลปัญหาคอรัปชั่น ส่วนบุคคลที่ประชาชนอยากให้ของขวัญมากที่สุด คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รองลงมาเป็นนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์
นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็นประเด็นเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ว่า ประชาชนจะมีการจับจ่ายใช้สอยถึง 105,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.6% เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่ใช้จ่าย 91,520 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้จ่ายเลี้ยงสังสรรค์ 7,341 ล้านบาท ทำบุญ 8,696 ล้านบาท ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 11,069 ล้านบาท สินค้าฟุ่มเฟือย 672 ล้านบาท สินค้าคงทน 1,291 ล้านบาท ท่องเที่ยวในประเทศ 49,286 ล้านบาท และท่องเที่ยวต่างประเทศ 27,468 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงปีใหม่จะมีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนที่ 9,153 บาท แบ่งเป็นการเลี้ยงสังสรรค์สูงสุด 29.1% รองลงมาเป็นทำบุญ16.6% ซื้อเสื้อผ้า รองเท้า 13.5% ท่องเที่ยว 11.6% และซื้อสุราไวน์ 10.5%
ส่วนการเปรียบเทียบมูลค่าการใช้จ่ายและจำนวนการซื้อสินค้าในช่วงปีใหม่ ด้านมูลค่า 49% ตอบว่าเท่าเดิม อีก 41.5% บอกเพิ่มขึ้น และ 8.7% ที่ซื้อลดลง ด้านจำนวนชิ้น 60.5% ตอบว่าเท่าเดิม อีก 18.1% เพิ่มขึ้น และ21.4% ลดลง ส่วนแหล่งที่มาของเงินใช้จ่าย ส่วนใหญ่ 65.6% มาจากเงินเดือนและรายได้ตามปกติ อีก 24% มาจากเงินออม และ 10.4% มาจากโบนัสรายได้พิเศษ
ขณะที่สัดส่วนการท่องเที่ยวต่างประเทศปีนี้มีมากถึง 10.9% เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่ประชาชนเที่ยวต่างประเทศเพียง2.3% ขณะที่การท่องเที่ยวในประเทศสัดส่วนลดลงจาก 97.7% เหลือ 89.1% โดยมีการใช้จ่ายท่องเที่ยวในประเทศเฉลี่ย 9,153 บาท และค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวต่างประเทศ 74,321 บาท โดยช่วงเวลาการท่องเที่ยวจะออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.2555-1ม.ค.2556 สำหรับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเอเชียมากที่สุด รองลงมาเป็นยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย ส่วนการท่องเที่ยวในประเทศภาคเหนือสูงสุด รองลงมาภาคกลาง อีสาน ใต้ และกทม.
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การใช้จ่ายช่วงปีใหม่ปี 2556 มีความคึกคักมาก โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายทะลุ 1 แสนล้านบาทเป็นปีแรก สูงสุดในรอบ 7 ปี และยังมีอัตราขยายตัวเป็นตัวเลขสองหลัก โดยมีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี ซึ่งศูนย์คาดการณ์ว่าปี 2555จะขยายตัวที่ 5.4% ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มคลายความกังวล นโยบายเศรษฐกิจในประเทศได้รับอานิสงส์จากนโยบายเพิ่มค่าแรงงาน โครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ส่งผลให้ประชาชนมีการใช้จ่ายมากขึ้น
นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การสำรวจความเห็นประเด็นปัญหาที่รัฐบาลควรแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุดในปี 2556 ส่วนใหญ่ 32.9% ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยรวม อีก 30.7% ต้องการให้รักษาเสถียรภาพทางการเมือง และ 25.3% อยากให้แก้ปัญหาสังคม แต่เมื่อถามถึง ภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2556 จะปรับตัวดีขึ้นจากปี 2555 หรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่ 44.3% เชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น และมีการขยายตัว 4.1-5.0%
ส่วนความเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนใหญ่ 40.9% ตอบว่าไม่แน่ใจ 30.3% เห็นว่าไม่ควรแก้ไข และ 28.8% ต้องการให้รัฐบาลแก้ไข ส่วนสถานการณ์การเมืองปี 2556 ส่วนใหญ่ 61.3% บอกเหมือนเดิม อีก 19.7% เชื่อว่าการเมืองจะดีขึ้น และ 18.9% คิดว่าแย่ลง ขณะที่คำอวยพรในช่วงปีใหม่ ประชาชนอยากขอให้พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง 38.7% ขอให้ภาคใต้สงบสุข 12.3% ขอให้ค้าขายดี 9.8% ขอให้คนไทยสมานฉันท์ 7.6% และขอให้เศรษฐกิจดีขึ้น 7.2%
สำหรับสิ่งที่ประชาชนอยากได้ของขวัญจากรัฐบาล 32.8% ต้องการความสงบสุข ขณะที่ 11.2% ต้องการให้เกิดความสามัคคี อีก 9.1% ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น 9% ให้ดูแลราคาสินค้า และ7.9% ให้ดูแลปัญหาคอรัปชั่น ส่วนบุคคลที่ประชาชนอยากให้ของขวัญมากที่สุด คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รองลงมาเป็นนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์
