ASTVผู้จัดการรายวัน - “แอลพีเอ็น เพลทมิล” ตั้งเป้าปีนี้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนเกรดพิเศษเพิ่มเท่าตัว 2-2.5 แสนตัน รองรับโครงการรถไฟฟ้า- ออยล์แอนด์แก๊ส ยันปีหน้าเดินเครี่องจักรเต็มกำลังการผลิตได้รองรับตลาดเออีซี หลังดึงมืออาชีพเข้ามาทำงานเสริมทัพ
นายฐิติกร ทรัพย์บุญรอด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แอล พี เอ็น เพลทมิล จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเหล็กแผ่นเกรดพิเศษเพิ่มขึ้นเป็น 2-2.5 แสนตัน จากกำลังการผลิตเต็มที่ 3.6 แสนตัน/ปี หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐฯและยุโรปค่อนข้างคงที่และความต้องการใช้เหล็กในประเทศก็เพิ่มสูงขึ้นทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ และการสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันและคลังน้ำมัน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้รับอานิสงส์จากกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ได้ออกกฎหมายตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนเหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำเข้าจากจีนเป็นเวลา 5ปี หลังจากที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเหล็กแผ่นรีดร้อนได้รับความเดือดร้อนจากการทุ่มตลาดเหล็กแผ่นรีดร้อนจากจีนทำให้ต้องลดกำลังการผลิตลง เนื่องจากยิ่งผลิตมากยิ่งขาดทุนมากแม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทฯผลิตเหล็กแผ่นฯเกรดพิเศษ ซึ่งต่างจากเหล็กจีนที่เข้ามาทุ่มตลาด ทำให้บริษัทฯได้รับผลกระทบไม่มากนักก็ตาม
โดยปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะกลับมามีกำไรอีกครั้ง เนื่องจากเดินเครื่องจักรเกิน 50%ของกำลังการผลิต
นายฐิติกร กล่าวต่อไปว่า หลังจากบริษัทฯดึงผู้บริหารมืออาชีพต่างชาติเข้ามาทำงานเสริมทัพ ทำให้บริษัทฯก้าวผ่านจากธุรกิจครอบครัวไปสู่การทำธุรกิจแบบมืออาชีพ และปีที่ผ่านมา บริษัทฯก็มียอดขายเหล็กแผ่นดีขึ้น แม้ว่าสถาบันการเงินไม่ค่อยสนับสนุนด้านการเงินให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก โดยเฉพาะบริษัทฯอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการแต่การดึงมืออาชีพที่มีประสบการณ์ทางด้านการผลิตและการตลาดเข้ามานี้ ทำให้ได้รับความเชื่อถือจากบริษัทต่างชาติทั้งนิปปอนสตีล และซูมิโตโม เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯมั่นใจว่าในปี2557 บริษัทฯจะสามารถเดินเครื่องจักรผลิตเหล็กแผ่นเกรดพิเศษได้เต็มกำลังการผลิต 3.6 แสนตัน/ปี นับเป็นปีแรกหลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี 2540 อีกทั้งเป็นการเพิ่มการผลิตเพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี ) เนื่องจากบริษัทฯเป็น 1ใน 9 บริษัทของโลกที่สามารถผลิตเหล็กแผ่นเกรดพิเศษสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมออยล์แอนด์แก๊สและแท่นขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งเป็นบริษัทเดียวในอาเซียนที่ผลิตเหล็กเกรดนี้ได้
นอกจากนี้ ยังได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อดำเนินการยื่นออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการ คาดว่าบริษัทฯจะออกจากแผนฟื้นฟูฯได้ในกลางปีนี้ ทำให้บริษัทฯสามารถบริหารงานและมีฐานะการเงินที่เข้มแข็งขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯมีหนี้สินรวม 1.5 พันล้านบาท
นายฐิติกร ทรัพย์บุญรอด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แอล พี เอ็น เพลทมิล จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเหล็กแผ่นเกรดพิเศษเพิ่มขึ้นเป็น 2-2.5 แสนตัน จากกำลังการผลิตเต็มที่ 3.6 แสนตัน/ปี หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐฯและยุโรปค่อนข้างคงที่และความต้องการใช้เหล็กในประเทศก็เพิ่มสูงขึ้นทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ และการสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันและคลังน้ำมัน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้รับอานิสงส์จากกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ได้ออกกฎหมายตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนเหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำเข้าจากจีนเป็นเวลา 5ปี หลังจากที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเหล็กแผ่นรีดร้อนได้รับความเดือดร้อนจากการทุ่มตลาดเหล็กแผ่นรีดร้อนจากจีนทำให้ต้องลดกำลังการผลิตลง เนื่องจากยิ่งผลิตมากยิ่งขาดทุนมากแม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทฯผลิตเหล็กแผ่นฯเกรดพิเศษ ซึ่งต่างจากเหล็กจีนที่เข้ามาทุ่มตลาด ทำให้บริษัทฯได้รับผลกระทบไม่มากนักก็ตาม
โดยปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะกลับมามีกำไรอีกครั้ง เนื่องจากเดินเครื่องจักรเกิน 50%ของกำลังการผลิต
นายฐิติกร กล่าวต่อไปว่า หลังจากบริษัทฯดึงผู้บริหารมืออาชีพต่างชาติเข้ามาทำงานเสริมทัพ ทำให้บริษัทฯก้าวผ่านจากธุรกิจครอบครัวไปสู่การทำธุรกิจแบบมืออาชีพ และปีที่ผ่านมา บริษัทฯก็มียอดขายเหล็กแผ่นดีขึ้น แม้ว่าสถาบันการเงินไม่ค่อยสนับสนุนด้านการเงินให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก โดยเฉพาะบริษัทฯอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการแต่การดึงมืออาชีพที่มีประสบการณ์ทางด้านการผลิตและการตลาดเข้ามานี้ ทำให้ได้รับความเชื่อถือจากบริษัทต่างชาติทั้งนิปปอนสตีล และซูมิโตโม เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯมั่นใจว่าในปี2557 บริษัทฯจะสามารถเดินเครื่องจักรผลิตเหล็กแผ่นเกรดพิเศษได้เต็มกำลังการผลิต 3.6 แสนตัน/ปี นับเป็นปีแรกหลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี 2540 อีกทั้งเป็นการเพิ่มการผลิตเพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี ) เนื่องจากบริษัทฯเป็น 1ใน 9 บริษัทของโลกที่สามารถผลิตเหล็กแผ่นเกรดพิเศษสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมออยล์แอนด์แก๊สและแท่นขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งเป็นบริษัทเดียวในอาเซียนที่ผลิตเหล็กเกรดนี้ได้
นอกจากนี้ ยังได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อดำเนินการยื่นออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการ คาดว่าบริษัทฯจะออกจากแผนฟื้นฟูฯได้ในกลางปีนี้ ทำให้บริษัทฯสามารถบริหารงานและมีฐานะการเงินที่เข้มแข็งขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯมีหนี้สินรวม 1.5 พันล้านบาท